ขณะที่ยืนมองเขาตรวจเอกสาร เธอก็สังเกตว่าเขาดูจะไม่ค่อยสบายตัวนักหลายครั้งก็ยกมือขึ้นนวดขมับและยกมือขึ้นพัดตัวเองเหมือนรู้สึกร้อนเต็มที
“ดรีมว่าคุณซันน่าจะไม่สบายนะคะ เดี๋ยวดรีมขับรถไปส่งคุณที่คอนโดดีกว่าค่ะ ขืนปล่อยให้คุณขับรถเองในสภาพนี้คงไม่ดีแน่ แล้วเดี๋ยวดรีมจะโทรตามหมอให้ไปเจอกันที่คอนโดของคุณด้วยเลยนะคะ”
“ขอบคุณครับ เอกสารมีอีกรึเปล่า”
“จริงๆ ก็มีค่ะ แต่ไม่เร่งด่วนมาก รอเซ็นวันจันทร์ได้ค่ะ ดรีมคัดมาแค่เอกสารด่วนกับเอกสารสำคัญมาให้คุณก่อนค่ะ”
“ก็ดีครับ แต่คุณไม่ต้องไปส่งผมหรอก ให้พี่เด่นไปดีกว่า”
“วันนี้พี่เด่นไปดูไซต์ก่อสร้างที่ลาดกระบังค่ะ ออกไปตั้งแต่ชั่วโมงก่อนตอนนี้คงถึงแล้วถ้าจะให้กลับมาคงจะเสียเวลารออีกเป็นชั่วโมง ให้ดรีมไปส่งดีกว่าค่ะ ดรีมจะได้จัดการเรื่องอาหารกลางวันให้คุณด้วย”
อาทิตย์มองสบตาของเลขาฯ สาวและในแววตาคู่นั้นก็เต็มไปด้วยความจริงใจและความห่วงใย เป็นแววตาที่แม้แต่แม่แท้ๆ ของเขาก็ยังไม่เคยมีให้
“ขอบคุณครับ งั้นคุณเอาเอกสารกลับไปจัดการต่อก่อนเถอะ แล้วเดี๋ยวเราก็ไปกัน ผมจะนอนพักสักหน่อยระหว่างรอ เรียบร้อยแล้วก็มาเรียกละกันนะครับ”
“ได้ค่ะ”
เหมือนฝันหอบเอกสารที่เขาเซ็นเรียบร้อยออกไปด้านนอก จากนั้นก็เรียกทีมผู้ช่วยเลขาฯ นำไปส่งคืนที่แผนกอื่นๆ และสั่งงานช่วงบ่ายเอาไว้เพราะเธอไม่แน่ใจว่าจะกลับเข้ามากี่โมง เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยเธอก็สะพายกระเป๋าเข้าไปในห้องของอาทิตย์และพบว่าเขานอนเอนกายอยู่ตรงโซฟา
หญิงสาวโน้มตัวลงไปใกล้ตั้งใจจะเอื้อมมือไปปลุกเขาให้ตื่น แต่ไม่บ่อยนักหรอกที่เธอจะได้มองเขาจากมุมนี้
มุมที่เหมือนเด็กน้อยไร้พิษสงใดๆ เป็นเด็กที่ขาดความอบอุ่นและขาดคนดูแลเอาใจใส่
เธอเคยได้ยินเด่นคุณเล่าให้ฟังเมื่อสองปีก่อน ตอนที่เธอได้เจอกับการทะเลาะกันครั้งใหญ่ระหว่างอาทิตย์กับท่านประธาน แม้จะจับใจความไม่ได้เพราะเธอได้ยินเพียงไม่กี่ประโยคแต่ก็ได้รู้ว่าสองแม่ลูกไม่ลงรอยกันตั้งแต่ท่านประธานคนก่อนหรือก็คือพ่อของเขาเสียไปเมื่อสิบห้าปีก่อน
เพราะสามีจากไปทำให้คนเป็นภรรยาต้องมารับช่วงต่อในขณะที่บุตรชายยังอยู่ในช่วงวัยรุ่น ทำให้ท่านไม่มีเวลาดูแลเขามากนักแถมยังกดดันให้เขาต้องเดินตามเส้นทางที่ท่านวางไว้ให้และก็เป็นท่านที่ทำให้เขาต้องเลิกกับหญิงคนรักตอนที่เรียนมหาวิทยาลัย จากนั้นอาทิตย์ก็ไม่เคยรักใครอีกเลย
อาจจะไม่รัก...แม้กระทั่งตัวของเขาเองด้วยซ้ำไป
“คุณซันคะ ดรีมพร้อมแล้วค่ะ ไปกันเถอะ”
หญิงสาวตัดสินใจปลุกเขาในที่สุดก่อนที่เขาจะหลับลึกและจะยิ่งทำให้ปวดหัวมากไปกว่านี้
อาทิตย์ค่อยๆ ลืมตาแล้วลุกขึ้นมานั่งโดยมีเธอช่วยประคองเอาไว้
“นี่กี่โมงแล้วครับ”
“เกือบเที่ยงแล้วค่ะ”
“งั้นคุณไปกินข้าวก่อนมั้ย”
“ไม่เป็นไรค่ะ ดรีมโทรไปสั่งอาหารร้านโปรดของคุณซันเอาไว้แล้ว เดี๋ยวเราจะแวะรับอาหารก่อนกลับ รอให้คุณกินอิ่มแล้วดรีมค่อยหาอะไรกินก็ได้ค่ะ”
“สั่งมากี่อย่าง”
“สั่งกับข้าวสามอย่างค่ะ”
“งั้นก็กินด้วยกันเลยดีกว่า ผมคงกินไม่หมดหรอก แค่นี้ก็รู้สึกพะอืดพะอมมากแล้ว”
“ก็ได้ค่ะ งั้นเดี๋ยวคุณซันไปรอดรีมที่หน้าบริษัทนะคะ ดรีมจะไปเอารถก่อน”
“รถคุณคันเล็กนิดเดียว ขับรถผมดีกว่า รถผมจอดอยู่หน้าตึกอยู่แล้ว”
“แต่รถคุณซันแพงมากเลยนะคะ ถ้าเกิดดรีมเอาไปขูดฟุตบาทขึ้นมากลัวจะไม่มีปัญญาจ่ายค่าทำสีค่ะ” เธอบอกพร้อมกับรอยยิ้มจืดเจื่อน
“ผมไม่ให้คุณจ่ายหรอกน่า ต่อให้ขับชนจนพังก็แค่เปลี่ยนคันใหม่เท่านั้น ขอแค่ไม่ทำให้ใครตายก็พอ”
“แต่ปกติคุณไม่ให้ใครขับรถของคุณนะคะ พี่เด่นเคยบอกไว้ว่าคุณหวงรถมาก”
“งั้นเหรอ? ผมจำไม่ได้แล้วสิ ไปเถอะ”
เขาลุกขึ้นแล้วเดินไปหยิบกุญแจรถซูเปอร์คาร์ที่วางอยู่กับกระเป๋าเงินจากนั้นก็หยิบแว่นกันแดดแบรนด์ดังมาสวมเพื่อปกปิดสายตาที่ดูอ่อนล้าของตัวเองก่อนจะเดินนำเธอออกไปจากห้องนั้น
ภาพที่เลขาฯ สาวเดินอ้อมไปนั่งฝั่งคนขับเรียกเสียงฮือฮาให้กับพนักงานในบริษัทที่พบเห็นอยู่ไม่น้อย เพราะแม้จะรู้ว่าเหมือนฝันเป็นเลขาฯ คนสนิทคนหนึ่งของอาทิตย์ แต่พวกเธอก็ยังไม่เคยเห็นเจ้านายอนุญาตให้ใครอยู่หลังพวงมาลัยนอกจากตัวเขาเอง
“แกๆ เห็นเหมือนที่ฉันเห็นมั้ย” พนักงานคนหนึ่งหันไปสะกิดเพื่อนที่ยืนซื้อกาแฟอยู่ใต้ตึกด้วยกัน
“เห็นสิ ตอนแรกฉันนึกว่าตัวเองตาฝาด ถ้าหากว่าพวงมาลัยรถไม่ได้อยู่ผิดฝั่งก็แปลว่าคุณเลขาฯ มีบุญมากเลยนะที่ได้ขับรถซูเปอร์คาร์ของท่านรองฯ น่ะ”
“นั่นสิ ฉันมาทำงานที่นี่สามปีแล้วยังไม่เคยเห็นท่านยอมให้ใครขับรถให้ตัวเองนั่งเลยนะ แบบนี้แปลว่าเค้าคงจะไว้ใจกันมากเลยเนาะ”
“ก็ต้องไว้ใจสิ ได้ยินว่าเค้าทำงานด้วยกันมาตั้งสี่ห้าปีแล้วนะ นอกจากคุณเด่นก็มีคุณดรีมคนนี้แหละที่คอยอยู่ข้างๆ ท่านรองฯ ตลอด แต่จะว่าไปพวกเค้าสองคนก็ดูเหมาะสมกันดีนะถ้าคบกันก็คงดี”
“ไม่ได้นะแก คบกันไม่ได้” เธอรีบส่ายหน้าทันที
“ทำไมยะ ทำไมพวกเค้าจะคบกันไม่ได้ล่ะ” คนฟังมองอย่างสงสัย