" โง่เหมือนควาย EP 1 "

2399 คำ
@คอนโดเบลล์ แสงแดดอ่อนของยามสายลอดผ่านผ้าม่านสีขาวบางเบาในห้องนอน กลิ่นข้าวต้มร้อนลอยอบอวลคลุ้งไปทั่ว ความเงียบสงบถูกแทนที่ด้วยเสียงแหบแผ่วของคามินที่นั่งอยู่ข้างเตียง พลางมองเพื่อนสนิทที่เพิ่งฟื้นขึ้นจากฝันร้ายเมื่อคืน เบลล์ค่อยๆ ลืมตา พลางยกมือขึ้นกุมขมับ ดวงตาบวมช้ำยังแสดงร่องรอยของความอ่อนล้า "อื้อ....มิน.... "ตื่นแล้วเหรอ...เป็นไงบ้าง : คามิน "กูปวดหัว... "ก็ต้องปวดอยู่แล้วไหม...มึงเล่นร้องไห้หนักขนาดนั้น : คามินว่าเสียงเรียบ มือใหญ่คว้าถ้วยข้าวต้มร้อนที่เพิ่งทำเสร็จมาวางไว้ข้างเตียง กลิ่นหอมจางๆ ยิ่งทำให้บรรยากาศอบอุ่นขึ้น "มากินข้าวต้มก่อน...กูพึ่งทำเสร็จ กำลังร้อนๆเลย : คามิน "กูไม่หิว.." เบลล์เบือนหน้าออกเล็กน้อย สีหน้าอิดโรยยังคงไม่จางหาย "ไม่หิวก็ต้องกิน : เสียงของคามินเด็ดขาดแต่ยังคงนุ่มนวล ดวงตาคมกริบมองมาราวกับบังคับกลายๆ เบลล์ขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้เขาอย่างอ้อนๆ ปากจู่อย่างเด็กเอาแต่ใจ "ป้อนหน่อย... ฉันยื่นหน้าทำปากจู่เข้าไปใกล้คามิน...แต่ก่อนทุกครั้งที่ฉันป่วยก็จะมีมันนี้แหละคอยดูแล...แต่พอฉันคบกับครามโดยเปิดเผย มันก็ตีตัวออกห่าง...กลัวว่าสงครามจะคิดมาก และพรางระแวงฉัน "อืม...เดี๋ยวกูป้อน...ขี้อ้อนจริงนะมึงนิ" คามินยิ้มน้อยๆออกมา มือหนาทำหน้าที่ตักข้าวต้มก่อนจะเป่าให้หายร้อน แล้วยื่นมาเข้าปากเธอเบลล์อ้าปากรับคำข้าวต้มเข้าไป ดวงตาที่เศร้าหมองค่อยๆ กลับมามีชีวิตขึ้นทีละนิด "อืม...อร่อยเหมือนเดิม " เธอยิ้มออกมาอย่างจริงใจเป็นครั้งแรก ยกนิ้วโป้งสองข้างขึ้นพร้อมกัน ราวกับเด็กที่ได้รับคำชม "อยู่เป็นจริงๆนะมึง.. " คามินหัวเราะน้อยๆ ส่ายหน้าอย่างระอาแต่แฝงความห่วงใย เบลล์หลุบตาลงเล็กน้อยก่อนจะพูดเบาๆ "ขอบคุณนะ..ที่ดูแลกูมาตลอด ถ้าไม่ติดว่ามึงเป็นเพื่อนสนิทกูมาตั้งแต่เด็ก กูคงคิดว่ามึงแอบชอบกูอยู่แน่ๆ คำพูดเล่นๆ ของเบลล์ทำให้คามินชะงักไป สีหน้าดูเลิ่กลั่ก รอยยิ้มจางๆ เลือนหายจากใบหน้า เขาหลบสายตาเล็กน้อยก่อนจะยัดคำข้าวต้มเข้าปากเธออย่างรวดเร็ว "พูดมาก..กินเข้าไปเลย : คามิน "โอ้ย...มันร้อนนะมิน... " เบลล์ร้องพลางรีบเอามือแตะปากของตัวเองอย่างตกใจ "ขอโทษ...เจ็บมากไหม ไหนดูซิ... คามินรีบวางช้อนลง แล้วเอามือขึ้นมาจับคางฉันเชยขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเอามือหนามาลูบเบาๆที่มุมปากเล็ก เขาค่อยๆก้มหน้าเข้ามาใกล้ก่อนจะเป่าลมออกจากปากหนาลงมาที่มุมปากเล็ก "เพี้ยง !.. หายแล้ว :คามิน เบลล์จ้องหน้าเขานิ่งนานกว่าปกติ หัวใจเต้นแรงโดยไม่ทราบสาเหตุ ขณะที่สายตาของคามินก็ค่อยๆ เลื่อนลงมาสบกับดวงตากลมโตของเธอ สองคนต่างหยุดนิ่ง ปล่อยให้ความเงียบและแรงดึงดูดบางอย่างเข้าครอบงำ ใบหน้าของคามินโน้มเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ลมหายใจอุ่นๆ สัมผัสผิวแก้มของเบลล์ ริมฝีปากของทั้งคู่ใกล้กันจนแทบจะแนบสนิท แต่แล้ว... "ติงตอง...ติงตอง!! ( เสียงออดดัง ) ทั้งสองสะดุ้งทันที เบลล์รีบผละตัวออก ส่วนคามินเองก็ชะงัก รีบลุกขึ้นไปยังประตู "เอ่อ...กู...กูขอโทษ.. "อืม..ม่ะ..ไม่เป็นไร เสียงหัวใจที่เคยดังระรัว กลับกลายเป็นความรู้สึกค้างคาเมื่อช่วงเวลานั้นถูกตัดขาดโดยเสียงออด เราเกือบจะจูบกันอยู่แล้วเชียว แต่มีเสียงออดดังขึ้นเสียก่อน คามินจึงรีบลุกขึ้นไปเปิดประตู..ฉันแอบหวังเล็กๆว่าคนที่มาอาจจะเป็นครามแต่มันไม่ใช่เมื่อคนที่มาคือไอ้โรมกับนุ่น หึ..เขาคงจะไม่แคร์ฉันจริงๆใช่ไหม ยิ่งคิดยิ่งเจ็บหัวใจ ทำไมถึงไปรักคนแบบนั้นได้ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเพียงเบาๆ ไม่กี่วินาทีต่อมาก็เปิดออก พร้อมร่างสูงของโรมที่เดินเข้ามาด้วยท่าทางคึกคัก มือถือถุงผลไม้กับขนมถุงเล็กๆ พะรุงพะรัง เขายิ้มกว้างอย่างคนอารมณ์ดีเต็มที่ ดวงตาเปล่งประกายอย่างเห็นได้ชัดว่าอยากแกล้งฉันให้หายเครียด "แม่หญิงเบลล์ของโรม เป็นยังไงบ้าง เห็นบอกไม่สบาย นี่พอไอ้คามินส่งข่าว โรมก็รีบมาเลยนะ : โรม "อย่าเยอะไอ้โรม..กูแค่เป็นไข้ ไม่ได้ถึงกับจะตาย.." ฉันกลอกตามองบนอย่างเหนื่อยใจเล็กๆกับความเวอร์วังของมัน ก่อนจะถอนหายใจพรืด พลางเอนหลังพิงพนักเตียงด้วยความเหนื่อยล้า ผ้าห่มยังคลุมอยู่ที่ช่วงขาและไอร้อนจากไข้ก็ยังอวลอยู่ในตัว "มึงนิ...ไม่ยอมเล่นกับกูเลยสักครั้ง : โรมยักไหล่หงอยๆ ทำหน้าหมาหงอยแล้วหันไปหานุ่นที่ยืนกอดอกพิงผนังอยู่ไม่ไกล ดวงตาเธอมองโรมเหมือนกำลังหาเรื่อง "ใครจะปัญญาอ่อนแบบมึง : น้ำเสียงนุ่นเหน็บแนม ริมฝีปากเบะนิดๆ อย่างขำขัน กลายเป็นภาพคุ้นตาของสองคนที่กัดกันประจำ โรมหันขวับ "อ้าวนุ่น เดี๋ยวกูปล่อยมึงลงข้างทางเลยนิ : โรม "พวกมึงสองคนนี้ก็ทะเลาะกันได้ทุกวัน เดี๋ยวเหอะ โบราณว่าไว้ เกลียดอย่างไหนจะได้อย่างนั้น : คามินที่ยืนเท้าประตูพิงอยู่ด้านหลัง หัวเราะเบาๆ พลางส่ายหน้า แววตาเอ็นดูและเบื่อหน่ายในเวลาเดียวกัน มุมปากเขายกขึ้นนิดๆเหมือนกลั้นยิ้ม "ไม่มีทาง..ให้กูเอากับไอ้โรมกูยอมขึ้นคานดีกว่า : นุ่น "กูก็ไม่เอามึงเหมือนกันแหละนุ่น คนอะไรทั้งตัวมีแต่ขากับแขน : โรม "ไอ้โรม !!!! " เสียงนุ่นขึ้นสูง ใบหน้าหงิกงอ ร่างเล็กเดินปรี่เข้าหาโรมเหมือนจะเอาเรื่องจริงๆ มือกำหมัดไว้แน่น ส่วนโรมก็หัวเราะลั่นจนตัวงอ "55555 พวกมึงนี่นะ..ลืมหรือเปล่าว่ามาเยี่ยมกู...กัดกันอยู่ได้" ฉันพูดเสียงแหบ หัวเราะเบาๆอย่างอ่อนล้า สายตาเหลือบมองเพื่อนทั้งสองอย่างปลงๆ แต่ก็อดรู้สึกอบอุ่นใจไม่ได้ที่ยังมีพวกมันอยู่ด้วยตรงนี้ "แล้วไอ้ครามล่ะ..มันยังไม่กลับมาอีกเหรอ ปกติเห็นตัวติดกันตลอด : คำถามของนุ่นทำให้ทุกอย่างในห้องเงียบลงเล็กน้อย สายตาทุกคู่เริ่มมองหน้ากันอย่างรู้ทัน โดยเฉพาะคามินที่กะพริบตาถี่แล้วรีบเอ่ยแทรก "นุ่น มึงตกข่าว อย่าเอ่ยชื่อไอ้ครามให้เบลล์ได้ยิน : โรม "อะไรวะ เกิดอะไรขึ้น : นุ่น "หึ.. "ไอ้ผัวเฮงซวย" ป่านนี้มันคงนอนกกเหล่าเมียๆมันอยู่..ไอ้คนมักมาก ไอ้คนส่ำส่อน..." เสียงฉันสั่นน้อยๆในตอนแรก แล้วเริ่มหนักแน่นขึ้น น้ำเสียงแฝงความเจ็บและตัดพ้อ ดวงตาเบลล์มีแววแดงเรื่อที่พยายามกลั้นน้ำตาไว้แน่น ปลายนิ้วจิกลงกับผ้าห่มอย่างแน่น "นี่มึงทะเลาะกัน ? : นุ่น "อืม..แล้วกูก็จะเลิกกับมันด้วย" คำพูดนั้นหลุดออกมาเบาๆ แต่ชัดเจน ราวกับประกาศสงครามเงียบในใจตัวเอง สีหน้าฉันราบเรียบ แต่เบื้องหลังดวงตาเต็มไปด้วยความผิดหวังระคนช้ำใจ "เรื่องร้ายแรงขนาดนั้นเชียว : นุ่น "มึงมานี่เดี๋ยวกูเหล่าให้ฟัง : รมดึงคอเสื้อของนุ่นแล้วเดินออกไปนอกห้องนอนของฉัน" โรมจับคอเสื้อนุ่นเบาๆลากออกไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ห้องกลับมาเงียบอีกครั้ง คามินเดินเข้ามานั่งขอบเตียง สายตาอ่อนโยนจับจ้องมาที่ฉัน "มึงโอเคไหมเบลล์ ที่ต้องมาตอบคำถามอะไรแบบนี้บ่อยๆ : คามิน "อืม..โอเค..กูไม่เป็นอะไรแล้ว...คนอย่างกูไม่ยอมเสียใจนานหรอกนะ" ฉันตอบไปทั้งที่ยังรู้สึกแน่นในอก หัวใจเหมือนโดนบีบ แต่ก็ฝืนยิ้มเล็กๆให้คามิน ราวกับจะบอกว่า 'กูโอเคจริงๆ' "ดีมาก..แบบนี้สิถึงจะสมกับเป็นเบลล์แซ่บ : คามินยิ้มให้ด้วยแววตาที่อบอุ่น ท่าทางเหมือนพี่ชายที่คอยดูแลไม่ห่าง มือใหญ่ยกขึ้นมาลูบหัวฉันเบาๆอย่างปลอบใจ ก่อนที่บรรยากาศภายในห้องจะเริ่มคลายความตึงเครียดลงเล็กน้อย @ 13.00 น. มหาลัย อากาศในเช้าวันนี้ดูจะร้อนอบอ้าวกว่าทุกวัน หรืออาจเพราะอุณหภูมิในร่างกายฉันมันสูงกว่าปกติจนรู้สึกได้ เหงื่อผุดขึ้นตามไรผม และผิวกายก็เหนียวหนึบหนับจนรู้สึกไม่สบายตัว "มึงไหวไหมเนี้ยเบลล์..ตัวมึงอุ่นๆนะ...ไม่สบายยังจะหอบสังขารมาเรียนอีก : นุ่นมาช่วยพยุงตัวฉันให้เดินไปยังห้องเรียน ตามด้วยคามินและโรมที่เดินตามอย่างใกล้ชิด เสียงของนุ่นแฝงความห่วงใยจนสัมผัสได้ชัด เธอเอื้อมมือมาประคองแขนฉันอย่างมั่นคง น้ำหนักตัวฉันเหมือนจะเทไปทางเธอโดยไม่รู้ตัว ขาของฉันไม่มีแรงอย่างที่คิดจริงๆ ส่วนคามินกับโรมที่เดินตามมาข้างหลัง สีหน้าไม่ต่างกันนัก ทั้งคู่มองฉันเหมือนฉันจะล้มลงได้ทุกเมื่อ โดยเฉพาะคามิน สายตาเขาจริงจังจนฉันรู้สึกเกร็งนิดๆ "ก็ช่วงบ่ายมีสอบไฟนอล..กูไม่อยากขาด ขี้เกียจมาขอสอบย้อนหลัง" เสียงของฉันเบา แหบ และแห้งเหมือนกระดาษฝืดๆ แต่ฉันก็พยายามฝืนให้มันมั่นคง ริมฝีปากแห้งจนแทบไม่มีแรงพูด แต่ในใจก็ยังยืนกรานเหมือนเดิม ฉันจะไม่ยอมพลาดสอบ "แล้วนี่มึงหายปวดหัวหรือยัง : เสียงเขาฟังดูนิ่ง แต่แฝงความห่วงใยแบบเงียบๆ ดวงตาคมจ้องสำรวจใบหน้าฉันอย่างพินิจ ราวกับจะอ่านให้ทะลุว่าอาการฉันแย่แค่ไหนจริงๆ "ยังปวดอยู่นิดหน่อย แต่คิดว่าไหว" ฉันพยายามฝืนยิ้มตอบเขา ริมฝีปากกระตุกขึ้นเพียงน้อยนิด ทว่าเบื้องหลังดวงตา ฉันเองก็ไม่แน่ใจว่า "ไหว" ที่พูดไปนั้น มันยังจริงอยู่แค่ไหน "ถ้าไม่ไหวมึงรีบบอกกูนะ ห้ามมึงฝืน..เข้าใจไหม : คามิน เสียงคามินเข้มขึ้นเล็กน้อย ประหนึ่งคำสั่งมากกว่าคำเตือน เขาก้าวเข้ามาใกล้กว่าเดิม จนมือเกือบจะเอื้อมแตะไหล่ฉัน สายตาคมดุจ้องฉันแน่นอย่างไม่ยอมให้หลบ "ค่าาาาพ่อ..." ฉันลากเสียงยานใส่กลับไป ทั้งเหนื่อยทั้งขำกับความขี้ห่วงของเขา ถึงจะรู้ว่าเขาเป็นคนแบบนี้ แต่ในเวลานี้...มันก็ทำให้ใจอุ่นแปลกๆ "มึงสองคนนี่ยังงัย...มึงห่วงมันเกินเพื่อนหรือเปล่าไอ้คามิน : โรม" เสียงโรมดังขึ้นจากข้างหลัง แฝงแววแซวชัดเจน แววตาเขากะพริบขำๆ จงใจจับสังเกตอะไรบางอย่างในน้ำเสียงกับท่าทางของคามิน "ก็เพื่อนกัน ไม่ห่วงเพื่อนแล้วจะไปห่วงใคร : คามิน" คามินหันไปตอบอย่างมั่นคง สีหน้าไม่มีรอยยิ้ม แต่ในน้ำเสียงยังคงเรียบเย็นแบบที่ใครฟังแล้วก็ยากจะจับพิรุธ "แน่นะ : โรม" โรมหรี่ตาจ้องเพื่อนรักอย่างจับผิดเต็มที่ พร้อมกับยักคิ้วสองทีเป็นจังหวะน่าหมั่นไส้ เขาอมยิ้มอย่างคนรู้ทัน แล้วหันกลับมามองฉัน ก่อนจะเดินต่อไปอย่างอารมณ์ดี ฉันถอนหายใจเบาๆ แม้จะรู้สึกมึนหัวอยู่บ้าง แต่บรรยากาศรอบตัว...กลับอบอุ่นกว่าที่คิดมาก ไม่กี่นาทีต่อมา ฉันกับเพื่อนๆเข้ามาถึงห้องเรียนก็เจอกับสงครามที่นั่งรอสอบอยู่ที่โต๊ะประจำ ฉันไปนั่งที่ของคามิน ส่วนคามินนั่งติดกับคราม ซึ่งเป็นที่ประจำของฉัน สงครามมองฉันนิ่งๆ ก่อนจะหลบสายตาไป ฉันเองที่นิ่งเฉย พยายามไม่สน ไม่มองกลับไป ให้มันรู้กันไปเลย ว่าคนอย่างฉันไม่ตายเพราะผัวเฮงซวยอย่างมัน การสอบผ่านไปนานหลายชั่วโมง ด้วยข้อสอบที่ออกรอบโลกกับโจทย์ที่ยาวราวกับกำแพงเมืองจีน ฉันอ่านวนอยู่หลายรอล เริ่มปวดหัวขึ้นมามากขึ้น แต่พยายามทำมันให้เสร็จ จนหมดเวลาอาจารย์เก็บกระดาษคำตอบแล้วเดินออกจากห้องไป ฉันจึงเก็บอุปกรณ์เครื่องเขียนต่างๆใส่กระเป๋า มันรู้สึกเวียนหัวยังไงบอกไม่ถูก แต่ก็พยายามพยุงตนเองไว้ "เบลล์ไหวไหม..หน้ามึงซีดมาก : เสียงของคามินดังแทรกขึ้นมาจากด้านข้าง สายตาของเขามีแต่ความกังวล เขาย่อตัวลงมาข้างฉัน พลางจ้องมองใบหน้าฉันที่น่าจะซีดจนเห็นได้ชัด ฉันพยักหน้าเล็กน้อย พยายามยิ้มตอบบางๆ แม้จะฝืนแค่ไหนก็ตาม "อืม..ไหว " ฉันตอบเบาๆ พลางดึงหูหิ้วกระเป๋าขึ้นมา แล้วออกแรงลุกจากเก้าอี้ แต่ทันทีที่ขยับ...แรงทั้งหมดที่สะสมไว้เหมือนถูกดึงออกไปพร้อมลมหายใจ โลกทั้งใบเริ่มหมุนวนเร็วขึ้นกว่าเดิม ใบหน้าคามินพร่าเลือน สายตาเริ่มดับวูบ เสียงรอบข้างกลายเป็นเพียงเสียงอื้ออึงในโสตประสาท ก่อนที่ความมืดจะกลืนกินทุกอย่างไป "พุบ...ๆๆ "เบลล์ !!!! : เสียงตะโกนของใครบางคนดังแว่วขึ้นมาท่ามกลางความพร่าเลือน เขาโผเข้ามาด้วยความเร็ว และไม่รอช้าแม้แต่วินาทีเดียว "ถอย..กูอุ้มเอง : สงครามรีบวิ่งเข้ามาก่อนจะดึงตัวเบลล์ออกจากอ้อมแขนของคามิน แขนแกร่งสอดรับตัวฉันอย่างรวดเร็ว "กูจะพาเบลล์ไปห้องพยาบาล : เสียงของคามินดังขึ้นชัดเจนในความวุ่นวาย แฝงความแข็งกร้าวและจริงจัง ดวงตาของเขาเปล่งประกายกร้าว จ้องเขม็งมาทางสงครามด้วยความไม่พอใจ "แต่กูเป็น " ผัว " กูพาเบลล์ไปเอง" คำพูดของสงครามทำให้บรรยากาศในห้องแข็งค้าง เสียงพูดคุยรอบข้างเงียบลงทันทีเหมือนมีใครกดปิดสวิตช์ ทุกสายตาหันมามองทั้งคู่ด้วยความตื่นตะลึงคามินกัดฟันแน่น ขณะที่สายตาทั้งคู่วาบวับไปด้วยแรงอารมณ์ที่ก่อตัวขึ้นกลางอากาศตึงเครียด ร่างของฉันที่อยู่ในอ้อมแขนสงครามตอนนี้ กลายเป็นชนวนที่สั่นคลอนความสัมพันธ์บางอย่างระหว่างพวกเขาโดยไม่รู้ตัว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม