ภายในคฤหาสน์ตระกูลเบลเลโซ่ โถงกลางที่หรูหราแต่อึมครึมไปด้วยแรงกดดัน
ตึก ตึก ตึก!
เสียงฝีเท้าพร้อมเสียงกระชากประตูห้องดังกึกขึ้นก่อนที่หญิงสาวคนแรกจะวิ่งพรวดพราดกลับออกมา
ใบหน้าเธอซีดเผือด น้ำตาไหลพราก ข้อมือมีรอยแดงจากแรงบีบ เธอทรุดตัวลงกับพื้นตรงหน้าคุณหญิงย่า
“ฮึก… เขาเกือบจะฆ่าหนูค่ะคุณหญิง! ดะ…ดวงตาเขาน่ากลัวมาก… หนูไม่ไหวแล้ว…”
คุณหญิงวางถ้วยชาลงบนจานรองเบา ๆ แต่เสียงกระทบกลับดังสะท้อนขึ้นในความเงียบ
สายตาเยือกเย็นของเธอทอดมองหญิงสาวด้วยความไม่พอใจนัก
“ลุกขึ้นสิ… แค่ทดสอบก็ยังรับมือไม่ได้ แล้วจะเอาลูกกับเขาได้ยังไง?”
เสียงเธอเรียบเย็นราวกับน้ำแข็ง
“เอาตัวไปพักที่เรือนคนใช้ แล้วส่งกลับไปพรุ่งนี้เช้า”
หญิงสาวคนหนึ่งในกลุ่มที่เหลือกลืนน้ำลายลงคอ เธอหันไปกระซิบเพื่อนข้าง ๆ ด้วยสีหน้าเครียด
“นี่เรากำลังจะเจอผู้ชาย… หรือเจอปีศาจกันแน่?”
คุณหญิงย่าลุกขึ้นยืนช้า ๆ แล้วปรายตามองหญิงสาวอีกสิบคนที่ยังเหลืออยู่
“คืนนี้พอแค่นี้ก่อน ไปพักที่เรือนรับรองแขก พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่”
เธอหรี่ตามองแวบหนึ่ง
“และฟังให้ดี… ใครอ่อนแอ ใจไม่กล้า ถอยไปซะ”
บรรยากาศรอบตัวเงียบงันเหมือนถูกแช่แข็ง
เสียงฝีเท้าเบา ๆ ของเหล่าสาวงามเริ่มทยอยเดินออกจากโถงไปที่เรือนรับรองโดยมีคนของคุณหญิงคอยนำทาง
เมื่อทุกคนออกไปหมดแล้ว เคนจึงเดินเข้ามาใกล้ พลางถามเบา ๆ ด้วยความกังวล
“คุณหญิงครับ… ถ้าเขาอาละวาดหนักกว่านี้ล่ะครับ?”
คุณหญิงย่าหันมามอง พลางถอนหายใจเบา ๆ อย่างคนรู้ดีว่าเดิมพันครั้งนี้อันตรายแค่ไหน
“ถ้าอยากได้สิ่งที่ยิ่งใหญ่… บางครั้งก็ต้องเสี่ยงกับปีศาจ”
“แล้วถ้าเขาควบคุมตัวเองไม่ได้ล่ะครับ?”
“เราจะควบคุมเขาแทน… ฉันมีแผนสำรอง”
รอยยิ้มบาง ๆ ผุดขึ้นมุมปากของคุณหญิง พร้อมกับประกายอำมหิตในดวงตา
“เกมนี้เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น เคน”
ไม่นานนัก
ก็มีเสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังขึ้นจากบันไดไม้โอ๊คของคฤหาสน์เบลเลโซ่ บริเวณชั้นสิอง
อันนาหญิงสาวในชุดนอนสีอ่อน หน้าตาซีดเซียวและอ่อนแรง ค่อย ๆ พยุงตัวเองลงมาทีละขั้น แม้จะมีแม่บ้านเฝ้าดูแลใกล้ชิด แต่ดวงตาของเธอกลับพร่ามัวและว่างเปล่า
เมื่อมาถึงชั้นล่าง เธอเห็นหญิงชราในชุดผ้าไหมหรูหรานั่งจิบชาอยู่ท่ามกลางแสงโคมระย้าคุณหญิงย่าแห่งตระกูลเบลเลโซ่
คุณหญิงย่าชำเลืองมองเล็กน้อย ก่อนจะโบกมือให้แม่บ้านถอยออกไป แล้วเดินเข้าไปหาอันนาด้วยตัวเอง
“ตื่นแล้วหรือ?” เสียงคุณหญิงเรียบแต่ทรงอำนาจ
“รู้สึกยังไงบ้าง?”
อันนาเงยหน้าขึ้นช้า ๆ ดวงตาสั่นระริกอย่างไร้จุดหมาย เธอกุมขมับเบา ๆ แล้วตอบเสียงเบา
“ฉัน… ฉันไม่รู้ค่ะ ฉันจำอะไรไม่ได้เลย… เหมือนสมองมันว่างเปล่า…”
คุณหญิงย่าชะงัก ดวงตาแวววับขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะหันไปเรียกเคน มือซ้ายของตระกูล
“เรียกหมอเข้ามา”
ไม่กี่อึดใจต่อมา หมอประจำตระกูล ชายวัยกลางคนในชุดสูทสีเทา ใบหน้าสุขุมก็ก้าวเข้ามาพร้อมเอกสารในมือ
“อรุณสวัสดิ์ครับคุณหญิง” เขาก้มหัวให้
“เธอฟื้นแล้วหรือครับ?”
“ใช่ หมออธิบายสิ” คุณหญิงพยักหน้าไปทางอันนา
หมอเปิดแฟ้มเอกสาร เรียบเรียงข้อมูลด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ผลการเอกซเรย์สมอง ไม่มีเลือดออก ไม่มีบวม ไม่มีสิ่งผิดปกติใด ๆ ทางกายภาพครับ”
“แต่จากการประเมินทางจิตวิทยา เธอได้รับแรงกระทบกระเทือนที่ส่วนความจำระยะยาว อาการแบบนี้มักเกิดหลังจากสมองได้รับแรงกระแทกหรือความเครียดอย่างรุนแรง”
“แล้วจะหายไหม?” คุณหญิงถามเสียงนิ่ง
“มีโอกาสครับ… แต่ต้องใช้เวลา ความจำจะค่อย ๆ กลับมาเองเมื่อได้รับสิ่งกระตุ้นสถานที่ คน หรือเหตุการณ์ที่เชื่อมโยงกับอดีต”
“ถ้าไม่มี?”
“ก็อาจจะจำไม่ได้ตลอดไปครับ”
คุณหญิงย่าหันกลับมามองอันนา ดวงตาแหลมคมจับจ้องเหมือนจะเจาะทะลุความว่างเปล่าของหญิงสาว
“เธอจำไม่ได้แม้แต่ชื่อของตัวเอง?”
อันนานิ่งไปพักหนึ่ง ก่อนจะพึมพำเบา ๆ
“ฉัน… ฉันได้ยินใครสักคนเรียกชื่อฉันว่าอันนา… แต่ฉันไม่รู้ว่าฉันเป็นใคร… มาจากไหน…”
“ก็ได้” คุณหญิงย่าลุกขึ้นยืน
“อยู่ที่นี่ไปก่อน เดี๋ยวฉันจะดูแลเธอเอง…จนกว่าเธอจะจำได้ว่าเธอเป็นใคร และที่สำคัญกว่านั้น เธอมาจากฝั่งไหน”
คำพูดสุดท้ายนั้นแฝงความหมายลึกซึ้ง ราวกับคำเตือน
เพราะสำหรับตระกูลเบลเลโซ่ “ผู้หญิงที่เวย์เดนพยายามปกป้อง” อาจเป็นแค่หมากอีกตัวของศัตรูที่ต้องระวัง
คุณหญิงย่าจิบชาช้า ๆ แววตาคมหรี่ลงจ้องหญิงสาวตรงหน้า ราวกับต้องการอ่านทุกความคิดในหัวของอีกฝ่าย
“ถึงคุณหญิงย่าจะพูดแบบนี้ แต่ฉันไม่รู้เรื่องอะไรเลยค่ะ”
เสียงของอันนานุ่มนวลแต่หนักแน่น ดวงตาแม้จะพร่าเลือนด้วยความไม่รู้ แต่เต็มไปด้วยความจริงใจ
“อีกอย่าง… ฉันไม่มีทางทำร้ายคนที่ช่วยชีวิตฉันไว้แน่นอน”
คุณหญิงย่าหยุดมือ หยิบถ้วยชาออกจากริมฝีปากก่อนจะวางลงอย่างแผ่วเบา ทว่าริมฝีปากกลับยกยิ้มบาง ๆ อย่างมีเลศนัย
“งั้นหรือ…”
เสียงเรียบนิ่งราวคลื่นใต้น้ำ
ในใจของหญิงชรานั้นกลับเต็มไปด้วยความเคลือบแคลง แม้คำพูดของอันนาดูไร้พิษภัย แต่ในสายตาเธอ ผู้หญิงคนนี้อาจเป็น ‘หมาก’ ของศัตรูที่วางไว้อย่างแนบเนียน… หรืออีกนัยหนึ่งคือ “หมากของโชคชะตา” ที่อาจเปลี่ยนเกมได้ทั้งหมด
คุณหญิงย่าหันไปพยักหน้าให้เคน มือซ้ายของตระกูลที่ยืนอยู่ด้านหลัง แล้วจึงหันกลับมาพูดกับอันนาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนขึ้นผิดหูผิดตา
“ฟังนะอันนา… ถึงเธอจะจำอะไรไม่ได้ แต่มีเรื่องหนึ่งที่เธอต้องรู้ไว้”
“คนที่ช่วยเธอไว้ เวย์เดน เขาไม่ได้เป็นแค่คนธรรมดา”
“เขาเป็นคนรักของเธอ”
อันนาเบิกตากว้าง ดวงตาสั่นระริก
“คนรักของฉัน?”
เธอพึมพำออกมาเบา ๆ เหมือนไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยิน
“ใช่จ้ะ…” คุณหญิงย่าพยักหน้าอย่างแช่มช้า
“เธอกับเขารักกันมาก เขาปกป้องเธอด้วยชีวิต แม้แต่ในวินาทีสุดท้าย…เขาก็ยังยืนขวางหน้าปืนเพื่อเธอ”
คุณหญิงย่าจงใจพูดโกหก ทว่าปิดมันได้อย่างมิดชิด
อันนาก้มหน้า ดวงตาแดงเรื่อ ความรู้สึกปะปนแล่นเข้าจู่โจมหัวใจ แม้จะจำอะไรไม่ได้เลย แต่ก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างในหัวใจเธอเต้นแปลกไปเมื่อได้ยินชื่อ “เวย์เดน”
“ฉัน… ฉันไม่รู้จะตอบแทนเขายังไงเลยค่ะ”
เสียงเธอสั่นเครือ
“งั้นไปดูแลเขาสิ” คุณหญิงย่าชิงจังหวะ
“เขาอยู่ชั้นบน ห้องฝั่งซ้ายสุด… ไปดูแลเขา เหมือนที่เธอเคยทำ”
อันนาพยักหน้าช้า ๆ ยืนขึ้นอย่างลังเลก่อนจะเดินขึ้นบันได เสียงฝีเท้าของเธอเบาเสียจนแทบไม่ได้ยิน
คุณหญิงย่าหันไปหาลูกน้องข้างกายทันทีที่หญิงสาวพ้นสายตา
“ความจำเสื่อม? ดียิ่งกว่าแผนที่ฉันวางไว้เสียอีก…”
เธอยิ้มมุมปาก ก่อนจะพูดเสียงเย็นเฉียบ
“ถ้าเธอกลายเป็นหมากที่เดินตามฉันได้ เธอจะเป็นแม่พันธุ์ของหลานฉันโดยที่ไม่ต้องใช้กำลังแม้แต่นิดเดียว…”