บทที่ 6 เกมยังไม่จบ

1292 คำ
ภายในคฤหาสน์ตระกูลเบลเลโซ่ โถงกลางที่หรูหราแต่อึมครึมไปด้วยแรงกดดัน ตึก ตึก ตึก! เสียงฝีเท้าพร้อมเสียงกระชากประตูห้องดังกึกขึ้นก่อนที่หญิงสาวคนแรกจะวิ่งพรวดพราดกลับออกมา ใบหน้าเธอซีดเผือด น้ำตาไหลพราก ข้อมือมีรอยแดงจากแรงบีบ เธอทรุดตัวลงกับพื้นตรงหน้าคุณหญิงย่า “ฮึก… เขาเกือบจะฆ่าหนูค่ะคุณหญิง! ดะ…ดวงตาเขาน่ากลัวมาก… หนูไม่ไหวแล้ว…” คุณหญิงวางถ้วยชาลงบนจานรองเบา ๆ แต่เสียงกระทบกลับดังสะท้อนขึ้นในความเงียบ สายตาเยือกเย็นของเธอทอดมองหญิงสาวด้วยความไม่พอใจนัก “ลุกขึ้นสิ… แค่ทดสอบก็ยังรับมือไม่ได้ แล้วจะเอาลูกกับเขาได้ยังไง?” เสียงเธอเรียบเย็นราวกับน้ำแข็ง “เอาตัวไปพักที่เรือนคนใช้ แล้วส่งกลับไปพรุ่งนี้เช้า” หญิงสาวคนหนึ่งในกลุ่มที่เหลือกลืนน้ำลายลงคอ เธอหันไปกระซิบเพื่อนข้าง ๆ ด้วยสีหน้าเครียด “นี่เรากำลังจะเจอผู้ชาย… หรือเจอปีศาจกันแน่?” คุณหญิงย่าลุกขึ้นยืนช้า ๆ แล้วปรายตามองหญิงสาวอีกสิบคนที่ยังเหลืออยู่ “คืนนี้พอแค่นี้ก่อน ไปพักที่เรือนรับรองแขก พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่” เธอหรี่ตามองแวบหนึ่ง “และฟังให้ดี… ใครอ่อนแอ ใจไม่กล้า ถอยไปซะ” บรรยากาศรอบตัวเงียบงันเหมือนถูกแช่แข็ง เสียงฝีเท้าเบา ๆ ของเหล่าสาวงามเริ่มทยอยเดินออกจากโถงไปที่เรือนรับรองโดยมีคนของคุณหญิงคอยนำทาง เมื่อทุกคนออกไปหมดแล้ว เคนจึงเดินเข้ามาใกล้ พลางถามเบา ๆ ด้วยความกังวล “คุณหญิงครับ… ถ้าเขาอาละวาดหนักกว่านี้ล่ะครับ?” คุณหญิงย่าหันมามอง พลางถอนหายใจเบา ๆ อย่างคนรู้ดีว่าเดิมพันครั้งนี้อันตรายแค่ไหน “ถ้าอยากได้สิ่งที่ยิ่งใหญ่… บางครั้งก็ต้องเสี่ยงกับปีศาจ” “แล้วถ้าเขาควบคุมตัวเองไม่ได้ล่ะครับ?” “เราจะควบคุมเขาแทน… ฉันมีแผนสำรอง” รอยยิ้มบาง ๆ ผุดขึ้นมุมปากของคุณหญิง พร้อมกับประกายอำมหิตในดวงตา “เกมนี้เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น เคน” ไม่นานนัก ก็มีเสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังขึ้นจากบันไดไม้โอ๊คของคฤหาสน์เบลเลโซ่ บริเวณชั้นสิอง อันนาหญิงสาวในชุดนอนสีอ่อน หน้าตาซีดเซียวและอ่อนแรง ค่อย ๆ พยุงตัวเองลงมาทีละขั้น แม้จะมีแม่บ้านเฝ้าดูแลใกล้ชิด แต่ดวงตาของเธอกลับพร่ามัวและว่างเปล่า เมื่อมาถึงชั้นล่าง เธอเห็นหญิงชราในชุดผ้าไหมหรูหรานั่งจิบชาอยู่ท่ามกลางแสงโคมระย้าคุณหญิงย่าแห่งตระกูลเบลเลโซ่ คุณหญิงย่าชำเลืองมองเล็กน้อย ก่อนจะโบกมือให้แม่บ้านถอยออกไป แล้วเดินเข้าไปหาอันนาด้วยตัวเอง “ตื่นแล้วหรือ?” เสียงคุณหญิงเรียบแต่ทรงอำนาจ “รู้สึกยังไงบ้าง?” อันนาเงยหน้าขึ้นช้า ๆ ดวงตาสั่นระริกอย่างไร้จุดหมาย เธอกุมขมับเบา ๆ แล้วตอบเสียงเบา “ฉัน… ฉันไม่รู้ค่ะ ฉันจำอะไรไม่ได้เลย… เหมือนสมองมันว่างเปล่า…” คุณหญิงย่าชะงัก ดวงตาแวววับขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะหันไปเรียกเคน มือซ้ายของตระกูล “เรียกหมอเข้ามา” ไม่กี่อึดใจต่อมา หมอประจำตระกูล ชายวัยกลางคนในชุดสูทสีเทา ใบหน้าสุขุมก็ก้าวเข้ามาพร้อมเอกสารในมือ “อรุณสวัสดิ์ครับคุณหญิง” เขาก้มหัวให้ “เธอฟื้นแล้วหรือครับ?” “ใช่ หมออธิบายสิ” คุณหญิงพยักหน้าไปทางอันนา หมอเปิดแฟ้มเอกสาร เรียบเรียงข้อมูลด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ผลการเอกซเรย์สมอง ไม่มีเลือดออก ไม่มีบวม ไม่มีสิ่งผิดปกติใด ๆ ทางกายภาพครับ” “แต่จากการประเมินทางจิตวิทยา เธอได้รับแรงกระทบกระเทือนที่ส่วนความจำระยะยาว อาการแบบนี้มักเกิดหลังจากสมองได้รับแรงกระแทกหรือความเครียดอย่างรุนแรง” “แล้วจะหายไหม?” คุณหญิงถามเสียงนิ่ง “มีโอกาสครับ… แต่ต้องใช้เวลา ความจำจะค่อย ๆ กลับมาเองเมื่อได้รับสิ่งกระตุ้นสถานที่ คน หรือเหตุการณ์ที่เชื่อมโยงกับอดีต” “ถ้าไม่มี?” “ก็อาจจะจำไม่ได้ตลอดไปครับ” คุณหญิงย่าหันกลับมามองอันนา ดวงตาแหลมคมจับจ้องเหมือนจะเจาะทะลุความว่างเปล่าของหญิงสาว “เธอจำไม่ได้แม้แต่ชื่อของตัวเอง?” อันนานิ่งไปพักหนึ่ง ก่อนจะพึมพำเบา ๆ “ฉัน… ฉันได้ยินใครสักคนเรียกชื่อฉันว่าอันนา… แต่ฉันไม่รู้ว่าฉันเป็นใคร… มาจากไหน…” “ก็ได้” คุณหญิงย่าลุกขึ้นยืน “อยู่ที่นี่ไปก่อน เดี๋ยวฉันจะดูแลเธอเอง…จนกว่าเธอจะจำได้ว่าเธอเป็นใคร และที่สำคัญกว่านั้น เธอมาจากฝั่งไหน” คำพูดสุดท้ายนั้นแฝงความหมายลึกซึ้ง ราวกับคำเตือน เพราะสำหรับตระกูลเบลเลโซ่ “ผู้หญิงที่เวย์เดนพยายามปกป้อง” อาจเป็นแค่หมากอีกตัวของศัตรูที่ต้องระวัง คุณหญิงย่าจิบชาช้า ๆ แววตาคมหรี่ลงจ้องหญิงสาวตรงหน้า ราวกับต้องการอ่านทุกความคิดในหัวของอีกฝ่าย “ถึงคุณหญิงย่าจะพูดแบบนี้ แต่ฉันไม่รู้เรื่องอะไรเลยค่ะ” เสียงของอันนานุ่มนวลแต่หนักแน่น ดวงตาแม้จะพร่าเลือนด้วยความไม่รู้ แต่เต็มไปด้วยความจริงใจ “อีกอย่าง… ฉันไม่มีทางทำร้ายคนที่ช่วยชีวิตฉันไว้แน่นอน” คุณหญิงย่าหยุดมือ หยิบถ้วยชาออกจากริมฝีปากก่อนจะวางลงอย่างแผ่วเบา ทว่าริมฝีปากกลับยกยิ้มบาง ๆ อย่างมีเลศนัย “งั้นหรือ…” เสียงเรียบนิ่งราวคลื่นใต้น้ำ ในใจของหญิงชรานั้นกลับเต็มไปด้วยความเคลือบแคลง แม้คำพูดของอันนาดูไร้พิษภัย แต่ในสายตาเธอ ผู้หญิงคนนี้อาจเป็น ‘หมาก’ ของศัตรูที่วางไว้อย่างแนบเนียน… หรืออีกนัยหนึ่งคือ “หมากของโชคชะตา” ที่อาจเปลี่ยนเกมได้ทั้งหมด คุณหญิงย่าหันไปพยักหน้าให้เคน มือซ้ายของตระกูลที่ยืนอยู่ด้านหลัง แล้วจึงหันกลับมาพูดกับอันนาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนขึ้นผิดหูผิดตา “ฟังนะอันนา… ถึงเธอจะจำอะไรไม่ได้ แต่มีเรื่องหนึ่งที่เธอต้องรู้ไว้” “คนที่ช่วยเธอไว้ เวย์เดน เขาไม่ได้เป็นแค่คนธรรมดา” “เขาเป็นคนรักของเธอ” อันนาเบิกตากว้าง ดวงตาสั่นระริก “คนรักของฉัน?” เธอพึมพำออกมาเบา ๆ เหมือนไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยิน “ใช่จ้ะ…” คุณหญิงย่าพยักหน้าอย่างแช่มช้า “เธอกับเขารักกันมาก เขาปกป้องเธอด้วยชีวิต แม้แต่ในวินาทีสุดท้าย…เขาก็ยังยืนขวางหน้าปืนเพื่อเธอ” คุณหญิงย่าจงใจพูดโกหก ทว่าปิดมันได้อย่างมิดชิด อันนาก้มหน้า ดวงตาแดงเรื่อ ความรู้สึกปะปนแล่นเข้าจู่โจมหัวใจ แม้จะจำอะไรไม่ได้เลย แต่ก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างในหัวใจเธอเต้นแปลกไปเมื่อได้ยินชื่อ “เวย์เดน” “ฉัน… ฉันไม่รู้จะตอบแทนเขายังไงเลยค่ะ” เสียงเธอสั่นเครือ “งั้นไปดูแลเขาสิ” คุณหญิงย่าชิงจังหวะ “เขาอยู่ชั้นบน ห้องฝั่งซ้ายสุด… ไปดูแลเขา เหมือนที่เธอเคยทำ” อันนาพยักหน้าช้า ๆ ยืนขึ้นอย่างลังเลก่อนจะเดินขึ้นบันได เสียงฝีเท้าของเธอเบาเสียจนแทบไม่ได้ยิน คุณหญิงย่าหันไปหาลูกน้องข้างกายทันทีที่หญิงสาวพ้นสายตา “ความจำเสื่อม? ดียิ่งกว่าแผนที่ฉันวางไว้เสียอีก…” เธอยิ้มมุมปาก ก่อนจะพูดเสียงเย็นเฉียบ “ถ้าเธอกลายเป็นหมากที่เดินตามฉันได้ เธอจะเป็นแม่พันธุ์ของหลานฉันโดยที่ไม่ต้องใช้กำลังแม้แต่นิดเดียว…”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม