บทที่ 5 กลับตระกูล

1061 คำ
ณ ตระกูลเบลเลโซ่ รถยนต์สีดำหรูเคลื่อนตัวเข้ามาจอดสนิทหน้าคฤหาสน์ตระกูลเบลเลโซ่ ประตูถูกเปิดออกโดยคนขับ จากนั้นมาร์คัสก้าวลงมาด้วยท่าทีเงียบขรึมแต่ทรงอำนาจ ร่างสูงในสูทสีเข้มท่ามกลางแสงแดดยามบ่ายทำให้เขาดูเย็นชาและน่าเกรงขามในคราวเดียวกัน แม่บ้านและคนรับใช้ ต่างก้มศีรษะทักทาย ไม่มีใครกล้าสบตาเขาตรง ๆ แม้เพียงวินาที เมื่อก้าวเข้าสู่ตัวคฤหาสน์หรูหราสไตล์ยุโรปโบราณ ประตูไม้สลักลายเปิดออกช้า ๆ สู่ห้องรับแขกใหญ่ตรงกลาง ซึ่งประดับด้วยโคมไฟระย้าคริสตัลและภาพวาดตระกูล คุณหญิงย่า นั่งอยู่บนโซฟากลางห้อง สวมผ้าคลุมไหล่ผืนบางสีเทาเงิน พร้อมเครื่องประดับโบราณที่แสดงถึงอำนาจและชาติตระกูล ใบหน้าทรงอำนาจของหญิงชรามีรอยยิ้มบาง ๆ แต่ดวงตาคมกริบกลับฉายแววจับตาดูทุกอากัปกิริยา “มานั่งก่อนมาร์คัส” เสียงของคุณหญิงย่าเรียบแต่ทรงอำนาจ มาร์คัสเดินเข้าไปนั่งอย่างไม่เต็มใจนัก ดวงตาคมเข้มใต้คิ้วเข้มกวาดมองไปรอบห้องราวกับระแวดระวังทุกการเคลื่อนไหว จากนั้นหญิงสาวนับสิบคนถูกเชิญเข้ามาในห้องต่อหน้ามาร์คัส พวกเธอทุกคนดูสง่างาม สวยในแบบต่างกัน ตั้งแต่ลูกสาวตระกูลนักธุรกิจ ไปจนถึงอดีตนางแบบชื่อดัง “ฉันจัดการตรวจสุขภาพและเช็กประวัติเรียบร้อยแล้ว” “พวกเธอพร้อมจะให้ทายาทกับตระกูลเบลเลโซ่” “เลือกได้เลย ตามสบาย” มาร์คัสมองหญิงสาวทั้งสามเพียงแวบเดียว ก่อนเบนสายตากลับไปหาคุณหญิงย่า สีหน้าเย็นชาจนห้องทั้งห้องดูอึดอัดขึ้นมาทันที “ผมไม่ได้กลับมาเพื่อเลือกแม่พันธุ์” เขาพูดเสียงเรียบชัด “ผมกลับมา…เพราะคุณบอกว่าจะให้ผมเจอแม่” คุณหญิงย่าหน้าตึงขึ้นในทันที ดวงตาเปลี่ยนจากสงบเป็นแข็งกร้าว “แม่ของแกน่ะหรือ?” เสียงเธอลดต่ำลง “รอให้แกผลิตทายาทให้ตระกูลนี้ก่อนเถอะ และให้พี่ชายแกฟื้นขึ้นมาเสียก่อน…” ”…แล้วฉันจะให้เจอ” มาร์คัสจ้องหญิงชราไม่วางตา ความไม่พอใจค่อย ๆ ก่อตัวในแววตา “แปลว่าผมต้อง ‘ซื้อ’ โอกาสพบแม่…ด้วยการมีลูก?” “เรียกมันว่า ‘ความรับผิดชอบต่อสายเลือด’ ก็แล้วกัน” คุณหญิงย่าพูดอย่างไม่สะทกสะท้าน ไม่มีคำพูดใดหลุดจากปากของมาร์คัสอีก ดวงตาของเขาวาววับราวกับมีเปลวเพลิงแผดเผาอยู่ข้างใน เขาลุกขึ้นทันทีโดยไม่มองหญิงสาวเหล่านั้นแม้เพียงครั้งเดียว “ผมไม่ได้เป็นหุ่นเชิดของใคร” เขาหันหลังให้กับคุณหญิงย่าและเดินขึ้นบันไดตรงไปยังชั้นบน โดยมีแม่บ้านวัยกลางคนเดินนำทางไปยังห้องพักส่วนตัวที่จัดเตรียมไว้ ระหว่างทาง มาร์คัสเงียบ ไม่มีคำพูดหลุดออกมา มีเพียงความเย็นยะเยือกในแววตา และเสียงฝีเท้าหนักแน่นในคฤหาสน์ที่เริ่มสั่นคลอนตามแรงกดดัน หลังจากที่มาร์คัสเดินขึ้นห้องไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามองหญิงสาวนับสิบคน คุณหญิงย่าก็เปล่งเสียงออกมาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นแต่แฝงอำนาจ “จำไว้นะ ถ้าใครสามารถตั้งท้องกับหลานชายฉันได้…” เธอหยุดพูดชั่วขณะ พลางยกถ้วยชาขึ้นจิบอย่างสง่างาม “ฉันจะตอบแทนอย่างงดงามจนชีวิตพวกเธอเปลี่ยนไปตลอดกาล” ดวงตาของคุณหญิงจับจ้องหญิงสาวทั้งสามอย่างพินิจ “เชิญเข้าไปตามสบาย” หญิงสาวคนแรก ซึ่งเป็นอดีตนางแบบชื่อดังวัยยี่สิบเจ็ด ยิ้มบาง ๆ อย่างมีเลศนัย ก่อนจะเดินเชิดหน้าเข้าไปยังห้องพักที่อยู่ชั้นบนของคฤหาสน์ด้วยท่าทางมั่นใจ เธอคิดว่าแค่ร่างกายและเรือนร่างของเธอ ก็พอจะทำให้ผู้ชายทุกคนอ่อนระทวยได้ไม่ยากนัก อีกด้านหนึ่งภายในห้องพักของมาร์คัส ภายในห้องกว้างขวางซึ่งตกแต่งอย่างเรียบหรู มาร์คัสยืนอยู่หน้าเตาผิง ดวงตาเหม่อมองเปลวไฟลุกไหวอยู่เบื้องหน้า ขณะที่ความทรงจำในวัยเด็กเริ่มหวนกลับมาเป็นภาพซ้อนทับในหัว เสียงฝีเท้าแม่ที่เดินจากไปในวันที่เขาป่วยอยู่อิตาลี และภาพของเวย์เดนที่ยังคงอยู่ในอ้อมกอดของแม่ในจินตานาการของเขาและประโยคหนึ่งที่ยังฝังใจเขาจนถึงวันนี้… “มาร์คัส… แม่ขอโทษ แต่แม่ต้องกลับไทย” “แล้วแม่จะกลับมาไหม…?” เด็กชายตัวเล็ก ๆ ในวันนั้นเคยถาม “ถ้าเวย์เดนหาย แม่จะรีบกลับมา” แต่… แม่ไม่เคยกลับมาอีกเลย มาร์คัสยกมือขึ้นกุมขมับ ความเจ็บแปลบแทงทะลุเข้าไปในขมับข้างหนึ่ง ร่างกายสั่นเทาเล็กน้อย ร่างอีกด้านหนึ่งของเขากำลังถูกปลุกขึ้นจากความมืด ความทรงจำอันบิดเบี้ยว ความเกลียดชัง ความโกรธ มันกำลังหล่อเลี้ยงปีศาจในตัวเขาให้ค่อย ๆ ตื่นขึ้น “อย่าปล่อยให้ฉันหลุดออกมา… มาร์คัส” เสียงในหัวกระซิบ ด้านมืดของเขากำลังหัวเราะเบา ๆ ทันใดนั้นเอง ประตูห้องก็เปิดออกช้า ๆ หญิงสาวคนแรกก้าวเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มเชิญชวน เธอสวมชุดคลุมบางเบาแหวกอกเผยเนินเนื้อชวนหลงใหล “คุณมาร์คัส… เหนื่อยไหมคะ ให้ฉันช่วยคลายเหนื่อยหน่อยไหม?” เสียงหวานกระซิบใกล้หู ก่อนที่มือเรียวจะยื่นมาสัมผัสไหล่เขาเบา ๆ พลั่ก!! ทันทีที่มือของเธอสัมผัสร่างเขา มาร์คัสก็ปัดแขนเธอออกอย่างแรงจนเธอล้มลงไปกับพื้น! “อย่าแตะตัวฉัน!” เขาตะคอก ดวงตาเปลี่ยนสีเข้มจัดจนแทบไม่เหมือนมนุษย์ “ถ้าไม่อยากตาย… ออกไป!” หญิงสาวตัวสั่น รีบคลานถอยหลังด้วยความตกใจ ก่อนจะวิ่งเปิดประตูออกไปทั้งน้ำตาและเสียงกรีดร้องเบา ๆ มาร์คัสยืนหอบหายใจแรง อาการปวดหัวทำให้เขาทรุดลงนั่งกับพื้น ร่างกายยังคงสั่นไหวจากแรงพายุในจิตใจ “ห้ามหลุด… ห้ามฆ่าใคร… ห้าม…” เขาพึมพำกับตัวเอง ขณะที่มือหนึ่งควานหาขวดยาในกระเป๋าเสื้อ เขาหยิบยาระงับความรุนแรงออกมา กลืนลงอย่างรวดเร็ว พร้อมน้ำที่อยู่บนโต๊ะ ก่อนจะทิ้งตัวลงบนโซฟา ดวงตาแดงก่ำยังไม่คลายจากโทสะ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม