ณ ตระกูลเบลเลโซ่
รถยนต์สีดำหรูเคลื่อนตัวเข้ามาจอดสนิทหน้าคฤหาสน์ตระกูลเบลเลโซ่ ประตูถูกเปิดออกโดยคนขับ
จากนั้นมาร์คัสก้าวลงมาด้วยท่าทีเงียบขรึมแต่ทรงอำนาจ
ร่างสูงในสูทสีเข้มท่ามกลางแสงแดดยามบ่ายทำให้เขาดูเย็นชาและน่าเกรงขามในคราวเดียวกัน
แม่บ้านและคนรับใช้ ต่างก้มศีรษะทักทาย ไม่มีใครกล้าสบตาเขาตรง ๆ แม้เพียงวินาที
เมื่อก้าวเข้าสู่ตัวคฤหาสน์หรูหราสไตล์ยุโรปโบราณ ประตูไม้สลักลายเปิดออกช้า ๆ สู่ห้องรับแขกใหญ่ตรงกลาง ซึ่งประดับด้วยโคมไฟระย้าคริสตัลและภาพวาดตระกูล
คุณหญิงย่า นั่งอยู่บนโซฟากลางห้อง สวมผ้าคลุมไหล่ผืนบางสีเทาเงิน พร้อมเครื่องประดับโบราณที่แสดงถึงอำนาจและชาติตระกูล ใบหน้าทรงอำนาจของหญิงชรามีรอยยิ้มบาง ๆ แต่ดวงตาคมกริบกลับฉายแววจับตาดูทุกอากัปกิริยา
“มานั่งก่อนมาร์คัส”
เสียงของคุณหญิงย่าเรียบแต่ทรงอำนาจ
มาร์คัสเดินเข้าไปนั่งอย่างไม่เต็มใจนัก ดวงตาคมเข้มใต้คิ้วเข้มกวาดมองไปรอบห้องราวกับระแวดระวังทุกการเคลื่อนไหว
จากนั้นหญิงสาวนับสิบคนถูกเชิญเข้ามาในห้องต่อหน้ามาร์คัส พวกเธอทุกคนดูสง่างาม สวยในแบบต่างกัน ตั้งแต่ลูกสาวตระกูลนักธุรกิจ ไปจนถึงอดีตนางแบบชื่อดัง
“ฉันจัดการตรวจสุขภาพและเช็กประวัติเรียบร้อยแล้ว”
“พวกเธอพร้อมจะให้ทายาทกับตระกูลเบลเลโซ่”
“เลือกได้เลย ตามสบาย”
มาร์คัสมองหญิงสาวทั้งสามเพียงแวบเดียว ก่อนเบนสายตากลับไปหาคุณหญิงย่า สีหน้าเย็นชาจนห้องทั้งห้องดูอึดอัดขึ้นมาทันที
“ผมไม่ได้กลับมาเพื่อเลือกแม่พันธุ์”
เขาพูดเสียงเรียบชัด
“ผมกลับมา…เพราะคุณบอกว่าจะให้ผมเจอแม่”
คุณหญิงย่าหน้าตึงขึ้นในทันที ดวงตาเปลี่ยนจากสงบเป็นแข็งกร้าว
“แม่ของแกน่ะหรือ?”
เสียงเธอลดต่ำลง
“รอให้แกผลิตทายาทให้ตระกูลนี้ก่อนเถอะ และให้พี่ชายแกฟื้นขึ้นมาเสียก่อน…”
”…แล้วฉันจะให้เจอ”
มาร์คัสจ้องหญิงชราไม่วางตา ความไม่พอใจค่อย ๆ ก่อตัวในแววตา
“แปลว่าผมต้อง ‘ซื้อ’ โอกาสพบแม่…ด้วยการมีลูก?”
“เรียกมันว่า ‘ความรับผิดชอบต่อสายเลือด’ ก็แล้วกัน”
คุณหญิงย่าพูดอย่างไม่สะทกสะท้าน
ไม่มีคำพูดใดหลุดจากปากของมาร์คัสอีก ดวงตาของเขาวาววับราวกับมีเปลวเพลิงแผดเผาอยู่ข้างใน เขาลุกขึ้นทันทีโดยไม่มองหญิงสาวเหล่านั้นแม้เพียงครั้งเดียว
“ผมไม่ได้เป็นหุ่นเชิดของใคร”
เขาหันหลังให้กับคุณหญิงย่าและเดินขึ้นบันไดตรงไปยังชั้นบน โดยมีแม่บ้านวัยกลางคนเดินนำทางไปยังห้องพักส่วนตัวที่จัดเตรียมไว้
ระหว่างทาง มาร์คัสเงียบ ไม่มีคำพูดหลุดออกมา มีเพียงความเย็นยะเยือกในแววตา และเสียงฝีเท้าหนักแน่นในคฤหาสน์ที่เริ่มสั่นคลอนตามแรงกดดัน
หลังจากที่มาร์คัสเดินขึ้นห้องไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามองหญิงสาวนับสิบคน คุณหญิงย่าก็เปล่งเสียงออกมาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นแต่แฝงอำนาจ
“จำไว้นะ ถ้าใครสามารถตั้งท้องกับหลานชายฉันได้…”
เธอหยุดพูดชั่วขณะ พลางยกถ้วยชาขึ้นจิบอย่างสง่างาม
“ฉันจะตอบแทนอย่างงดงามจนชีวิตพวกเธอเปลี่ยนไปตลอดกาล”
ดวงตาของคุณหญิงจับจ้องหญิงสาวทั้งสามอย่างพินิจ
“เชิญเข้าไปตามสบาย”
หญิงสาวคนแรก ซึ่งเป็นอดีตนางแบบชื่อดังวัยยี่สิบเจ็ด ยิ้มบาง ๆ อย่างมีเลศนัย ก่อนจะเดินเชิดหน้าเข้าไปยังห้องพักที่อยู่ชั้นบนของคฤหาสน์ด้วยท่าทางมั่นใจ เธอคิดว่าแค่ร่างกายและเรือนร่างของเธอ ก็พอจะทำให้ผู้ชายทุกคนอ่อนระทวยได้ไม่ยากนัก
อีกด้านหนึ่งภายในห้องพักของมาร์คัส
ภายในห้องกว้างขวางซึ่งตกแต่งอย่างเรียบหรู มาร์คัสยืนอยู่หน้าเตาผิง ดวงตาเหม่อมองเปลวไฟลุกไหวอยู่เบื้องหน้า ขณะที่ความทรงจำในวัยเด็กเริ่มหวนกลับมาเป็นภาพซ้อนทับในหัว
เสียงฝีเท้าแม่ที่เดินจากไปในวันที่เขาป่วยอยู่อิตาลี และภาพของเวย์เดนที่ยังคงอยู่ในอ้อมกอดของแม่ในจินตานาการของเขาและประโยคหนึ่งที่ยังฝังใจเขาจนถึงวันนี้…
“มาร์คัส… แม่ขอโทษ แต่แม่ต้องกลับไทย”
“แล้วแม่จะกลับมาไหม…?” เด็กชายตัวเล็ก ๆ ในวันนั้นเคยถาม
“ถ้าเวย์เดนหาย แม่จะรีบกลับมา”
แต่… แม่ไม่เคยกลับมาอีกเลย
มาร์คัสยกมือขึ้นกุมขมับ ความเจ็บแปลบแทงทะลุเข้าไปในขมับข้างหนึ่ง ร่างกายสั่นเทาเล็กน้อย ร่างอีกด้านหนึ่งของเขากำลังถูกปลุกขึ้นจากความมืด ความทรงจำอันบิดเบี้ยว ความเกลียดชัง ความโกรธ มันกำลังหล่อเลี้ยงปีศาจในตัวเขาให้ค่อย ๆ ตื่นขึ้น
“อย่าปล่อยให้ฉันหลุดออกมา… มาร์คัส”
เสียงในหัวกระซิบ ด้านมืดของเขากำลังหัวเราะเบา ๆ
ทันใดนั้นเอง ประตูห้องก็เปิดออกช้า ๆ
หญิงสาวคนแรกก้าวเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มเชิญชวน เธอสวมชุดคลุมบางเบาแหวกอกเผยเนินเนื้อชวนหลงใหล
“คุณมาร์คัส… เหนื่อยไหมคะ ให้ฉันช่วยคลายเหนื่อยหน่อยไหม?”
เสียงหวานกระซิบใกล้หู ก่อนที่มือเรียวจะยื่นมาสัมผัสไหล่เขาเบา ๆ
พลั่ก!!
ทันทีที่มือของเธอสัมผัสร่างเขา มาร์คัสก็ปัดแขนเธอออกอย่างแรงจนเธอล้มลงไปกับพื้น!
“อย่าแตะตัวฉัน!”
เขาตะคอก ดวงตาเปลี่ยนสีเข้มจัดจนแทบไม่เหมือนมนุษย์
“ถ้าไม่อยากตาย… ออกไป!”
หญิงสาวตัวสั่น รีบคลานถอยหลังด้วยความตกใจ ก่อนจะวิ่งเปิดประตูออกไปทั้งน้ำตาและเสียงกรีดร้องเบา ๆ
มาร์คัสยืนหอบหายใจแรง อาการปวดหัวทำให้เขาทรุดลงนั่งกับพื้น ร่างกายยังคงสั่นไหวจากแรงพายุในจิตใจ
“ห้ามหลุด… ห้ามฆ่าใคร… ห้าม…”
เขาพึมพำกับตัวเอง ขณะที่มือหนึ่งควานหาขวดยาในกระเป๋าเสื้อ
เขาหยิบยาระงับความรุนแรงออกมา กลืนลงอย่างรวดเร็ว พร้อมน้ำที่อยู่บนโต๊ะ ก่อนจะทิ้งตัวลงบนโซฟา ดวงตาแดงก่ำยังไม่คลายจากโทสะ