“คุณเป็นอะไร ไม่สบายรึเปล่า ตัวเย็นเชียว” กระแสเสียงที่เอ่ยถามซ่อนแววร้อนรนอย่างที่เขาเองก็ไม่รู้ตัว
“รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวเหมือนจะเป็นไข้ค่ะ”
ธีริญซบหน้ากับอกอุ่น พยายามกลืนน้ำลายลงคอข่มอาการปวดคลื่นเ**ยนวิงเวียนที่ตีตื้นขึ้นมาไม่หยุด ยังโชคดีที่เธอไม่อาเจียนต่อหน้าเขาให้ยิ่งสงสัย
“งั้นนอนพักเถอะ เดี๋ยวผมทำข้าวต้มมาให้ กินข้าวกินยาแล้วจะได้ดีขึ้น”
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอน้ำผลไม้เย็นๆ สักแก้วก็พอแล้ว” หญิงสาวห่วงลูกในท้อง จึงเลี่ยงไม่ยอมกินยา
“อย่าดื้อ ไม่กินยาแล้วจะหายได้ยังไง”
ชายหนุ่มช้อนตัวภรรยาขึ้นอย่างถนอมตรงไปยังห้องนอน จัดหมอนวางเธอให้นอนในท่วงท่าที่สบาย ห่มผ้าให้ความอบอุ่น แล้วจึงเดินออกมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ไม่พอใจระคนห่วงใยที่เธอไม่รู้จักดูแลตัวเองให้ดี ซ้ำยังดื้อไม่เข้าเรื่องอีก
ถึงเขาจะแต่งงานกับเธอเพราะความจำใจ จึงตั้งกฎระหว่างเราขึ้นมาสารพัดเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความยุ่งยากหลังหย่าร้าง แต่ใช่ว่าเขาจะใจจืดไม่ดูดำดูดีเธอเลย เห็นธีริญใช้ชีวิตอย่างประมาทไม่ดูแลสุขภาพจนเจ็บป่วยขี้โรคอย่างนี้ เขาก็พลอยรู้สึกไม่ดีไปด้วย
ภิฌานถอนหายใจหนักๆ ยกมือกดคลึงหว่างคิ้วสักพักให้คลายความเคร่งเครียด ก่อนจะเดินข้าห้องครัวไปทำข้าวต้มให้คนป่วย จัดเตรียมทั้งน้ำผลไม้ที่เธอต้องการและยาแก้ไข้ไว้พร้อมสรรพ รวมถึงนำกะละมังใบย่อมและผ้าขนหนูสำหรับเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ธีริญด้วย
เขาประคองร่างบางที่ดูซูบซีดขึ้นนั่ง หยิบหมอนซ้อนหลังเธอให้เอนกายอย่างสบาย จากนั้นก็หยิบชามข้าวต้มขึ้นมาเป่าไล่ความร้อน แล้วป้อนจ่อถึงปากคนป่วย
“กินซะ จะได้รีบกินยา”
ธีริญมองการกระทำที่คล้ายห่วงใยกันของสามีแล้วยิ่งอยากจะร้องไห้
นี่เขากำลังเสียดสีเธอรึไง?
มาทำตัวอ่อนโยนเอาใจใส่ แถมป้อนข้าว แล้วยังจะโรยกระเทียมเจียวในข้าวต้มนี่อีก เขาดูแลเธอดีขนาดนี้ รู้ว่าเธอชอบหรือไม่ชอบอะไร
แต่ทำไมเขาถึงไม่รักเธอ?
ทำไมความรักของเราถึงได้ห่างเหินกันแบบนี้?
ภิฌานกำลังทำให้ใจเธอหวั่นไหว ความตั้งใจสั่นคลอน รู้สึกสับสนที่เดี๋ยวเขาก็ดี เดี๋ยวก็เย็นชา เธอไม่ชอบความรู้สึกที่คลุมเครือไม่ชัดเจน ถ้าเขาไม่รักกันก็ไม่ต้องมาทำดีกับเธอ ร้ายใส่กันเสียยังจะดีกว่า ไม่ต้องมาทำเป็นสงสารเห็นใจ เพราะเธอไม่ต้องการ!
“ไม่กิน เอาออกไป” เธอสะบัดหน้าหนี
ภิฌานขมวดคิ้วมุ่น ดุเธอเสียงเข้มเหมือนคุณครูฝ่ายปกครอง
“อย่าทำตัวงอแงเหมือนเด็กๆ”
ถ้าเป็นปกติธีริญคงหน้าสลดหดเหลือสองนิ้ว แต่ตอนนี้ฮอร์โมนของเธอแปรรวนหนักเพราะอาการตั้งครรภ์ คำพูดแค่ไม่กี่คำก็สามารถโหมความไม่พอใจให้บังเกิดเหมือนไฟที่ไหม้ป่าได้ หญิงสาวสะบัดหน้าพรืดกลั้นน้ำตาแห่งความน้อยเนื้อต่ำใจ กระชากเสียงตอบกลับไปว่า
“ก็บอกว่าไม่หิว จะมายุ่งวุ่นวายอะไรด้วย” ไม่พูดเปล่ายังผลักมือเขาออก ทำให้ข้าวต้มหกเลอะกางเกงเขาเต็มไปหมด
ภิฌานมองเธอด้วยสายตาเยียบเย็น เขาพ่นลมหายใจที่ทำให้เธอรู้สึกสะท้านเยือก สะดุ้งโหยงทันทีที่เขาวางชามข้าวต้มลงบนโต๊ะหัวเตียงอย่างกระแทกกระทั้น ธีริญรู้ว่าเขาโกรธแล้ว คิดว่าเขาจะลุกพรวดออกไปเสียอีก
แต่เธอคิดผิด...
ชายหนุ่มตักข้าวต้มเข้าปากคำโต แล้วยื่นมือมาบีบคางเธอให้ยอมอ้าปาก แล้วประกบจูบแน่นสนิท ใช้ลิ้นกวาดต้อนเม็ดข้าวลงคอเธอทีละนิด ระมัดระวังไม่ให้เธอสำลัก
“อื้อ...อ...” ธีริญอยากจะทุบหน้าอกเขาให้กระอัก แต่สองมือถูกรวบไพล่อยู่ข้างหลังจนขยับไม่ได้ พยายามดิ้นแล้วก็สู้แรงเขาไม่ไหว ยิ่งขัดขืนมากเท่าไรเขาก็ยิ่งบีบรั้งข้อมือเธอแน่นขึ้น แขนทั้งสองข้างขึงตรึงจนปวดหัวไหล่หนึบ หญิงสาวต้องย่อมผ่อนแรงลงเองก่อนที่หัวไหล่จะหลุด ปล่อยให้เขาป้อนข้าวด้วยวิธีวาบหวิวจนเกือบหมดชาม
ภิฌานป้อนน้ำผลไม้ให้เธอตบท้าย ค่อยปล่อยให้มันไหลลงไปในลำคอของเธออย่างอ้อยอิ่ง กระทั่งปลายลิ้นของเธอรับรสความหอมหวาน เขาก็ช่วงชิงไปจากเธอด้วยจูบที่เร่าร้อนหวานละมุน บดเคล้าดูดดึงลิ้นน้อยจนเธอซ่านสยิวไปทั้งตัว จูบเม้มดูดดึงริมฝีปากล่างอย่างยั่วเย้าราวกับปลาตอดจนพอใจ จึงยอมถอนจูบออก ไล้ปลายนิ้วไปตามกลีบปากนุ่มเย้ายวนที่เขาอยากจะบดขยี้ซ้ำๆ เอ่ยกับเธอด้วยน้ำเสียงราบเรียบเจือแววข่มขู่ว่า
“ถ้าคุณดื้อ ผมมีหลายวิธีที่จะปราบพยศคุณ”