ในเช้าวันหยุดที่อากาศดี คุณแม่ท้องอ่อนๆ กลับตื่นขึ้นมาอย่างไม่สดชื่นเท่าไรนัก รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวเหมือนจะเป็นไข้ คงเพราะช่วงนี้กรำงานหนักแถมยังมีเรื่องให้คิดให้ตัดสินใจหลายเรื่อง เลยพักผ่อนไม่ค่อยเพียงพอ
ธีริญเดินสะโหลสะเหลหัวฟูออกจากห้องนอน ไม่ได้เหลียวหาสามีเลยว่ากลับบ้านรึเปล่า เธอตั้งใจจะหาอะไรง่ายๆ รองท้องสักหน่อย แล้วกลับไปพักผ่อนให้เต็มที่ เผื่ออาการจะดีขึ้น เพราะในช่วงตั้งครรภ์ เธอทานยาแก้ไข้ไม่ได้ อาจจะกระทบเป็นอันตรายกับลูกในท้อง ต้องใช้วิธีธรรมชาติบำบัดด้วยการกินอิ่มนอนหลับ ทำร่างกายให้แข็งแรงเข้าไว้
ทว่าพอเดินมาถึงห้องครัวเธอก็ชะงัก ประหลาดใจที่สุด คาดไม่ถึงว่าจะพบภิฌานสวมผ้ากันเปื้อนยืนทำอาหารเช้าอยู่อย่างคล่องแคล่ว เขาหันมามองเธอด้วยสีหน้าเรียบเฉยเป็นปกติ แต่น้ำเสียงที่เอ่ยถามเจือแววนุ่มนวลอยู่บ้าง
“ตื่นแล้วเหรอ”
ธีริญเสียอาการนิดๆ แอบเหม่อไปชั่วขณะกับความอ่อนโยนรอบๆ ตัวเขาที่เผื่อแผ่มาถึงเธอด้วย ไม่พูดไม่ได้ว่าภิฌานดูเป็นผู้ชายอบอุ่นขึ้นมาทันตาเมื่ออยู่ในผ้ากันเปื้อน แม้จะเห็นหลายครั้งแล้ว แต่เธอก็ยังรู้สึกว่าเป็นบุญตามาก
“หิวรึยัง”
หญิงสาวพยักหน้ารับส่งๆ แล้วก้มหน้างุดเก็บซ่อนอาการหวั่นไหวให้มิดชิด ก่อนจะเอ่ยถามเขากลับไปบ้างว่า
“ทำไมวันนี้คุณกลับมาล่ะ”
“ก็วันนี้วันอาทิตย์”
“อ๋อ...ฉันคิดว่าคุณมาเมื่อวันศุกร์แล้ว วันนี้คงไม่มาซะอีก”
“ไม่อยากให้ผมมา?” เขาเลิกคิ้วถามหน้าตาย
“เปล่า...” เธอตอบเสียงอ่อย
“ยังไงก็ต้องกลับมาตามข้อตกลงของเรา”
“อืม...” ดวงตาของเธอหม่นเศร้า เป็นอย่างที่คาดเขาไม่ได้กลับมาเพราะเธอ ก็แค่ทำตามสัญญาที่ระบุไว้
สามีเธอช่างเป็นคนดีมีสัจจะเหลือเกิน!
ธีริญหันหลังเดินออกมา ไม่ได้ถามหรือพูดอะไรอีก ทั้งที่อยากรู้เรื่องผู้หญิงที่อยู่กับเขาเมื่อวานใจจะขาด แต่เธอไม่กล้าถาม ถามแล้วจะได้อะไร กลัวคำตอบที่ได้จะทำให้ใจเจ็บยิ่งกว่าเดิม
“เมื่อวานที่คุณเห็น ผมมีนัดเซ็นสัญญากับลูกค้าที่นั่น ผมอยากชวนคุณกินข้าวเย็นด้วยกัน แต่ไม่รู้ว่าจะเสร็จกี่โมง”
ธีริญหันกลับมามองเขาด้วยความแปลกใจหนักกว่าเดิม เหมือนเขากำลังอธิบายให้เธอฟังอยู่ใช่ไหม?
“ค่ะ ฉันโทร. หาคุณเพราะอยากถามว่าจะกลับบ้านรึเปล่า ฉันจะได้เตรียมกับข้าวเอาไว้ แต่พอดีคุณไม่สะดวกรับ” เธอเลี่ยงที่จะพูดถึงผู้หญิงคนนั้น แต่ก็เจาะจงถามเขาทางอ้อม
“เลขาผมบอกแล้ว ขอโทษที่ไม่ได้โทร. กลับ”
เลขา?
เลขาประเภทไหนที่เรียกเจ้านายสนิทชิดเชื้อมากกว่าเธอที่เป็นเมียเสียอีก!
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันโทร. ไปไม่ถูกเวลาเอง ก็ไม่แปลกที่เลขาคุณจะไม่รู้จักฉัน”
ภิฌานมีสีหน้าขรึมลง เข้าใจที่ภรรยาถามเป็นนัยๆ ว่าทำไมเขาถึงไม่เมมเบอร์เธอเอาไว้...
ยอมรับว่าเขาไม่คิดจะเมมเบอร์เธอไว้จริงๆ พวกเราแต่งงานกันแบบมีเงื่อนไขและกำหนดเวลา ครบสี่ปีเมื่อไรก็หย่า เลยไม่อยากสร้างความผูกพัน ถึงเวลาแยกจากจะทำให้ลำบากใจกันทั้งสองฝ่ายเปล่าๆ แถมเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ จะเมมหรือไม่เมมเขาก็จำเบอร์เธอได้ ถึงจะแทบไม่เคยโทร. หาหรือส่งข้อความ แต่ถ้ามีเรื่องด่วนอะไรเขาสามารถกดเบอร์เธอได้ทันที หนำซ้ำพวกเราก็ใช้เวลาร่วมกันทุกวันอาทิตย์อยู่แล้ว ถ้ามีอะไรก็พูดกันต่อหน้าเลยจะดีกว่า
เห็นเขาเอาแต่นิ่ง ธีริญรู้ทันทีว่าเขาไม่อยากตอบ เธอเองก็ไม่อยากหงุดหงิดไปมากกว่านี้ จึงตั้งใจจะตัดบทเดินเข้าห้องไปสงบสติอารมณ์เงียบๆ เพียงลำพัง แต่ไม่รู้ว่าเพราะโมโหหรืออาการไข้ดันมากำเริบตอนนี้ จู่ๆ ก็ปวดหัวปรี๊ดจนตาพร่า เนื้อตัวพลันเย็นเฉียบจนยืนทรงตัวไม่อยู่แทบจะล้ม หากว่าภิฌานไม่ตาไวก้าวเข้ามาประคองเธอเอาไว้ได้ทันการ