คนโกหก!
สามวันแล้วที่เธอไม่เจอหน้าคนที่บอกจะกลับมารับไปโรงพยาบาลด้วยกัน ทว่าธีริญไม่ใคร่รู้สึกรู้สามากนัก คงเพราะเลิกคาดหวัง จึงไม่ได้เจ็บปวดจากการรอคอย
เธอใช้ชีวิตตามปกติ โฟกัสในสิ่งที่สำคัญ รักคนที่สมควรรัก ตอนนี้ทุกลมหายใจเข้าออกเธอมีแค่ ‘ลูก’ แกเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตเธอ เธอทั้งรักและเป็นห่วงแกยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด ยิ่งช่วงนี้อยู่ในระยะแรกเริ่มอันตรายของการตั้งครรภ์เธอยิ่งต้องดูแลตัวเองให้ดีมีสุขภาพที่แข็งแรงเพื่อลูกในท้อง
ธีริญโทร. ลางานโดยตรงกับเกษมสามวัน นอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่ กินอาหารที่มีประโยชน์ อยู่ในที่อบอุ่นและหมั่นเช็ดตัวบ่อยๆ กระทั่งไข้ลดแล้ว แต่เธอก็ยังไม่นิ่งนอนใจ จึงแต่งตัวออกไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจซ้ำให้มั่นใจคลายกังวล
“ตัวเล็กแข็งแรงดีมากค่ะคุณแม่ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่ยังไงเดี๋ยวหมอจะสั่งยาบำรุงเพิ่มเติมไปให้นะคะ โดยเฉพาะวิตามินซี เพื่อช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง”
“ขอบคุณค่ะ” ธีริญยิ้มอย่างโล่งใจเหมือนยกภูเขาออกจากอก ขอแค่ลูกน้อยแข็งแรงปลอดภัย เรื่องอื่นจะเป็นอย่างไรก็ช่างมัน
คุณแม่ท้องอ่อนเดินออกจากห้องตรวจมารอรับยา เธอนั่งยิมน้อยยิ้มใหญ่ลูบท้องไปพลางๆ มองไปรอบๆ เห็นผัวเมียมากันเป็นคู่ ผิดกับเธอที่มาเพียงลำพัง เธออาจนึกสะท้อนใจบ้าง แต่ไม่ถึงกับเสียใจ เพราะเธอเลิกใส่ใจผู้ชายคนนั้นไปแล้ว เขาจะอยู่หรือไม่อยู่ จะทำอะไรที่ไหนก็ช่างปะไร เธอสนแค่ว่าลูกเธอจะไม่มีวันขาดความรักของพ่อก็พอ เธอจะทดแทนทุ่มเทความรักทั้งหมดให้แกเอง
“หิวรึยังคะ วันนี้เรากินอะไรกันดีน้า เค้กดีมั้ย หนูชอบรึเปล่า หรือว่าพุดดิ้งคาราเมล โดนัทก็ดี ซาลาเปาร้อนๆ เนื้อฟูๆ ก็น่าสน หรือจะกินของหนักอย่างสเต๊กหมูนุ่มๆ มักกะโรนีซอสฉ่ำๆ หรือสปาเกตตีดีคะ”
ธีริญชี้ชวนลูกคุยพูดเสียงเล็กเสียงน้อยไม่หยุด ในหัวก็จินตนาการถึงอาหารคาวหวานจนน้ำลายสอ นั่งรอจนถึงคิวตัวเองรับยาก็จ่ายเงิน เอายาใส่ในกระเป๋าสะพายแล้วเดินออกมาอย่างอารมณ์ดี สองสามวันมานี้เธอแทบไม่ได้คิดถึงภิฌานเลย จนกระทั่งได้เจอเขาจังๆ ที่นี่
ไม่ใช่แค่เขาคนเดียว...
ยังรวมถึงแม่สามีที่ควงแขนกับสาวสวยสดใสที่เธอเจอในร้านอาหารกับภิฌานด้วย หล่อนยิ้มหวานกับสามีเธอที่เดินอยู่ข้างๆ แล้วหันมาพูดคุยกับมารดาภิฌานอย่างสนิทสนม ใครไม่รู้คงคิดว่าพวกเขาเป็นครอบครัวที่รักใคร่ปรองดองกันมากจนน่าอิจฉา
“สวัสดีค่ะ” เธอยกมือไหว้ท่านอย่างสุภาพ จงใจมองข้ามสีหน้าอิหลักอิเหลื่อของแม่สามีที่ไม่คิดว่าจะมาเจอเธอที่นี่
ก็แน่ละ...ตอนนี้เธอหมดประโยชน์แล้วนี่ เธอไม่ใช่คุณหนูไฮโซ มีพ่อเป็นนักธุรกิจชื่อดัง ซ้ำร้ายยังเสียชื่อมีคดีฉาวติดตัว มีหนี้สินรุงรัง แม่สามีก็คงไม่อยากต้อนรับสักเท่าไร
“คุณมาทำอะไรที่นี่” ภิฌานถามเสียงขรึม แววตาซ่อนรอยกังวล
“หาหมอค่ะ” เธอจงใจตอบกำกวมกึ่งรวนเขา
ภิฌานขมวดคิ้ว ปราดมองเธอละเอียดยิบเหมือนจะสแกนทุกส่วนของร่างกาย นอกจากเป็นไข้แล้ว เธอยังไม่สบายรู้สึกผิดปกติที่ตรงส่วนไหนของร่างกายอีกรึเปล่า
อยากจะเอ่ยปากถาม แต่ถูกมารดาเขาชิงพูดแทรกขึ้นเสียก่อนว่า
“ขอโทษทีนะที่ป้ารบกวนวันหยุดของพวกเธอ แต่พอดีว่าป้าไม่ค่อยสบายก็เลยโทร. ให้ฌานช่วยรับมาโรงพยาบาลหน่อย”
ธีริญมองหน้าพวกเขาสลับกันไปมา นึกอยากจะหัวเราะ เมื่อก่อนแม่ผัวแทนตัวเองว่า ‘แม่’ แล้วเรียกเธอว่า ‘ลูก’ ทุกคำ ตอนนี้เปลี่ยนเป็น ‘ป้า’ กับ ‘เธอ’ ซะแล้ว
“อ๋อ...เหรอคะ แล้วเป็นอะไรมากมั้ยคะคุณแม่” หญิงสาวถามแบบแกนๆ แต่จงใจเน้นท้ายเสียงเป็นพิเศษเพื่อประกาศสถานะของเธอ มองตาท่านแล้วเลยไปยังคนนอกราวกับจะล่วงรู้ถึงแผนการในใจของท่าน
คงอยากจะหาลูกสะใภ้คนใหม่มาแทนที่เธอเต็มแก่แล้วล่ะสิ!