ศรีอาภาสบตาลูกสะใภ้แล้วยิ้มแห้งๆ นางรู้ว่าธีริญคงสงสัยว่าคนที่ยืนอยู่ข้างลูกชายเป็นใคร จึงเอ่ยปากแนะนำ
“ธีริญ... นี่หนูแพทเป็นเลขาคนสนิทของฌานจ้ะ เธอเก่งรอบด้านและยังรู้ใจเขาไปหมดทุกอย่าง ภิฌานจะขาดหนูแพทไม่ได้เลยต้องหอบหิ้วกันไปทุกที่ เรื่องโรงพยาบาลก็เป็นหนูแพทนี่แหละที่ช่วยเป็นธุระจัดการให้ป้าทุกอย่าง ขอบใจมากนะจ๊ะ” นางหันไปยิ้มจับไม้จับมือกับเลขาสาวอย่างปลาบปลื้ม ทำราวกับหลงลืมว่ายังมีเธอยืนอยู่ตรงนี้ด้วย
ภิฌานขมวดคิ้วมุ่นที่มารดาพูดจาคลุมเครือชวนให้เข้าใจผิด ก็จริงที่พันธิตราเป็นเลขาทำงานดีมีความคล่องตัว แต่ไม่ได้สนิทรู้ใจ เขาขีดเส้นความสัมพันธ์เอาไว้ตั้งแต่แรก ด้วยรู้เป็นนัยๆ ว่ามารดาต้องการอะไร และเขาไม่เคยหอบหิ้วพันธิตราไปทำงานนอกสถานที่ด้วยสักครั้ง เพราะมีเลขาเบอร์หนึ่งอย่างนิธัชอยู่ทั้งคน เขาไม่ไว้ใจใครนอกจากเพื่อนสนิทคนนี้ที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เริ่มเปิดบริษัท
ชายหนุ่มอดร้อนรนกลัวภรรยาจะเข้าใจผิดไม่ได้ แต่สิ่งที่เห็นผิดคาด ไม่มีความรู้สึกอันใดปรากฎอยู่บนใบหน้าธีริญเลย เธอนิ่งคล้ายไม่รู้สึกรู้สาหรือสนใจเลยด้วยซ้ำ ทำให้เขากลืนถ้อยคำที่เตรียมจะอธิบายให้เธอฟัง เพราะรู้สึกว่าคงไม่จำเป็น
เขาอาจคิดมากเกินไป
ธีริญเหยียดยิ้มบางๆ ทำไมจะฟังไม่ออกว่าแม่สามีตั้งใจแขวะเธอว่าไม่ได้เรื่อง นางป่วยก็ไม่เคยมาดูแล
ท่านนี่ความจำสั้นชะมัด!
เมื่อก่อนเธอดูแลเอาใจใส่ครอบครัวของสามีมากกว่าคนที่บ้านเธอเสียอีก ไปบ้านเขาแต่ละทีก็มีของติดไม้ติดมือราคาแพงไปฝากตลอด เจ็บป่วยนอนโรงพยาบาลก็เป็นเธอที่มาอยู่เฝ้าไข้ท่าน แถมพอรู้ว่าท่านไม่เจริญอาหาร ก็ลงมือเข้าครัวทำกับข้าวให้ท่านทานด้วยตัวเอง เหนื่อยสายตัวแทบขาดแค่ไหนไม่เคยมีใครนึกถึง ตอนนี้ยังมาแขวะว่าเธอไม่สนใจแม่สามีอีก
เสียแรงที่เธออุตส่าห์ทำดีด้วยความจริงใจ...
คนอย่างศรีอาภาคงจะดีกับเธอก็เพราะเห็นแก่เงินของเธอเท่านั้น พอหมดเงินก็จบกัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงลูกชายของท่าน ต่อให้เธอทุ่มเทเพื่อเขามากแค่ไหน ภิฌานก็ไม่มีวันเห็นค่า เขามันก็ไม่ต่างอะไรกับก้อนหินที่เดินได้หรอก
“ถ้าคุณแม่มีเรื่องอะไร ทีหลังโทร. หาริญเหมือนเคยก็ได้ค่ะ ไม่เห็นจำเป็นต้องไปรบกวนคนนอกเลย”
ไม่เพียงแต่ช่วยรำลึกความหลังเมื่อครั้งที่เคยจูบปากกัน ธีริญยังตั้งใจเตือนทั้งแม่สามีและคนที่อยากจะเป็นมือที่สามในชีวิตคู่ของเธอให้รู้สึกตัวและหัดละอายใจกันเสียบ้าง แต่เจ้าหล่อนคงยึดคติว่า ‘ฉันรักผัวเขา’ จึงเชิดหน้ายิ้มยั่วเธอกลับโดยไม่สะทกสะท้านว่า
“คุณธีริญคงจะเข้าใจผิด แพทไม่ใช่คนนอก คุณแม่รักและเอ็นดูแพทเหมือนคนในครอบครัวคนหนึ่ง แพทเองก็เต็มใจดูแลท่านค่ะ” ...และอีกหน่อยหล่อนก็ก้าวเข้ามาดูแลทั้งตัวและหัวใจลูกชายของท่าน
ธีริญเลิกคิ้วในความใจกล้าหน้าด้านของหล่อน
“ได้ยินคุณแม่บอกว่าคุณเป็นเลขาฝีมือดี แต่ฉันแปลกใจจังค่ะที่เรื่องพื้นฐานง่ายๆ คุณก็ยังไม่รู้ คุณเป็นเลขา แถมยังเป็นผู้หญิง เจ้านายคุณก็เป็นผู้ชาย เลขาที่ดีควรจะเว้นระยะห่างไว้สักหน่อยเพื่อความเหมาะสมและให้เกียรติทั้งกับคุณและเจ้านายคุณ ทำตัวสนิทสนมเกินหน้าที่แบบนี้ ระวังจะโดนพนักงานคนอื่นนินทาเอาได้นะคะ” ไม่ใช่แค่แขวะหล่อนตรงๆ แต่ยังพาลไปถึงคุณแม่มือชงและคนที่เอาแต่ยืนนิ่งจนน่าหมั่นไส้รวมไปด้วย
ธีริญมองศรีอาภาที่มีสีหน้าเจื่อนลงทันตายิ้มๆ แล้วสบตากับพันธิตราที่ชักสีหน้าใส่เธออย่างไม่สะท้านสะเทือน มีเพียงภิฌานที่เธอเห็นเป็นเพียงอากาศ กระทั่งเขาเอ่ยตัดบทขึ้นว่า
“คุณตรวจเสร็จรึยัง เดี๋ยวผมไปส่ง”
นั่นแหละเธอจึงหันไปมองเขาอย่างเต็มตา เอ่ยเสียงเรียบ สีหน้านิ่งๆ ติดเย็นชาว่า
“ไม่ต้องหรอกค่ะ คุณช่วยเลขาอยู่ดูแลคุณแม่ทางนี้ดีกว่า” แล้วก็หันมายิ้มบางๆ เอ่ยลาแม่สามีที่เธอไม่เห็นความจำเป็นว่าจะต้องเป็นห่วงเป็นใยให้มากนัก “ขอโทษนะคะที่ไม่ได้อยู่ดูแลคุณแม่ แต่ริญเองก็ไม่ค่อยสบายเหมือนกัน ขอตัวก่อนนะคะ”
“จ้ะ”
เธอหมุนตัวเดินจากไปก่อนที่ศรีอาภาจะทันได้พูดเสียอีก เพราะหางตาเหลือบเห็นภิฌานขยับเท้าก้าวเข้ามาหาเตรียมจะจับมือเธอ เธอไม่พร้อมจะเผชิญหน้ากับเขาตอนนี้ ยิ่งไม่อยากเห็นหน้าเขาให้เสียอารมณ์จนกินข้าวไม่ลง จะเป็นการทำร้ายลูกในท้องของเธอเสียเปล่าๆ จึงเลือกที่จะเดินหนีไปเสียเอง
“ไม่มีมารยาท นึกจะไปก็ไป” ศรีอาภาเอ่ยอย่างไม่พอใจ ส่งสายตาดูถูกลับหลังลูกสะใภ้โดยไม่เกรงใจลูกชายเลยสักนิด เพราะถึงอย่างไรพวกเขาก็ใกล้จะหย่ากันอยู่แล้ว ซ้ำนางนี่ละจะช่วยให้ภิฌานตัดขาดกับธีริญเร็วขึ้น แล้วให้พันธิตราที่เป็นลูกสาวเจ้าสัวซ้งเข้ามาเสียบเป็นว่าที่ศรีสะใภ้คนใหม่ของนางแทน
ภิฌานปรายตามองท่านอย่างเย็นชา แต่ไม่ได้เอ่ยอะไร เพียงหันมาสั่งพันธิตราว่า
“เดี๋ยวนิธัชจะขับรถมารับคุณแม่ผมที่นี่ รบกวนคุณแพทส่งท่านให้ถึงบ้านด้วยนะครับ เสร็จแล้วเลิกงานกลับบ้านได้เลย นิธัชจะไปส่งคุณเอง”
“แล้วพี่ฌานล่ะคะ”