ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเห็นผู้หญิงคนนั้นอยู่ข้างเขา สามีเธอดีพร้อมในทุกด้าน ผู้หญิงคนไหนจะไม่อยากได้เขาเป็นคู่บ้างล่ะ เธอเองยังเคยคิดเลยว่าที่ภิฌานเย็นชากับเธอ เป็นเพราะมีผู้หญิงอยู่ข้างนอกรึเปล่า แต่พอแอบส่องโทรศัพท์มือถือเขา ค้นกระเป๋าสตางค์ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติที่ชวนให้ติดใจ เธอจึงเลิกคิดเลิกสงสัยไปเอง
ทว่าถึงเขาไม่คิด แต่ใช่ว่าแม่เขาจะคิดเหมือนกัน ท่านอยากจะหาเมียใหม่ให้เขาจนเนื้อเต้น เพราะท่านไม่มีวันยอมรับผู้หญิงที่มีแต่ตัวและหนี้ท่วมหัวอย่างเธออยู่แล้ว มิหนำซ้ำสามปีที่อยู่ด้วยกัน เธอไม่อาจละลายน้ำแข็งในหัวใจของเขาได้ ไม่มีความอบอุ่นเลยสักนิด ยื้อต่อไปจะมีประโยชน์อันใด
หญิงสาวตัดสินใจกลับคอนโดมารดา รู้ดีว่าอาจจะทำให้ท่านเป็นห่วง แต่ไม่มีที่ไหนจะทำให้เธออุ่นใจคลายความเจ็บปวดมากไปกว่าอ้อมอกของแม่อีกแล้ว
“ริญมาได้ยังไงลูก” สุนันทามองสีหน้าไม่ค่อยดีของลูกสาวที่ลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ติดตัวมาด้วย ก่อนจะเอ่ยถาม “มีอะไรรึเปล่า”
ธีริญโผเข้ากอดมารดาแน่น น้ำตาที่กักเก็บอยู่ข้างในจนท่วมท้นเอ่อล้นออกมาทันที เธอบอกท่านเสียงสั่นเครือว่า
“หนูจะหย่าค่ะ”
สุนันทาได้ยินแล้วตกใจ รีบดึงตัวลูกสาวออกห่าง เช็ดน้ำตาให้เธออย่างนุ่มนวล จูงมือมานั่งภายในบ้าน หาน้ำหาท่าเย็นๆ มาดับความร้อนใจ รอจนธีริญหยุดสะอื้นแล้วจึงซักถาม
“เกิดอะไรขึ้น ลูกทะเลาะกับภิฌานเหรอ”
ธีริญเม้มปาก น้ำตาเอ่อขึ้นมาอีกรอบ เธอส่ายหน้า ตัดสินใจบอกท่านไปตามตรง
“เราไม่เคยทะเลาะกันค่ะ แต่เขาไม่รักหนู”
“โถลูก...” สุนันทามองลูกสาว น้ำตาคลอเบ้าไปพร้อมกับลูกด้วยความสงสารจับใจ นางกุมมือลูกบีบแน่น หัวใจของคนเป็นแม่เจ็บปวดไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน นางรู้ว่าธีริญรักภิฌานมาก รักตั้งแต่แรกพบและฝังใจมากจนถึงทุกวันนี้ แต่น่าเสียดายที่อีกฝ่ายไม่มีใจให้ลูกสาวที่น่ารักของนางเลย
ตอนแรกที่สามีนางบอกว่าจะให้ลูกแต่งงานกับภิฌาน นางจึงไม่ค่อยเห็นด้วยนัก อยากจะค้าน แต่พอเห็นสีหน้าเปี่ยมสุขวาดฝันของลูก นางก็ไม่อยากจะดับความหวังลูก คิดแล้วก็ได้แต่เสียใจ หากวันนั้นนางใจแข็งสักหน่อย ลูกสาวตัวน้อยคงไม่ต้องมาเจ็บปวดร้องไห้อยู่ต่อหน้านางเยี่ยงนี้
ธีริญสูดลมหายใจเข้าลึก สบตาท่าน เอ่ยอย่างแน่วแน่ว่า
“หนูเหนื่อยค่ะ หนูไม่อยากอยู่กับคนที่ไม่รักหนูอีกแล้ว หนูต้องการหย่า” เธอเลือกที่จะปกปิดเรื่องลูกไปก่อน เพราะไม่อยากให้ท่านยิ่งกังวลใจ
สุนันทาตบหลังมือลูกเบาๆ ลูบใบหน้าที่นางเฝ้ามองตั้งแต่อ้อนแต่ออกด้วยความรักสุดหัวใจ ดึงตัวลูกเข้ามากอดปลอบประโลมใจว่า
“แม่เชื่อว่าสิ่งที่หนูตัดสินใจเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุดในตอนนี้ เพราะหนูคงคิดมาดีแล้ว ไม่ว่าหนูจะทำอะไร แม่ก็พร้อมที่จะสนับสนุนหนู ไม่เป็นไรนะลูก ใครไม่รักก็ช่างเขา แม่อยากให้หนูจำไว้ว่ายังมีแม่คนนี้ที่รักหนูอยู่อีกทั้งคน แม่จะปกป้องหนูเอง”
ธีริญน้ำตาไหลพรากด้วยความตื้นตัน นึกชื่นชมและทึ่งในตัวแม่เธอจริงๆ ท่านเข้มแข็งมากจนเธอจะเป็นได้สักครึ่งหนึ่งของท่าน ทั้งที่เป็นคุณหนูเคยอยู่อย่างสุขสบาย แต่งงานก็เป็นภรรยานักธุรกิจชื่อดัง มีคนนับหน้าถือตา แต่วันดีคืนดีชีวิตก็พลิกตลบร่วงดิ่งลงมาที่จุดต่ำสุด สามีโดนคดีและเสียชีวิตกะทันหัน ญาติมิตรและผู้คนก็พากันรังเกียจดูแคลน ความเป็นอยู่เริ่มขัดสน แต่ท่านก็อดทนไม่เคยปริปากบ่นให้เธอได้ยินสักคำ มีแต่ความเป็นห่วงเป็นใยมอบให้เธอเสมอ ตอนนี้ที่เธอเผชิญปัญหาชีวิตคู่ ก็เป็นท่านที่จับมือยืนหยัดอยู่ข้างๆ กางปีกปกป้องเธอด้วยความรัก
เปรียบเทียบกับแม่แล้ว เธอช่างไม่เอาไหนเสียจริง!
“ขอบคุณนะคะที่เข้าใจหนู แม่ไม่ต้องห่วงนะคะ ถึงหนูจะล้ม แต่จะรีบลุกขึ้นมาให้ได้เร็วที่สุด ต่อไปนี้หนูจะดูแลแม่เอง เราสองคนแม่ลูกจะอยู่ด้วยกันนะคะ”
“แม่รู้ว่าลูกแม่เก่ง ต้องผ่านมันไปได้แน่ แถมหนูก็เป็นคนน่ารัก ต้องมีสักวันที่มีคนเห็นคุณค่าในตัวหนู ถึงวันนั้นแม่หวังว่าจะได้เห็นหนูมีความสุขสักที”
ธีริญยิ้มกว้าง อยากขอบคุณแม่สักล้านครั้ง เธอยิ่งรักท่านมากกว่าเดิมหลายเท่า คำพูดของท่านช่วยเตือนสติทำให้เธอได้คิดว่า...
จะมัวมานั่งร้องไห้ฟูมฟายอยู่อย่างนี้ไม่ได้แล้ว!
เธอสูดน้ำมูก เช็ดน้ำหูน้ำตาให้แห้ง กุมมือที่เริ่มร่วงโรยไปตามวัยพลางยิ้มให้แม่อย่างเข้มแข็ง ไม่ใช่แค่อยากจะทำให้ท่านสบายใจ แต่เธอตั้งใจว่าจะไม่อ่อนแออีก จะปฏิวัติตัวเองให้แกร่งกว่านี้เพื่อดูแลแม่และลูกในท้องให้ดีที่สุด เท่าที่สองกับสองมือของเธอจะทำได้