ธีริญสะดุ้งโหยง เสียวสันหลังวาบ รู้สึกเหมือนมีสายตาคมกริบจ้องทะลุหลัง แวบหนึ่งเธออดคิดถึงว่าที่สามีเก่าไม่ได้ ยิ่งคิดก็ยิ่งขนลุก หันขวับมองซ้ายมองขวาอย่างระแวง อุตส่าห์ทำงานอย่างสบายใจมาได้ตั้งหลายวัน ขอร้องละ...อย่าตามมาหลอกหลอนเธออีกเลย
ไปที่ชอบๆ เถอะนะ!
หญิงสาวยกมือลูบอกแล้วเลยไปลูบท้อง ริมฝีปากผุดรอยยิ้มที่เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ากำลังเศร้าหรือโล่งใจกันแน่...
ภิฌานจะมาอยู่ที่นี่ได้ไง?
เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเธอเลยสักอย่าง ไม่สนเลยด้วยซ้ำ ต่อให้รู้หรือไม่รู้เขาก็ไม่มาตามเธอถึงที่นี่หรอก เธอคิดว่าเขาน่าจะเห็นแหวนและกระดาษโน้ตแล้ว แต่ที่ยังไม่ติดต่อกลับมาคงเพราะงานยุ่งมากกว่า ไม่ใช่จะยื้อเธอไว้แน่นอน
ที่จริงเขาก็ยุ่งอยู่ตลอดเวลานั่นแหละ ยุ่งจนลืมเธอ!
ธีริญถอนหายใจพลางเหลือบมองโทรศัพท์มือถืออย่างครุ่นคิด วันที่ย้ายออกมาเธอปิดเครื่องหนีเขา แต่วันต่อมาก็เปิดตามเดิม เธอบล็อกสายจากเขา แต่ไม่ได้บล็อกช่องทางการติดต่อ ถ้าเขาอยากจะหย่าก็สามารถส่งข้อความมานัดวันหย่ากับเธอได้ทุกเมื่อ
แต่นี่เงียบกริบ...
เธอเฝ้าจ้องโทรศัพท์มือถืออยู่ตลอด แต่ไม่มีการแจ้งเตือนจากเขาเลย ถ้าภิฌานยังไม่ติดต่อมา เธอจะเป็นฝ่ายส่งข้อความไปนัดเขาเอง ยิ่งปล่อยให้คาราคาซังอยู่อย่างนี้นานเท่าไรก็ยิ่งไม่เป็นผลดีกับเธอ ตอนนี้เธอท้องได้ 2 เดือนแล้ว ถึงหน้าท้องจะยังไม่ออก แต่อีกสองสามเดือนพออายุครรภ์มากขึ้น ท้องเธอก็จะโตขึ้นเรื่อยๆ ขืนมัวชักช้าไม่หย่าขาดให้สิ้นเรื่องสิ้นราว ภิฌานที่เห็นสภาพของเธอค่อยๆ เปลี่ยนไปก็จะรู้ความจริงทันที ถึงอยากปิดก็คงปิดไม่อยู่แล้ว
ที่กลัวที่สุดก็คือ...เห็นสีหน้าเหี้ยมเกรียมของเขาตอนที่พูดว่า
“ไปเอาเด็กออกซะ!”
ถึงตอนนั้นลูกของเธอก็จะหายวับไปจากท้องในชั่วพริบตา!
แค่คิดเธอก็ปวดใจแล้ว ธีริญคงทำใจไม่ได้ หัวใจแตกสลายเป็นเถ้าธุลี เพื่อที่จะเก็บลูกเอาไว้ เธอจึงไม่มีทางประนีประนอมกับภิฌานเด็ดขาด ต้องหย่ากับเขาสถานเดียว
กันไว้ดีกว่าแก้!
หญิงสาวละจากภวังค์ความคิด เมื่อได้ยินเสียงเจ้านายเอ่ยเรียกเธอว่า
“ธีริญ คุณเตรียมตัวพร้อมรึยัง”
พอมองหน้าเกษม เธอก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าวันนี้ต้องติดต่อเจรจาธุรกิจกับบริษัท โกลบอล นี่นา ลืมไปซะสนิทเลย เพราะช่วงนี้มัวแต่ยุ่งๆ วิ่งขายงานหาเงินตัวเป็นเกลียว แถมยังมีเรื่องให้คิดเยอะ เธอจึงยังไม่ได้อ่านข้อมูลของบริษัทที่เจ้านายหมายมั่นปั้นมือเลย รู้เพียงคร่าวๆ แต่จะกลับลำตอนนี้คงไม่ทันแล้ว ขายผ้าเอาหน้ารอดไปก่อนก็แล้วกัน
“พร้อมค่ะ” เธอยิ้มรับอย่างมั่นใจ
“ดี งั้นไปกันเลย”
เกษมพยักหน้าแล้วเดินนำออกไปก่อน โดยมีณัฐสิทธ์ วิศวกรฝ่ายคอมพิวเตอร์ติดตามเข้าร่วมการเจรจาครั้งนี้ด้วย เพื่อตอบคำถามและแนะนำข้อมูลในเชิงเทคนิค ใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงนิดๆ ทีมงานสกาย - ไฮก็เดินทางมาถึงสำนักงานใหญ่ของบริษัท โกลบอล
ธีริญมองตึกสูงที่ตั้งตระหง่านแล้วนึกทึ่งเจ้าของบริษัทแห่งนี้ เขาสร้างอาณาจักรได้อลังการสมกับเป็นบริษัทชั้นนำของเอเชียจริงๆ แค่เงาที่สะท้อนพาดผ่านไปยังตึกเล็กตึกน้อยโดยรอบ ก็ทำให้รู้สึกถึงความยิ่งใหญ่คล้ายอยู่ภายใต้เงาของ โกลบอล จนไม่มีใครกล้าเทียบเคียงได้แล้ว ขนาดเธอเองเดินทางเข้าออกบริษัทต่างๆ มานักต่อนักยังอดเกร็งไม่ได้เลย
พอก้าวเข้าไปในสำนักงานก็มีคนรอต้อนรับพวกเธออย่างดีเยี่ยม ทว่าเป็นคนที่ธีริญคาดไม่ถึง รอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้าหุบฉับ สีหน้าตะลึงนิ่งงันเมื่อสบตากับคนที่มองเธอยิ้มๆ อยู่ก่อนแล้ว
“สวัสดีค่ะคุณเกษม ขอต้อนรับสู่ โกลบอล ของเรานะคะ คุณภิฌานกำลังเดินทางมาใกล้จะถึงแล้วค่ะ เดี๋ยวเชิญไปพักผ่อนทานของว่างที่ห้องรับรองกันก่อนนะคะ” พันธิตราทำหน้าที่เลขามืออาชีพ แต่แววตาเย้ยหยันแสดงความเหนือกว่ายามที่ปรายตามองภรรยาของภิฌาน
ธีริญตัวแข็งทื่อขาตาย ยืนนิ่งราวกับเลือดในกายจับตัวเป็นน้ำแข็งไปแล้ว สมองรวนๆ ตื้อๆ ประมวลผลไม่ทัน หูอื้อเหมือนจะได้ยินไม่ค่อยชัดว่าผู้หญิงคนนี้พูดอะไร แต่ได้ยินชัดเจนที่หล่อนเอ่ยชื่อสามีของเธอคล้ายจงใจประกาศตัวต่อหน้าเธอ
หมายความว่ายังไง... หล่อนเป็นเลขาของประธาน?
งั้นภิฌานก็คือเจ้าของที่นี่อย่างนั้นหรือ?