ประธานหนุ่มผู้มีงานรัดตัวเพิ่งลงเครื่องกลับจากจีนปุ๊บ ก็ขับรถตระเวนไปเรื่อยโดยไร้จุดหมาย สายตาคอยสอดส่องมองหาร่างเพรียวบางที่เคยกกกอดให้ไออุ่นอย่างไม่ลดละ แม้จะไม่ได้เจอหน้าเธอสองสัปดาห์แล้ว และยังไม่รู้ว่าเธออยู่ที่ไหน
ภิฌานตามหาภรรยาตั้งแต่คืนนั้นที่เธอหายออกจากบ้าน เขานั่งไม่ติดที่ทนรอไม่ไหว จึงคว้าพวงกุญแจขับรถไปตามสถานที่ต่างๆ ก่อนจะกลับถึงเพนต์เฮาส์อีกทีก็ย่ำรุ่ง ยังไม่ทันได้นอนก็ต้องเดินทางไปดูโรงงานที่เวียดนาม ตรวจสอบคุณภาพสินค้าที่อินเดีย และเจรจากับคู่ค้าเพิ่มการลงทุนที่จีนนานร่วมสองสัปดาห์ เพิ่งจะได้พักหายใจก็ตอนนี้
เขาอยากโทร. หาธีริญ แต่รู้ดีว่าเธอจะไม่รับ ส่งได้แค่ข้อความที่เธอยังอุตส่าห์ใจดีไม่บล็อกเขาไปด้วย ทว่าเขาอยากเจอกันต่อหน้ามากกว่า จึงเลือกขับรถตามหาเธอไปเรื่อยๆ แทนที่จะกลับบ้าน ไม่อยากกลับไปจมกับความรู้สึกตอนที่เปิดประตูเข้าไป แล้วพบเพียงความมืดที่ทำให้รู้สึกเหงาจับใจ
เมื่อก่อนเขาไม่ค่อยรู้ถึงคุณค่าของคำว่า ‘บ้าน’
‘งาน’ สำคัญกับเขามากกว่า เพราะกำลังอยู่ในช่วงก่อร่างสร้างตัวให้เป็นปึกแผ่น เวลาทั้งหมดจึงทุ่มให้กับงานเพียงอย่างเดียว ยังคิดด้วยว่าเวลาในหนึ่งวันมันน้อยเกินไป
ทว่าตั้งแต่มีธีริญเข้ามา แม้จะกลับมาค้างด้วยแค่อาทิตย์ละครั้ง ดูแล้วแทบไม่ต่างจากการนอนโรงแรม แต่ตอนที่เห็นไฟในบ้านเปิดสว่าง มีเธอยืนยิ้มต้อนรับ คอยใส่ใจถามไถ่ว่าเขาเหนื่อยไหม กินข้าวรึยัง ทำอาหารไว้พร้อมสรรพให้อิ่มท้องถูกปาก จัดเตรียมที่หลับที่นอนอย่างสบาย เขาก็รู้สึกผ่อนคลายเหมือนได้กลับบ้าน
สามปีนี้ธีริญค่อยๆ แทรกซึมเข้ามาในชีวิตเขาอย่างเงียบเชียบไม่ทันรู้ตัว รู้อีกทีก็มีเงาของเธอซ่อนเร้นอยู่ในใจเขาแล้ว และไม่มีทีท่าว่าจะหยุด กลับขยายใหญ่ขึ้นบดเบียดพื้นที่ภายในสมองที่อัดแน่นเต็มไปด้วยเรื่องงานของเขาได้
เดี๋ยวนี้เผลอทีไร เป็นต้องคิดถึงเธอตลอด...
วันที่ลงจากเครื่องหลังกลับจากต่างประเทศ เขาจึงตรงดิ่งมาหาเธอทันที ทั้งที่ไม่ใช่วันอาทิตย์ตามที่ตกลงสัญญากันไงละ
เขาไม่รู้ว่านี่เป็นความ ‘เคยชิน’ หรือ ‘เคยตัว’
อาจเป็นความ...ผูกพัน
นี่คงเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงกระวนกระวายมากขนาดนี้ คนเราต่อให้ไม่รักกัน แต่ก็อยู่ด้วยกันมาตั้งสามปี จะบอกว่าไม่มีความรู้สึกอะไรต่อกันเลยคงไม่ใช่ ย่อมต้องมีความห่วงหาอาทรกันไม่มากก็น้อย เขาเองก็เป็นห่วงเธอ เขาไม่สบายใจเลยที่เธอมีอะไรก็เก็บกดอยู่ในใจคนเดียว เขาอยากให้เธอเปิดใจ มีอะไรไม่พอใจก็อยากให้กลับมาเปิดอกพูดคุยกันมากกว่า
จะหย่ากันก็ได้
แต่เขาควรเป็นคนพูดขึ้นมาก่อนรึเปล่า?
การหย่าไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เธอควรให้เวลาเขาได้คิดไตร่ตรองอย่างรอบคอบ ธีริญอยู่กับเขามานาน เขาไม่คิดจะเอาเปรียบเธอ คงไม่ใจจืดใจดำปล่อยให้เธอไปตัวเปล่า เธอควรได้รับสิ่งตอบแทนกลับไปบ้าง ภิฌานคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าตอนที่หย่ากัน เขาจะมอบเงินชดเชยให้ธีริญสักก้อน มากพอที่เธอและแม่จะอยู่อย่างไม่ขัดสนลำบาก รวมถึงเพนต์เฮาส์ห้องนี้เขาก็จะยกเป็นสินสมรสให้เธอด้วย
แต่ธีริญทำเหมือนเขาเป็นผัวชั่วที่เธอทนอยู่ด้วยไม่ได้แม้แต่สักนาที เธอจึงหนีหายเข้ากลีบเมฆไร้การติดต่อ ทำราวกับจงใจจะไม่ยอมปรากฎตัวหากว่าเขาไม่ยอมหย่า
มือหนากำพวงมาลัยแน่น ขบกรามเป็นสันนูน ธีริญมีสิทธ์อะไรพูดว่าจะหย่าก็หย่า ตอนแต่งก็ยืนกรานว่าจะแต่งให้ได้ท่าเดียว
เธอเห็นเขาเป็นอะไร เป็นสิ่งของที่เธออยากจะจับวางตรงไหนก็วาง อยากทำอะไรกับเขาก็ได้อย่างนั้นหรือ...
เธอเคยสนใจถามความเห็นของเขาบ้างไหม?
เมื่อเธอไม่แคร์เขา แล้วเขาจะสนทำไม ธีริญจะทำตัวเป็นเด็กนิสัยเสียพูดว่าจบก็คือจบไม่ได้ จะจบได้อย่างไร ในเมื่อเขายังไม่ทันได้เตรียมตัวเตรียมใจที่จะหย่า
เขาจะต้องตามตัวเธอกลับมาถามให้รู้เรื่อง!
และถ้าเธอยังกล้าพยศไม่ยอมเลิกละก็ เขาจะฟาดก้นเธอให้ลายหายดื้อด้านเลย