คำพูดเปิดเผยมาพร้อมรอยยิ้มที่ดูไม่ใช่เรื่องใหญ่ ราวกับเป็นเรื่องปกติธรรมดา สร้างความตกตะลึงให้กับผู้ร่วมโต๊ะจนหันมองเธอเป็นตาเดียว ใครจะคิดละว่าผู้หญิงที่ทั้งสาวทั้งสวยเพิ่งเลยวัยเบญจเพสมาไม่เกินปีสองปีจะแต่งงานแล้ว ซ้ำยังผ่านการหย่าร้างแล้วอีกด้วย
“คุณหย่าแล้วจริงๆ เหรอครับ” ณัฐสิทธิ์หันขวับกระซิบถามด้วยความตื่นเต้น เขาแอบชอบเธออยู่ฝ่ายเดียว แต่เพราะเธอแต่งงานแล้วจึงได้แต่ซ่อนความรู้สึกและตัดใจ ตอนนี้เธอกลับมาโสดอีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเขาก็มีสิทธิ์จีบเธอได้ใช่ไหม
ธีริญยิ้มบางๆ พยักหน้าแทนการยอมรับ
ท่าทางไม่ทุกข์ร้อนของเธอทำให้สีหน้าของใครอีกคนมืดครึ้ม ดวงตาเย็นยะเยือกราวกับกำลังมองเรื่องของคนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเอง แต่ใครจะรู้ว่าในอกของภิฌานรุ่มร้อนเดือดดาลแค่ไหน ตอนที่ได้ยินเพื่อนร่วมงานของธีริญเอ่ยด้วยความยินดี สีหน้ามีความหวัง ส่วนเธอก็ยิ้มให้ชายอื่นต่อหน้าต่อตาเขา เห็นเขาเป็นหัวหลักหัวตอ ไฟโกรธที่รุมสุมทรวงก็ยิ่งลุกโหมจนเขาอยากจะบีบเธอให้แหลกคามือ
มีแค่เขาที่คิดมากกับการหย่ารึไง?
ส่วนธีริญนอกจากจะไม่สนใจแล้ว ยังดูปรับตัวได้เร็วเหลือเกินกับสถานะ ‘ม่าย’ ซ้ำยังจงใจเว้นระยะห่างกับเขาไม่ต่างอะไรกับคนแปลกหน้าต่อกัน แสร้งลืมเลือนคืนวันที่สองเราเคยเสพสุขร่วมเตียงกันนับครั้งไม่ถ้วน ทั้งที่เขาลืมไม่ได้ แต่ทำไมเธอถึงลืมได้ง่ายดายนัก
“ทำไมถึงหย่ากันล่ะครับ คุณทั้งสาวทั้งสวยออกแบบนี้ สามีคุณน่าจะรักและหวงคุณมากแท้ๆ มีอะไรที่ผิดใจกันแล้วไม่ยอมปรับความเข้าใจกันรึเปล่าครับ”
เพราะรู้ใจเพื่อนที่นั่งหน้าดำทะมึนเหมือนพายุฝน ทยุตจึงอาสาเป็นกาวใจให้ ถึงจะรู้ว่าภรรยาของภิฌานขมวดคิ้วไม่ค่อยพอใจ ที่เขาถือวิสาสะสอดปากเข้ามายุ่งเรื่องในครอบครัวเธอก็เถอะ
“อยู่กันโดยที่ไม่ได้รัก คุณไม่คิดว่าเป็นเรื่องตลกเหรอคะ” เธอย้อนถามกลับนิ่งๆ
“พูดแบบนั้นก็ไม่ถูกนะครับ บางคู่แต่งก่อนแล้วค่อยรักก็มีเยอะแยะไป อย่างรุ่นพ่อแม่ของเราก็ถูกคลุมถุงชนจับแต่งงานกันเลยทั้งที่ไม่เคยเจอหน้า แต่ก็ยังอยู่ด้วยกันมาจนถึงทุกวันนี้”
ธีริญเหยียดยิ้ม ทยุตต้องการจะบอกเป็นนัยๆ ว่าคู่เธอกับเพื่อนเขาก็เหมือนกันใช่ไหม ถึงตอนแรกจะแต่งงานเพราะโดนบังคับ แต่ตอนนี้ภิฌานอาจจะมีความรู้สึกกับเธอขึ้นมาบ้างแล้วก็ได้
เขาน่ะเหรอจะรักเธอ?
เป็นเรื่องตลกที่ห่วยที่สุดเท่าที่เธอเคยฟังมาเลย!
“ฉันไม่คิดว่าคนแปลกหน้าจะรักกันได้นะคะ”
แต่งงานมาสามปี เจอหน้ากันแค่อาทิตย์ละครั้ง นอกจากใช้เวลาบนเตียงร่วมกันก็แทบไม่มีอะไรที่เรียกได้ว่าเป็นคู่สามีภรรยากันเลย เขาไม่รักเธอ ไม่เคยสนใจเลยแม้แต่นิดเดียว เอาแต่อยู่ในโลกส่วนตัวของเขาที่เธอไม่เคยได้รับอนุญาตให้เฉียดเข้าไปใกล้ เราไม่เคยเข้าใจกันสักครั้ง แล้วจะเกิดเป็นความรักได้อย่างไรกันล่ะ
“แค่ลองเปิดใจ มันไม่มีอะไรยากหรอกครับ”
“คุณทยุตพูดเหมือนคนที่ผ่านการแต่งงานมีครอบครัวแล้วเลยค่ะ”
“ผมยังไม่แต่งงานครับ”
“งั้นคุณไม่ควรเอามุมมองของคุณมาตัดสินนะคะ การแต่งงานไม่ได้ง่ายหรือสวยงามเสมอไปหรอกค่ะ”
“...”
เจ็บแฮะ... ทยุตถึงกับหน้าม้าน มีไม่กี่ครั้งหรอกที่ผู้ชายเจ้าคารมอย่างเขาจะถูกตอกหน้าจนพูดไม่ออก เขาเลิกคิ้วมองภิฌานแล้วยิ้มแห้งๆ เป็นเชิงบอกว่าให้ช่วยตัวเองก็แล้วกัน งานนี้เขาขอยอมแพ้ เขาสู้ปากธีริญไม่ไหว
ภิฌานนั่งนิ่งไม่ปรากฎริ้วรอยอารมณ์บนสีหน้าอันใดเลย เขาไม่มีส่วนร่วมกับบทสนทนาตั้งแต่ต้นจนจบ แต่กลิ่นอายรอบตัวยิ่งอยู่ยิ่งเย็นชาลงเรื่อยๆ บรรยากาศบนโต๊ะก็พลอยกระอักกระอ่วนตามไปด้วย แม้แต่จะขยับตัวก็ยังไม่มีใครกล้า ไม่ต้องพูดถึงว่ากลืนข้าวแล้วฝืดคอแค่ไหน ทุกคนนั่งมองหน้ากันเลิ่กลั่ก มีเพียงทยุตที่นั่งกินอย่างสบายไม่สนใจใครทั้งสิ้น ราวกับความทุกข์ของคนอื่นเป็นผงชูรสที่ทำให้อาหารมื้อนี้อร่อยขึ้นสำหรับเขา
นั่งรอจนรากเกือบจะงอกในที่สุดธีริญก็ลอบถอนใจอย่างโล่งอก ทยุตที่เอาแต่ละเลียดชิมนั่นกินนี่ไม่หยุดปากรวบช้อนส้อมเสียที ไม่รู้ว่าอิ่มหรือโดนสายตาคมกริบของเพื่อนเขาทิ่มแทงกันแน่ แต่เธอไม่อยากสนใจ ขอแค่ไปจากตรงนี้ได้ก็พอแล้ว
รอจนภิฌานหยิบแบล็กการ์ดจ่ายค่าอาหารเรียบร้อยแล้ว เธอจึงเอ่ยลา
“ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อนี้นะคะ เอาไว้โอกาสหน้าทางเราขอเป็นเจ้ามือบ้าง ตอนบ่ายดิฉันยังมีงานต้องเคลียร์ ขอตัวก่อนนะคะ” พูดจบก็พยักพเยิดกับณัฐสิทธิ์เตรียมจะลุกชิ่งหนี
“เดี๋ยวครับ” ภิฌานเอ่ยขัดเสียงเรียบ “นั่งทานข้าวด้วยกันตั้งนาน ผมยังไม่ได้ถามเลยว่าคุณธีริญทำงานเป็นยังไงบ้าง”
ธีริญหนังตากระตุก ฝืนยิ้มแทบไม่อยู่
“ก็...ไม่มีปัญหาอะไรนะคะ”
“แต่ผมเคยได้ยินคุณเกษมพูดว่าคุณไม่ค่อยมั่นใจกับงานนี้ เพราะไม่มีความรู้ดีพอ กลัวจะทำผิดพลาด วันนี้ผมว่าง เลยอยากจะเชิญคุณไปเยี่ยมชมที่บริษัท โกลบอล สักหน่อย เผื่อจะมีประโยชน์ช่วยให้คุณเข้าใจ ‘ผม’ มากขึ้น ดีมั้ยครับ” ในเมื่อธีริญมองว่าเขาเป็นคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จัก งั้นเขาจะให้เธอรู้จักทุกซอกทุกมุมเลย ถ้าเธอรู้ว่าเขาสามารถบันดาลทุกสิ่งให้ได้ดังใจ บางทีเธออาจเปลี่ยนใจกลับมาอยู่ข้างกายเขาก็ได้