ไม่ดี!
ใครอยากจะอยู่ติดแหง็กกับคุณฮะ?
ธีริญกัดฟันมองหน้าเขา โกรธจนอยากจะวิ่งเข้าไปฉีกเนื้อไอ้ผู้ชายเฮงซวยคนนี้ให้หายเจ็บใจ อยู่ตั้งนานไม่พูดไม่ถาม นั่งเก๊กหน้าเป็นรูปปั้น พอเธอจะกลับก็หาเรื่องมารั้งตัวเอาไว้ เขาจงใจแกล้งกันชัดๆ น่ารังเกียจที่สุด ทำแบบนี้สนุกมากนักรึไง
“เอาไว้โอกาสหน้าน่าจะเหมาะกว่านะคะ ดิฉันมีทีมงานมาด้วยคงไม่สะดวก อีกอย่างก็ไม่ได้เรียนให้คุณเกษมทราบด้วย” เธอพยายามหาทางบ่ายเบี่ยง
“ถ้าคุณกลัวคุณเกษมจะว่าละก็ เดี๋ยวผมโทร. เคลียร์เอง”
ภิฌานยักไหล่เหมือนไม่ใช่ปัญหา ก็ใช่สิ...เขาจะต้องเดือดร้อนอะไร ในเมื่อเขาโยนปัญหามาที่เธอแล้ว ถึงเธอไม่ยินยอมแล้วจะทำอะไรได้ ในเมื่อเจ้านายเธอแสนจะเต็มใจ แทบจะจับเธอถวายพานส่งให้เขาเอาไปเชือดได้เลย
“ถ้าท่านประธานไม่รังเกียจ งั้นดิฉันก็ขอรบกวนด้วยนะคะ” ธีริญยิ้มคล้ายแสยะยิ้ม สูดลมหายใจลึกๆ เท่าไรก็ข่มโทสะไม่ได้ ถ้ามีมีดอยู่ในมือละก็ เธอจะแทงเขาให้มิดด้ามเลย
“ผมเต็มใจ” แววตาคู่คมมองเธออย่างหยอกล้อพอใจอยู่ในทีที่ได้ในสิ่งที่เขาต้องการ ก่อนจะหันไปเอ่ยกับเพื่อนชายของธีริญว่า “ผมสั่งอาหารและเครื่องดื่มไปฝากคุณเกษมและทีมงานคนอื่นๆ ด้วย รบกวนคุณช่วยเอาไปส่งแทนผมทีนะครับ บอกว่าเป็นของฝากเพิ่มพลังในการทำงาน”
“ครับ” ณัฐสิทธิ์รับคำ แม้จะรู้สึกว่าเป็นคำสั่งมากกว่าคำขอร้อง แต่เขาก็ทำได้เพียงพยักหน้าอย่างงงๆ ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ ท่านประธานใหญ่ของ โกลบอล จึงเชิญธีริญไปที่บริษัทเพียงคนเดียว ส่วนเขากลับกลายเป็นแค่พนักงานส่งของไปเสียอย่างนั้น
เขาดีใจเก้อเลย...
ณัฐสิทธิ์คิดว่าขากลับจะได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง เขาจะพูดคุยขอโอกาสคบหากับธีริญอย่างเปิดเผย แต่ดันถูกท่านประธานหนุ่มตัดหน้ากันหน้าตาเฉย ความหวังของเขาพังครืนในพริบตา เหมือนถูกภิฌานยกเท้าบดขยี้จนไม่เหลือซาก
ธีริญสั่งตัวเองให้ใจเย็นเหมือนน้ำจุดเยือกแข็ง รอกระทั่งทุกคนแยกย้ายกันแล้ว มองณัฐสิทธิ์ที่เดินไหล่ลู่จากไปเป็นคนสุดท้ายจนลับตา เธอจึงหันมาแยกเขี้ยวเล่นงานตัวต้นเหตุทันที
“สนุกมากมั้ย?”
คนถูกถามทำหน้าขรึม ผิดกับอีกคนที่กลั้นหัวเราะไม่อยู่ ทยุตอยากจะยกนิ้วโป้งให้ธีริญจริงๆ เขาไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนเปลี่ยนสีหน้าได้รวดเร็วเท่าเธอมาก่อนเลย
“คุณขำอะไร” ธีริญหันมาฟาดงวงฟาดงากับเพื่อนภิฌานด้วย
ทยุตส่ายหน้ายิ้มๆ ยกมือสองข้างเป็นเชิงยอมแพ้ ยิ่งทำให้หญิงสาวโกรธควันออกหู มือทั้งสองกำแน่น
“แกล้งฉัน มันทำให้พวกคุณมีความสุขมากรึไง”
“ผมจะทำเรื่องไร้สาระพรรค์นั้นทำไม คุณทำอะไรให้ผมไม่พอใจยังงั้นเหรอ หรือคุณทำผิดอะไรกับผมรึเปล่าล่ะ” ภิฌานส่งยิ้มแรกของวันนี้ให้เธอ แต่ธีริญเห็นแล้วน่าขนลุกและมีเลศนัยอย่างไรพิกล ยิ่งประโยคถัดมาที่เขาเอ่ยยิ่งทำให้เธอแทบหยุดหายใจ
ธีริญสะอึกหน้าเสีย รีบหันหนีไปทางอื่นไม่กล้าสบตาเขา ริมฝีปากเม้มแน่นเพราะมีความผิดติดตัวอย่างที่ถูกกล่าวหา เลยกลัวว่าเขาจะจับผิดพิรุธแล้วง้างเอาความจริงเรื่องลูกจากปากเธอได้
ภิฌานเห็นเธอจนมุมก็ไม่อยากจะคาดคั้น เขาเอื้อมมือมาคว้ามือเธอไว้ สอดประสานปลายนิ้วแล้วจูงเธอก้าวเดิน ปากก็เอ่ยกับคนข้างหลังว่า
“หาทางกลับเอาเอง”
ทยุตกลอกตาที่ภิฌานได้เมียแล้วทิ้งเพื่อน ก่อนจะหย่อนตัวนั่งลงที่เดิม สั่งไวน์รสเริ่ดมาเพลิดเพลินระหว่างที่รอสาวในสต็อกมารับ ถือว่าสร้างกุศลไม่ทำตัวเป็น ‘ก้าง’ ขวางคอคู่รักที่จะปรับความเข้าใจกัน เผื่อผลบุญจะส่งให้เขาได้พบกับสาวสวยมาช่วยปลอบใจเขาบ้าง
มาถึงรถซีดานสุดหรูพันธุ์ยุโรปชื่อดัง หญิงสาวที่เดินหน้าหงิกมาตลอดทางก็สะบัดมือออก เปิดประตูหลังจะเข้าไปนั่ง แต่ถูกมือหนาไวกว่าคว้าหมับดันตัวเธอเข้าไปในรถฝั่งประตูคนขับ ก่อนตัวเขาจะเบียดแทรกเข้ามาติดๆ ทำเอาธีริญขยับถอยห่างไปนั่งเบาะข้างๆ แทบไม่ทัน
“ผมไม่ใช่คนขับรถของคุณ” เขาพูดเสียงขุ่น เมื่อเธอหันมาค้อนควัก
ธีริญกัดฟัน แล้วสะบัดหน้าหนีไม่สนใจเขา
“ทำไมถึงพูดเรื่องหย่ากลางวงแบบนั้น กลัวใครไม่รู้ว่าคุณโสดรึไง”
หญิงสาวสุดจะทน หันขวับมาจ้องหน้าเขาอย่างเอาเรื่อง เค้นเสียงตอกกลับไปว่า
“เพื่อนคุณเป็นเริ่มก่อนเองนะ แล้วฉันก็ไม่ได้พูดผิดตรงไหน”
สีหน้าของภิฌานมืดครึ้มเหมือนเมฆตั้งเค้า ขบกรามด้วยความเดือดดาล
ไม่ผิด?
ธีริญช่างกล้าพูดจริงนะ ถ้าพ่อเธอไม่ขอร้องกึ่งทวงบุญคุณกับพ่อเขา เขาจะต้องถูกบังคับให้แต่งงานกับเธอหรือ ตอนนี้ยังจงใจทำตัวไร้สามีอีก คิดจะซ่อนเขาอยู่ในมุมลับอย่างนั้นใช่ไหม เธออายมากนักรึไง หรือกลัวคนจะรู้แล้วคะแนนตกว่ามีเขาเป็น ‘ผัว!’
“เพิ่งหย่ากันไปหยกๆ คุณก็คิดจะเปิดตัวหาผู้ชายคนใหม่เลยงั้นเหรอ”