บทที่ 6 ตอแยไม่เลิก 4

1547 คำ
จะด้วยทะนงตัวยึดมั่นในเกียรติและศักดิ์ศรี หรืออาจจะคิดได้แล้วว่ามาตามตอแยเธอก็เปล่าประโยชน์ นับตั้งแต่วันนั้นที่ถูกเธอตอกหน้าเข้าอย่างจัง ภิฌานก็ไม่ปรากฎตัวต่อสายตาของเธออีกเลย หนึ่งเดือนที่เธอรับงานโพรเจกต์ โกลบอล จึงมีแต่ความราบรื่น แค่ไม่ต้องเจอหน้าคนที่สร้างความอึดอัด ธีริญก็ยิ้มได้อย่างเป็นธรรมชาติ สามารถเข้ากับผู้ร่วมงานของบริษัทคู่ค้าได้ดี ทุกวันของเธอมีความสุขอย่างเรียบง่าย แม้จะมีบางครั้งที่ใจเผลอกระหวัดนึกถึงใครบางคนจนรู้สึกโหวงๆ อยู่บ้างก็ตาม ก็นะ...ถึงเราจะเลิกกันแล้ว แต่เธอยังคงรักเขาอยู่เต็มหัวใจ ผู้ชายคนแรกและคนเดียวที่รักฝังใจมานานสามปี บอกจะลืมก็ลืมได้ง่ายๆ อย่างไรกันล่ะ ที่เธอทำได้คือค่อยๆ ปล่อยวางเขา ให้เวลาเป็นตัวเยียวยารักษาใจช้ำๆ ดวงนี้ เมื่อคืนวันผันผ่านคงมีสักวันที่ตัวตนของเขาจะเลือนรางไปจากความทรงจำของเธอเองในสักวันหนึ่ง “ทุกอย่างเรียบร้อยตรงตามสเปกที่ทางเราต้องการครับ ผมจะกลับไปรายงานท่านประธานว่าทุกอย่างไม่มีปัญหา ทางทีมงานของคุณทำงานดีมาก” ธีริญละภวังค์คลี่ยิ้มบางๆ ให้ผู้จัดการฝ่ายผลิตของทาง โกลบอล ที่เดินทางมาตรวจสอบคุณภาพสินค้าที่โรงงานของบริษัทเธอ “ขอบคุณค่ะ ทางเราจะให้คุณณัฐสิทธิ์ วิศวกรคอมพิวเตอร์ฝีมือดีที่สุดดูแลอย่างใกล้ชิด จนกว่าจะจบโพรเจกต์นี้ ทางคุณไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ถ้ามีปัญหาอะไรสามารถติดต่อดิฉันหรือคุณณัฐสิทธิ์ได้ตลอดเวลาค่ะ” หญิงสาวผายมือไปทางชายหนุ่มที่ถูกดึงตัวมาร่วมโพรเจกต์นี้กับเธอ เอ่ยสรรพคุณเล็กๆ ของเขาให้ลูกค้าไว้วางใจ ณัฐสิทธิ์ค้อมศีรษะเล็กน้อย เอ่ยอย่างสุภาพว่า “ผมจะทำให้ดีที่สุดครับ” ผู้จัดการและทีมงาน โกลบอล อีกสองคนพยักหน้ายิ้มรับอย่างพอใจ ก่อนที่ธีริญจะเอ่ยปากเชิญลูกค้าว่า “นี่ก็เที่ยงแล้ว เชิญทานมื้อเที่ยงก่อนกลับดีไหมคะ ใกล้ๆ โรงงานมีร้านที่บรรยากาศดี อาหารอร่อยถูกปากอยู่ค่ะ” เธอเสิร์ซหาร้านอาหารดีๆ หรูหราไว้คอยต้อนรับพวกเขาแล้ว ตามคำสั่งของเกษมที่ทุ่มทุนไม่อั้น พวกเขามองหน้ากันแล้วพยักหน้ารับ “ก็ดีครับ” ทีมงานสองบริษัทต่างขึ้นรถยนต์ส่วนตัวแล้วขับตามกันไป ใช้เวลาเพียงสิบนาทีก็มาถึงร้านอาหารบรรยากาศร่มรื่นเต็มไปด้วยแมกไม้นานาพันธุ์ ที่นั่งมีทั้งโซนที่เป็นห้องส่วนตัวและแบบนั่งอยู่ในแพริมน้ำ เพลิดเพลินกับอาหารหลากหลายและชมวิวทิวทัศน์ชอุ่มเย็นสบาย ธีริญเลือกนั่งโซนเปิดตามความต้องการของลูกค้า ทำหน้าที่แนะนำอาหารขึ้นชื่อของทางร้าน และสั่งไวน์แดงคุณภาพดีมาเลี้ยงรับรองพวกเขาอย่างอิ่มหนำสำราญ “คุณธีริญนี่รสนิยมดีใช้ได้เลยครับ บรรยากาศดี อาหารอร่อย ไวน์ก็รสเยี่ยมถูกใจผมมาก” ผู้จัดการฝ่ายผลิต โกลบอล ชูแก้วไวน์ขึ้นชนกับแก้วของเธอ ก่อนจะดื่มรวดเดียวเกือบหมดแก้ว ผิดกับธีริญที่ยังยิ้มไม่เปลี่ยน แต่ไม่ยอมแตะต้องเลยสักหยด กระทั่งณัฐสิทธิ์ที่นั่งอยู่ข้างๆ ผิดสังเกต จึงกระซิบถามว่า “คุณไม่ดื่มเหรอครับ” ปกติธีริญคอแข็งจะตาย เป็นพวกเต็มที่กับปาร์ตี้ไม่เคยถอย เขายังเคยเห็นเธอดื่มทั้งเหล้าทั้งไวน์ ตบท้ายด้วยเบียร์มาแล้วกับตา แค่นี้จิบๆ สำหรับเธอเสียด้วยซ้ำ ธีริญเข้าใจความหมายที่ณัฐสิทธิ์ถามอ้อมๆ เขาคงกลัวว่าถ้าเธอไม่ดื่มสักหน่อยจะเป็นการเสียมารยาทต่อแขก และอาจสร้างความไม่พอใจให้กับพวกเขาได้ แต่เธอท้องอยู่จะให้ดื่มของมึนเมาที่เป็นอันตรายต่อลูกน้อยได้อย่างไรล่ะ หญิงสาวเม้มปากละล้าละลังว่าจะเอาอย่างไรดี ดื่มหรือไม่ดื่ม ใจอยากจะวางแก้ว แต่พอเห็นทุกคนพากันจ้องมองมาที่เธอเป็นตาเดียว เธอจึงไม่อาจเสียมารยาทต่อลูกค้าได้ จำต้องลอบถอนใจ จิบไวน์สักหน่อยเพื่อไม่ให้น่าเกลียดก็แล้วกัน ทนหน่อยนะลูกแม่ เธอลูบท้องพลางเอ่ยขอโทษลูกน้อยในใจ ยกแก้วไวน์จรดริมฝีปากเตรียมจะดื่มลงไป แต่ถูกมือหนาของใครบางคนดึงออกเสียก่อน แวบแรกความรู้สึกของเธอคือโล่งใจ แต่พอเงยหน้ามองเจ้าของฝ่ามือ หนังตาเธอก็กระตุก รอยยิ้มกระเกร็งยามเมื่อสบตากับชายที่ยังคงตามหลอกหลอนเธอยู่ “สวัสดีครับท่านประธาน” ผู้จัดการฝ่ายผลิต โกลบอล และลูกน้องลุกขึ้นค้อมศีรษะอย่างนอบน้อม “อืม...” ภิฌานพยักหน้ารับ ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ “ยังอยู่ในเวลางาน อย่าดื่มมากดีกว่านะ” แล้วดึงแก้วไวน์ในมือธีริญวางลงอย่างเป็นธรรมชาติท่ามกลางสายตาของทุกคน ถึงจะสงสัยแต่ไม่มีใครกล้าเสี่ยงตายที่จะออกปากถาม ได้แต่แอบกลืนน้ำลายแล้วเบี่ยงประเด็นความอยากรู้ด้วยคำถามที่ว่า “บังเอิญจังเลยนะครับที่มาเจอท่านประธานกับคุณทยุตที่นี่” พนักงาน โกลบอล รู้จักแขกขาประจำของเจ้านายใหญ่กันทั้งนั้น ผิดกับอดีตภรรยาของภิฌานที่ไม่เคยพบหน้าค่าตาทยุตเลยสักครั้ง ธีริญอดเหยียดยิ้มไม่ได้ คงเป็นเพราะเธอเป็นแค่คนไร้ค่าไร้ตัวตนสำหรับเขา เขาจึงไม่เคยคิดจะแนะนำเธอให้ใครรู้จัก และไม่ได้รับเกียรติให้รู้จักกับคนสนิทใกล้ชิดของเขา “สวัสดีครับ ผมเป็นทั้งญาติและเพื่อนสนิทของหมอนี่” ทยุตยื่นมือพลางเอ่ยทักทายเธออย่างสนิทชิดเชื้อ แถมยังนั่งแหมะลงข้างๆ โดยไม่สนสายตาเยียบเย็นที่ทิ่มแทงอยู่ข้างหลังตน “สวัสดีค่ะ” ธีริญยิ้มตอบตามมารยาท ได้มีโอกาสมองสำรวจอีกฝ่ายในระยะประชิด ทยุตเป็นผู้ชายมาดเข้มที่มีกลิ่นอายเพลย์บอยแผ่ออกมาอย่างชัดเจน สังเกตได้จากรอยยิ้มยั่วเย้าขี้เล่นชวนให้คนลุ่มหลงได้ง่ายๆ แถมท่าทางเขาก็ดูช่ำชองเข้าหาผู้หญิงได้อย่างไม่เคอะเขิน ออกแนวจะปากว่ามือปาหมึกเสียด้วยซ้ำ คงเพราะปกติทำเป็นประจำ เรียกว่าแตกต่างกันคนละขั้วกับผู้ชายปากหนักเย็นชาอย่างอดีตสามีเธอเลย ท่านประธานที่ถูกเมินกระแอมเบาๆ แย่งความสนใจของอดีตภรรยามาที่เขาบ้าง เขาเอ่ยปากขึ้นโดยที่ไม่ละสายตาไปจากเธอว่า “ไหนๆ ก็มาเจอกันแล้ว มื้อนี้ผมเลี้ยงเอง” พูดจบก็นั่งลงข้างๆ เพื่อนสนิท ธีริญแทบสำลักน้ำลาย สีหน้าแข็งค้าง อุตส่าห์แอบไล่ภิฌานให้รีบไปไกลๆ แต่เหมือนเจ้าตัวจะรู้เลยแกล้งอยู่ให้เธออึดอัดใจเล่นๆ เสียอย่างนั้น สองตาเขามองเธอนิ่งๆ แต่เจือแววท้าทายน่าโมโหจนเธออยากจะตะโกนด่าออกมาดังๆ แต่เพราะทำไม่ได้เลยต้องเป็นฝ่ายผินหน้าหนีไปเสียเอง เอาเถอะ...ในเมื่อเลี่ยงไม่ได้ ก็แค่นั่งกินข้าวเงียบๆ ให้จบไปเร็วๆ ก็พอแล้ว ยังดีที่ไม่ฟ้าก็เขายังปรานีเธออยู่บ้าง ตั้งแต่นั่งลงภิฌานก็พูดคุยกับทุกคน รวมถึงณัฐสิทธิ์ แต่ไม่ได้ถามอะไรที่ทำให้เธอลำบากใจ แม้แต่หางตายังไม่ปรายมองมาที่เธอเลยสักนิด ทำราวกับตาบอดมองไม่เห็นหรือไม่มีเธอนั่งอยู่ตรงนี้ด้วย ก็ดี! เธอเองก็ไม่อยากคุยกับเขาเหมือนกัน ธีริญผ่อนลมหายใจคล่องได้หน่อย เอาแต่ก้มหน้าไม่สบตาใครบนโต๊ะอาหารเลย มั่นใจว่าวิธีนี้คงทำให้รอดตัว หากไม่มีคนที่ชอบสร้างเรื่องทำให้คนลำบากร่วมโต๊ะอยู่อีกคน “อืม...ผมแอบสังเกตเห็นว่าบนนิ้วนางของคุณเหมือนจะมีรอยแหวนอยู่นะครับ แต่ไม่ยักจะสวมแหวนอยู่เลย ไปถอดแล้วลืมวางไว้ที่ไหนรึเปล่าครับ” ธีริญตกใจเงยหน้ามองคนถามยิ้มๆ แล้วเหลือบมองอดีตสามีที่มองเธออยู่เช่นกันตามสัญชาตญาณ ไม่คาดคิดว่าทยุตจะถามโต้งๆ ออกมากลางวงอย่างนี้ เขาจงใจ! ทำเป็นถามเหมือนห่วงใย แต่เธอรู้ดีว่ามันไม่ใช่ ผู้ชายคนนี้เหมือนจะรู้ถึงความสัมพันธ์ของเธอกับภิฌาน แถมยังอาจจะรู้ไปถึงขั้นว่าพวกเราหย่าร้างกันแล้วด้วย จึงอดไม่ได้ที่จะไม่พอใจ ที่ทยุตสอดปากเข้ามายุ่งเรื่องส่วนตัวของเธอ ที่โกรธยิ่งกว่าก็คือ...คนในที่ชอบสาวไส้ให้กากินนี่แหละ! ถ้าภิฌานไม่ปากมากพูดเรื่องเธอให้ฟัง ญาติเขาจะรู้ได้อย่างไร? หญิงสาวยิ้มเย็น ความขุ่นเคืองถูกซ่อนไว้ใต้น้ำแข็งหนาเป็นฟุตที่ฉาบอยู่บนใบหน้า เอ่ยเสียงดังฟังชัดอย่างไม่สะทกสะท้านว่า “ไม่ได้ลืมหรอกค่ะ แต่ฉันทิ้งแหวนวงนั้นไปเอง เพราะว่าฉัน ‘หย่า’ แล้วค่ะ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม