เพราะรักจึงยอมทุกอย่าง ทำตัวไม่ต่างจากหมาเชื่องๆ ตัวหนึ่ง ไม่กล้ามีปากมีเสียง เพราะกลัวว่าเขาจะโกรธแล้วไม่กลับมาที่บ้านอีก เธอไม่พร้อมที่จะไม่มีเขา
แต่ยิ่งทนเธอก็ยิ่งเจ็บ!
เหมือนเธอกอดความทุกข์เอาไว้ไม่ยอมปล่อย แบกความเจ็บปวดเอาไว้เต็มสองบ่าทั้งที่แทบไม่เหลือเรี่ยวแรงให้ยืนหยัด สัญญาแต่งงานสี่ปีที่เธอได้แต่นับเวลาถอยหลัง ความทรมานและหวาดกลัวที่จะสูญเสียเขาไป ภิฌานไม่มีวันเข้าใจหรอก เพราะเขาไม่เคยเป็นคนที่ต้องรอคอยอย่างเจ็บปวด
“เห็นแก่ที่ฉันทำตัวดี ไม่เคยสร้างปัญหาให้คุณเลยสักครั้ง คุณช่วยปล่อยฉันไปจะได้มั้ย”
ภิฌานหน่วงในอก มองคนที่ยอมละทิ้งศักดิ์ศรีเอ่ยปากขอร้องเขาอย่างอับจนหนทาง แววตาธีริญฟ้องชัดว่าไม่ต้องการเขา
เธอไม่เอาเขาแล้ว!
เขาเอื้อมมือไปกุมใบหน้าที่เล็กนิดเดียวของเธอเอาไว้ ลูบไล้แผ่วนุ่มขณะมองเธอด้วยแววตาลึกซึ้ง เขาอยากจะทำอย่างที่เธอขอ แต่นั่นหมายความว่าเขาจะสูญเสียลูกไปด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่ภิฌานยอมอ่อนข้อให้ไม่ได้เด็ดขาด ถ้าพลาดโอกาสนี้ไปเขาคงเข้าใกล้เธอไม่ได้อีกเป็นแน่
“ธีริญ...บอกผมมาได้มั้ยว่าคุณท้องรึเปล่า”
หญิงสาวแผ่นหลังแข็งทื่ออยู่ในอ้อมแขนของเขา แต่ภิฌานยังคงถามย้ำเสียงอ่อนทุ้ม เจือแววปิติยินดีอยู่ในกระแสเสียงไม่น้อย
“ลูกผมใช่มั้ย”
เขาเชยคางเธอขึ้น ธีริญมองเขา ขนตาสั่นกระพือด้วยไม่อาจเก็บงำความหวาดหวั่นที่สะท้านอยู่ในอกได้
“ถ้าฉันท้องแล้วไง คุณจะรับผิดชอบด้วยการแต่งงานใหม่กับฉันงั้นเหรอ”
พอถูกถามจี้ใจแววตาคมกล้าก็พลันวูบไหว ความรู้สึกเริ่มสับสนไม่มั่นใจ ภิฌานก็ยังตอบตัวเองไม่ได้ว่ารักธีริญหรือแค่เป็นความผูกพันที่อยู่ด้วยกันมานานปี
“ถ้าคุณต้องการแบบนั้น ผมก็ไม่มีปัญหา” ความรู้สึกของเขาไม่สำคัญเท่ากับลูก เพื่อลูกเขาสามารถแต่งงานกับเธอได้ เขาไม่ได้รังเกียจเธอ ออกจะยินดีด้วยซ้ำที่สามารถสร้างครอบครัวอบอุ่นสมบูรณ์ให้กับลูกที่กำลังจะเกิดได้
“คุณแน่ใจ?”
“ผมไม่ได้คิดจะหย่ากับคุณตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”
ธีริญนึกขำจนอดส่ายหน้าไม่ได้ ก่อนจะเอ่ยหักหน้าเขานิ่มๆ
“พูดให้ถูก คุณไม่เคยคิดที่จะใช้ชีวิตร่วมกันฉัน แต่ที่ยังไม่ยอมหย่า เพราะอยากจะให้ฉันเป็นนางบำเรอบนเตียงของคุณจนกว่าจะครบสี่ปีต่างหาก ตอนนี้คุณคิดว่าเรื่องทุกอย่างเปลี่ยนไปก็เพราะฉันดันท้อง คุณเลยอยากรับผิดชอบ จะด้วยสามัญสำหนึกหรือเพราะความเป็นสุภาพบุรุษก็แล้วแต่ ที่คุณทำทั้งหมดไม่ใช่เพราะรักฉัน แต่ทนอยู่กับฉันเพื่อลูกเท่านั้น”
ภิฌานมีสีหน้านิ่งขรึม ริมฝีปากเม้มเล็กน้อยโดยไม่พูดอะไร แม้จะไม่ได้คิดเช่นนั้นทั้งหมด แต่ธีริญก็พูดไม่ผิด เขาไม่อาจโต้แย้งได้ เอาแต่ถอนหายใจหนักๆ นานหลายอึดใจ ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบว่า
“ธีริญ...คุณรู้ดีว่าเราแต่งงานกันเพราะอะไร”
หญิงสาวยิ้มขื่น ปวดใจจนแทบจะกัดริมฝีปากข่มความเจ็บ ปลายลิ้นรับรสขมปร่าได้เพียงรสเดียว ขมไปทั้งปาก ขมจนอยากจะอาเจียน ทว่ารอยยิ้มกลับยิ่งเบ่งบานอย่างงดงาม
“เพราะรู้ดี...ฉันถึงได้คืนอิสระให้คุณไงละ ทั้งพ่อฉันและพ่อคุณต่างก็ไม่อยู่กันหมดแล้ว ไม่มีใครบังคับคุณได้อีก ตอนนี้คุณมีทุกอย่างพร้อมแล้ว เป็นผู้บริหารระดับสูง อยากใช้ชีวิตยังไงก็ได้ อยากจะรักหรือแต่งงานกับใครก็ได้ทั้งนั้น มีผู้หญิงอีกมากที่พร้อมจะดาหน้ามาให้คุณเลือกไม่หวาดไม่ไหว คุณไม่จำเป็นต้องกลับมาหาผู้หญิงที่คุณไม่เต็มใจรักอย่างฉันหรอก”
ชีวิตที่เขาอยากได้?
เขาอยากจะใช้ชีวิตแบบไหน ตัวภิฌานเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน จุดหมายเดียวในชีวิตที่เขาแสวงหาและพุ่งตรงมาโดยตลอดก็คือ ประสบความสำเร็จและปีนขึ้นไปอยู่บนจุดสูงสุด มีแค่วิธีนี้วิธีเดียวเท่านั้นที่จะทำให้เขามีอำนาจ ไม่ต้องก้มหัวให้ใครหรือตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของใครเหมือนเมื่อสามปีก่อน
ความอัปยศอดสูที่ได้รับ...ครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว!
“ฉันขอยืนยันว่าไม่ได้ท้อง เพราะฉะนั้นคุณไม่จำเป็นต้องมารับผิดชอบอะไรทั้งนั้น ต่างคนต่างอยู่อย่างที่เคยตกลงกันไว้นั่นแหละค่ะดีแล้ว”
ธีริญประกาศกร้าวอย่างเด็ดเดี่ยว เชิดหน้าเดินผ่านอดีตสามีที่ยืนกำหมัดแน่นด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก แววตาไม่มีแม้แต่ความอาวรณ์ เธอตั้งใจจะตัดเขาเหมือนตัดบัวไม่ให้เหลือใย และก็หวังว่าภิฌานจะคิดได้แบบเดียวกับเธอ
ก็หวังว่า...หลังจากนี้เขาจะไม่ยุ่งกับเธออีก!
จะด้วยทะนงตัวยึดมั่นในเกียรติและศักดิ์ศรี หรืออาจจะคิดได้แล้วว่ามาตามตอแยเธอก็เปล่าประโยชน์ นับตั้งแต่วันนั้นที่ถูกเธอตอกหน้าเข้าอย่างจัง ภิฌานก็ไม่ปรากฎตัวต่อสายตาของเธออีกเลย
หนึ่งเดือนที่เธอรับงานโพรเจกต์ โกลบอล จึงมีแต่ความราบรื่น แค่ไม่ต้องเจอหน้าคนที่สร้างความอึดอัด ธีริญก็ยิ้มได้อย่างเป็นธรรมชาติ สามารถเข้ากับผู้ร่วมงานของบริษัทคู่ค้าได้ดี ทุกวันของเธอมีความสุขอย่างเรียบง่าย แม้จะมีบางครั้งที่ใจเผลอกระหวัดนึกถึงใครบางคนจนรู้สึกโหวงๆ อยู่บ้างก็ตาม
ก็นะ...ถึงเราจะเลิกกันแล้ว แต่เธอยังคงรักเขาอยู่เต็มหัวใจ ผู้ชายคนแรกและคนเดียวที่รักฝังใจมานานสามปี บอกจะลืมก็ลืมได้ง่ายๆ อย่างไรกันล่ะ ที่เธอทำได้คือค่อยๆ ปล่อยวางเขา ให้เวลาเป็นตัวเยียวยารักษาใจช้ำๆ ดวงนี้ เมื่อคืนวันผันผ่านคงมีสักวันที่ตัวตนของเขาจะเลือนรางไปจากความทรงจำของเธอเองในสักวันหนึ่ง
“ทุกอย่างเรียบร้อยตรงตามสเปกที่ทางเราต้องการครับ ผมจะกลับไปรายงานท่านประธานว่าทุกอย่างไม่มีปัญหา ทางทีมงานของคุณทำงานดีมาก”
ธีริญละภวังค์คลี่ยิ้มบางๆ ให้ผู้จัดการฝ่ายผลิตของทาง โกลบอล ที่เดินทางมาตรวจสอบคุณภาพสินค้าที่โรงงานของบริษัทเธอ
“ขอบคุณค่ะ ทางเราจะให้คุณณัฐสิทธิ์ วิศวกรคอมพิวเตอร์ฝีมือดีที่สุดดูแลอย่างใกล้ชิด จนกว่าจะจบโพรเจกต์นี้ ทางคุณไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ถ้ามีปัญหาอะไรสามารถติดต่อดิฉันหรือคุณณัฐสิทธิ์ได้ตลอดเวลาค่ะ” หญิงสาวผายมือไปทางชายหนุ่มที่ถูกดึงตัวมาร่วมโพรเจกต์นี้กับเธอ เอ่ยสรรพคุณเล็กๆ ของเขาให้ลูกค้าไว้วางใจ
ณัฐสิทธิ์ค้อมศีรษะเล็กน้อย เอ่ยอย่างสุภาพว่า
“ผมจะทำให้ดีที่สุดครับ”
ผู้จัดการและทีมงาน โกลบอล อีกสองคนพยักหน้ายิ้มรับอย่างพอใจ ก่อนที่ธีริญจะเอ่ยปากเชิญลูกค้าว่า
“นี่ก็เที่ยงแล้ว เชิญทานมื้อเที่ยงก่อนกลับดีไหมคะ ใกล้ๆ โรงงานมีร้านที่บรรยากาศดี อาหารอร่อยถูกปากอยู่ค่ะ” เธอเสิร์ซหาร้านอาหารดีๆ หรูหราไว้คอยต้อนรับพวกเขาแล้ว ตามคำสั่งของเกษมที่ทุ่มทุนไม่อั้น