ภิฌานประกบจูบเธออย่างมึนเมา ทั้งปากทั้งลิ้นรุกเร้าเคล้าคลึงปากเธอด้วยความกระหาย เขาไม่ได้แตะต้องเธอมานานแล้ว และเคยไม่นอนกับผู้หญิงคนไหนเพื่อทดแทนเธอ พอได้สัมผัสริมฝีปากอวบอิ่มที่ถวิลหา ลูบไล้เรือนร่างที่กระตุ้นความใคร่ของเขาให้ลุกโชนอย่างง่ายดาย หัวใจเขาก็แทบจะมอดไหม้เพราะไฟสวาท เลือดทุกหยาดเดือดซ่านสูบฉีดไปทั่วร่างด้วยแรงปรารถนาที่ลึกล้ำ
เขาบดจูบธีริญเร่าร้อนกว่าเดิม บดเบียดริมฝีปากจนไม่เหลือช่องว่างนอกจากลิ้นที่ตวัดพันพัวกันและกัน อารมณ์ยิ่งเตลิดเหมือนกระทิงเปลี่ยวฉุดความต้องการของเขาให้จมดิ่งมืดดำ
เขาต้องการเธอมากกว่านี้!
ภิฌานจูบไซ้ต่ำลงมา ใช้ปากและฟันปลดประดุมรุกจูบดูดดึงเนินอกสล้าง ขบกัดกระดูกไหปลาร้าเรียวบาง ลากลิ้นจูบไล้มาตามร่องทรวง ฝังหน้าและจมูกโด่งแนบซบบดขยี้ แล้วอ้าปากสวมครอบยอดถัน รวบดูดแรงๆ จนหญิงสาวแหงนหน้าเริด ตัวเกร็งกระตุก หน้าท้องแขม่วลึกเหมือนเกลียวคลื่น
“อ๊า!”
ธีริญหวีดร้องซ่านกระเส่า ในหัวว่างเปล่า แต่หัวใจเต้นระส่ำรุนแรงแทบกระแทกโพรงอก ความรู้สึกสองด้านตีกันให้วุ่นวายไปหมด เธอไม่ควรทำแบบนี้ ไม่ควรยอมให้เขาจูบเธอตามอำเภอใจ เธออยากจะขัดขืน แต่สัมผัสที่อ่อนโยนหวานล้ำทำให้เธอเผลอไผล นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกถึงจูบระหว่างคนรัก ไม่ใช่หน้าที่หรือทำไปตามกำหนัดของแรงกาย
เขาจูบเธออย่างเร่าร้อนอ่อนหวาน ไม่ได้สักแต่ว่าทำทื่อๆ แต่ยั่วเย้าหยอกเอินและจับจูงเธอไปพบกับความสุขล้ำที่เต็มไปด้วยสีสัน ทำให้เธอสุขสมหัวใจฟู เนื้อตัวเบาสบายเหมือนล่องลอยอยู่ท่ามกลางปุยเมฆนุ่มละมุน ความอ่อนโยนโอบล้อมทั้งกายทั้งใจจนไม่อาจจะฉุดรั้งตัวขึ้นมาจากจูบของเขาได้
ความรู้สึกแบบนี้เหมือนครั้งแรกที่เธอพบหน้าเขา มีทั้งความตื่นเต้นและประหม่าขัดเขินเจือปนความสุขที่สอดแทรกซึมลึกเข้ามาจนใจสั่นหวั่นไหว...
“อ๊ะ! อ๊าาาส์”
ธีริญสะดุ้งโหยงตัวสั่นเทาอยู่ในอ้อมกอดร้อนแรง เมื่อไรฟันคมๆ ขบงับกัดยอดอกเธออย่างมันเขี้ยว ความผิดชอบชั่วดีแล่นพล่านทำให้สติที่หลุดลอยไปของเธอวิ่งกลับมา หญิงสาวรีบผลักเขาออกพร้อมกำคอเสื้อกระชับแน่น ใบหน้าแดงก่ำส่ายพรืด น้ำเสียงแตกตื่นละล่ำละลักบอกเขาว่า
“ไม่! ไม่ได้...” เธอห้ามเขาและถามตัวเองว่ากำลังทำบ้าอะไร เธอท้องอยู่นะ แถมพวกเราก็หย่ากันแล้วด้วย
“ทำไมถึงไม่ได้” ภิฌานเอ่ยถามด้วยลมหายใจหอบกระเส่า แววตายังคงคุกรุ่นปะจุแรงใคร่อย่างข้นคลั่ก “คุณก็ชอบมันไม่ใช่เหรอ”
พูดแล้วก็ยื่นหน้าเข้ามาหมายจะจูบเธออีกครั้ง ทำเอาธีริญหน้าชาไปทั้งแถบที่เผลอปล่อยตัวปล่อยใจไปกับเขาง่ายๆ ความอดสูทำให้เธอผลักเขาออกสุดแขน แล้วตะคอกถาม
“รู้ตัวมั้ยว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่” เธอจ้องตาเขา หัวใจเต้นกระหน่ำเต้นโครมครามไม่หยุด เป็นไปได้ไหมที่เธอคาดหวังคำตอบของเขาอยู่
แต่สีหน้าของเขายังคงเงียบขรึม ภิฌานเอาแต่นั่งนิ่งจนเธอใจฝ่อ ความผิดหวังถาโถมหัวใจ เธอไม่รู้ว่าอยากจะหัวเราะหรือร้องไห้ที่ดันคิดอะไรโง่ๆ
“รู้”
คำตอบเดียวกลับสั่นสะเทือนหัวใจเธอไปทั้งดวง หญิงสาวตาเบิกโตอย่างไม่อยากจะเชื่อ ย้อนถามเขากลับทันควัน
“คุณเข้าใจความหมายที่ฉันถามมั้ย”
เขาไม่รู้ว่ารักเธอไหม แต่...
“ผมไม่ได้รังเกียจคุณ”
“...”
ธีริญอึ้งงัน เขาตอบคลุมเครือไม่ให้ความกระจ่างกับเธอเลย ไม่รังเกียจเธอแล้วยังไงต่อ แปลว่า ‘ชอบ’ ได้รึเปล่า
แล้วอีกคนหนึ่งล่ะเขาคิดอย่างไร?
“กับคุณพันธิตรา คุณก็คงไม่รังเกียจด้วยสินะ”
“ผมไม่ได้คิดอะไรกับเขา นอกเหนือไปจากความเป็นเจ้านายกับลูกน้อง”
“แต่แม่คุณไม่คิดอย่างนั้น ตัวเธอเองก็มีใจให้คุณอยู่ คุณน่าจะรู้ดี แต่ก็ยังยอมให้เธออยู่ใกล้ๆ ฉันว่าคุณต้องมีหวั่นไหวบ้างละ”
“เธอจะคิดยังไงก็ช่าง แต่ถ้าเธอทำงานดี ในฐานะเจ้านาย...ผมจะไม่ปฏิเสธพนักงานที่มีความสามารถเพราะเรื่องส่วนตัวเป็นอันขาด”
เขากำลังจะบอกเธอใช่ไหมว่า...แยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออกจากกัน
ความรู้สึกของเธอสับสนยิ่งขึ้นจนแยกไม่ออก ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอคงเชื่อเขาสนิทใจ เพราะรักจึงทำให้เธอยอมปิดหูปิดตาตัวเอง
แต่ตอนนี้เธอไม่รู้ว่าจะเชื่อเขาได้ไหม?
คำพูดเขากับสิ่งที่เธอเห็นค่อนข้างจะย้อนแย้งสวนทางกัน เธอไม่รู้ว่าอันไหนคือเรื่องหลอก อันไหนคือเรื่องจริง
สมมุติว่าภิฌานพูดความจริง...
แล้วเธอล่ะ?
“กับฉันล่ะ ไม่รังเกียจ แล้วคุณชอบฉันรึเปล่า” ไหนๆ ก็ถามแล้ว งั้นก็ด้านหน้าไปให้สุดเลยแล้วกัน