บทที่ 4 เคยรักกันบ้างไหม 4

848 คำ
พันธิตราชักสีหน้า คิดไม่ถึงว่าเมียภิฌานจะเขี้ยวลากดิน โลภมากไม่รู้จักเจียมตัว “ฉันว่ามันมากไปกับค่าตัวเธอด้วยซ้ำ ที่ยอมจ่ายให้ขนาดนี้ก็ถือว่าใจดีมากแล้ว เพราะฉันสงสารอยากช่วยเธอปลดหนี้หรอกนะ” “ห้าล้านขาดตัว ไม่จ่ายก็ไม่หย่า!” ธีริญยื่นคำขาด ก็จริงอย่างที่หล่อนพูดว่าเธอต้องการเงินใช้หนี้ เงินแค่นี้อาจจะน้อย แต่มันมากสำหรับคนที่จนตรอกอย่างเธอ ไหนๆ ต้องหย่ากันอยู่แล้ว เธอก็น่าจะได้อะไรติดไม้ติดมือกลับมาบ้าง ศักดิ์ศรีมีค่า แต่ไม่มีความหมายถ้าต้องแลกกับความลำบากยากแค้นของคนที่เธอรัก เห็นพันธิตรากัดฟันกรอด ธีริญก็ยิ่งยั่วด้วยการแบมือกระดิกนิ้วอย่างเร่งรัด ไม่ยอมให้หล่อนต่อรองหรือบิดพลิ้ว แถมยังเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่า จะจ่ายหรือไม่จ่าย? พันธิตรามองยัยคนหัวหมออย่างเข่นเขี้ยว หยิบปากกาที่พกติดตัวมาด้วยขีดฆ่าแล้วเขียนจำนวนตัวเลขใหม่ ก่อนจะเซ็นชื่อกำกับ ยื่นส่งให้ธีริญอีกครั้งอย่างกระฟัดกระเฟียด “เอาไป แล้วก็ทำตามที่สัญญาด้วย” “ขอบคุณ” ธีริญคีบนิ้วรับมา “หน้าด้าน!” ถูกตะคอกด่า แต่คนฟังยิ้มรับไม่สะทกสะท้าน แถมยักไหล่กลับ “ก็ไม่รู้ว่าใครด้านกว่ากันนะคะ ระหว่างฉันที่ขายสามี กับคุณที่ใช้เงินซื้อสามีคนอื่น” พันธิตราโกรธจนควันออกหู แต่ก็เถียงไม่ออก ถึงอย่างไรหล่อนก็เป็นผู้หญิงที่เพอร์เฟกต์มีแต่ผู้ชายวิ่งเข้าหา แต่กลับกลายเป็นหล่อนเองที่วิ่งเข้าหาสามีคนอื่น ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ตัวเขา พอถูกจี้ใจดำเข้าอย่างนี้ก็ยอมรับไม่ได้ อับอายมากเป็นธรรมดา คุณหนูสาวสะบัดหน้าเดินกระแทกเท้าจากไป แต่ในความเจ็บใจก็ยังมีเรื่องดีๆ อยู่บ้างที่หล่อนกำจัดศัตรูหัวใจพ้นทางไปได้ พันธิตรามองแหวนเพชรในมือ ถอดออกแล้วนำกลับใส่ในกล่องกำมะหยี่ดังเดิม เมื่อครู่พนักงานต้อนรับนำมันมาส่งให้หล่อน เป็นของที่ภิฌานสั่งทำเมื่อตอนที่เดินทางไปติดต่อธุรกิจต่างประเทศ แค่ดูก็รู้ว่าตั้งใจนำไปมอบให้ใคร หล่อนจึงฉวยโอกาสนี้นำมาสวม แล้วอวดให้เจ้าของที่แท้จริงได้เห็น ได้ผลดีเกินคาด พอธีริญเห็นปุ๊บก็หน้าซีดเผือด คิดไปเองเป็นตุเป็นตะโดยที่หล่อนไม่ต้องพูดอะไรเลยสักคำ พันธิตรายักไหล่เดินยิ้มกริ่มกลับไปยังห้องรับรองอย่างอารมณ์ดี เมื่อแผนการทุกอย่างเป็นไปดังที่หวัง โทษหล่อนไม่ได้นะ ธีริญเข้าใจผิดไปเอง ต่อให้ความแตกภิฌานก็ไม่สามารถกล่าวหาหล่อนได้เต็มปาก เพราะ...เมียเขานั่นแหละที่โง่เอง! ธีริญมองเช็คในมือพลางถอนลมหายใจหน่วงๆ ทั้งที่เป็นเพียงแค่กระดาษที่ถูกลมพัดก็ปลิวหาย แต่กลับหนักอึ้งคล้ายเธอกำลังแบกโลกไว้ทั้งใบ ทำให้มือเธอทั้งสั่นและชา ลุกลามขึ้นไปตามแขนแทรกซึมเข้าสู่หัวใจราวกับมีหินก้อนใหญ่กดทับจนหายใจไม่ออก เธอทำถูกแล้วใช่ไหม? เป็นคำถามที่ไม่มีคำตอบ เพราะใจคนแสนสับสนหม่นเศร้า ยิ้มไม่ออกดีใจไม่ได้เพราะความละอายพุ่งเข้าโจมตีอย่างจัง ถึงจะบอกว่าไม่แคร์ แต่เธอไม่ได้อยากทำแบบนี้ ไม่ได้ต้องการแลกความรักกับเงิน ทว่ามันไม่มีหนทางอื่นให้เลือกแล้วจริงๆ ธีริญหลับตาสลัดความว้าวุ่นออกไปให้หมด ในเมื่อเลือกแล้วก็ควรมุ่งตรงมองไปข้างหน้าอย่างเดียว ลืมตาอีกทีผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเธอก็มีสีหน้าแววตาที่เด็ดเดี่ยวอย่างน่าพอใจ เธอสำรวจความมั่นใจของตัวเองอีกนิดจึงเดินออกจากห้องน้ำ ทันทีที่เปิดประตูเธอก็ต้องประจันหน้ากับเจ้าของร่างสูงที่ยืนเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงขวางทางเธออยู่ สีหน้าคมเข้มเรียบตึง คิ้วขมวด ดวงตาจ้องเธอเขม็งจนแทบหายใจไม่ทั่วท้อง ธีริญเม้มริมฝีปากกลั้นใจเดินผ่านเขาไปอย่างไม่รู้สึกรู้สา เรียวแขนที่เฉียดเขาถูกกระชากลากเดินตรงไปทางบันไดหนีไฟ แล้วดันร่างบางประชิดติดกำแพงอย่างไม่เบามือนัก ธีริญหันหลับมาจ้องตาภิฌานเขม็ง ความเจ็บปวดที่กดดันมาหลายวันระเบิดโพล่งเป็นลาวาอารมณ์ “คุณทำบ้าอะไร!?” “ผมต่างหากที่ต้องถามคุณว่าเป็นบ้าอะไร เก็บข้าวของออกจากบ้านทำไม แล้วนี่...” เขาหยิบโน้ตชูหราให้เธอเห็นเต็มๆ ตา เค้นเสียงถามว่า “มันหมายความว่ายังไง” “ไม่เข้าใจภาษาไทยเหรอ” เธอเชิดหน้าจงใจรวนเขา สีหน้าภิฌานมืดคล้ำยิ่งกว่าเดิม ขบกรามแน่น ก้าวพรวดถึงตัวธีริญแล้วท้าวแขนคร่อมทับกักขังคุกคามเธอให้อยู่ใต้อาณัติของเขา “ยังไม่ครบกำหนดสี่ปี คุณมีสิทธ์อะไรมาหย่ากับผม”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม