นี่ถ้าเขาไม่บังเอิญมาถึงพอดีและเจอเธอเข้า จึงเดินตามมา ก็คงไม่รู้ว่าเธอคิดจะขายเขาให้ผู้หญิงคนอื่น เธอทำแบบนี้ได้อย่างไร บ้าไปแล้ว! เขายังเป็นสามีของเธออยู่นะ
ธีริญแค่นยิ้มขื่น
“คุณจะสนสัญญางี่เง่าพรรค์นั้นทำไม ยังไงพวกเราก็ต้องหย่ากันอยู่ดี ฉันเหนื่อยแล้ว ฉันไม่อยากอยู่กับคุณ หย่ากันเถอะ”
“ธีริญ...คุณ!” ภิฌานหงุดหงิดจนเผลอบีบข้อมือเธอแน่น แต่พอเห็นสายตาเธอสั่นระริกทั้งที่เชิดหน้าสู้เขา เขาก็รู้สึกแย่ที่ทำให้เธอเจ็บ ชายหนุ่มเพียรข่มใจระงับโทสะเอ่ยถามภรรยาสาวอย่างใจเย็นว่า
“เพราะเรื่องพ่อคุณใช่มั้ย”
ที่ผ่านมาถึงจะดูเหมือนเฉยๆ แต่เขาไม่ได้ปล่อยผ่าน ตอนเกิดเรื่องขึ้นกับพ่อตา ตัวเขาทำงานอยู่ต่างประเทศ ไม่ทันเข้าร่วมงานศพของท่าน แต่เขาได้ส่งทีมทนายเข้าช่วยเหลือว่าความให้ฝ่ายธีริญอย่างเงียบๆ แม้จะช่วยให้พ่อเธอพ้นผิดไม่ได้ แต่โทษหนักก็กลายเป็นเบา และยังช่วยเยียวยาญาติของเหยื่ออย่างจริงใจใกล้ชิด จนสลายความโกรธแค้นลงไปมาก นอกเหนือจากเงินที่เธอหามาชดใช้เองโดยไม่ขอความช่วยเหลือจากเขา เหลือเพียงการชดใช้หนี้สินอีกสามล้าน เขาเตรียมเงินก้อนนั้นไว้เรียบร้อยแล้ว รอเพียงแค่ธีริญเอ่ยปาก
“ไม่ใช่! มันไม่เกี่ยวกับคุณ เรื่องของฉัน ฉันจัดการเองได้”
“ถ้าไม่ใช่ แล้วคุณรับเงินจากคนอื่นทำไม” เขาถามพร้อมคว้ามือที่ถือเช็คของเธอขึ้นมา
ธีริญมองหน้าเขานิ่ง เอ่ยอย่างไม่สะทกสะท้าน
“ว่าที่ภรรยาคนใหม่ของคุณเสนอค่าหย่าให้ฉันตั้งห้าล้าน ทำไมฉันจะไม่เอาล่ะ หย่ากันทั้งที ฉันก็น่าจะได้อะไรติดไม้ติดมือกลับมาบ้างสิ”
ภิฌานเปล่งเสียงหัวเราะคำรามลึกในลำคอ ขณะที่ดวงตาวาวโรจน์จับจ้องเธออย่างเอาเรื่อง เขาดึงเช็คในมือเธอมาฉีกออกเป็นชิ้นๆ ก่อนจะคว้าท้ายทอยดึงเธอเข้ามากระแทกจูบอย่างดุเดือด บดขยี้ริมฝีปากจนบี้แบน ขบกัดงับดึงจนผิวอ่อนบอบบางชอกช้ำ ธีริญพยายามเบี่ยงหน้าหนี แค่ยิ่งดิ้นเขายิ่งกัดปากเธอแรงขึ้น แถมยังตะโบมจูบเธอเหมือนจะให้ขาดอากาศตายในอ้อมอกเขา
หญิงสาวยกมือทุบอกเขาระรัวหวังให้หยุดความป่าเถื่อน แต่กายแกร่งไม่สะดุ้งสะเทือน กลับยิ่งจูบเธอดูดดื่มร้อนแรง เขากดจูบบังคับให้เธอเงยหน้ารับการรุกล้ำลึกซึ้ง สอดลิ้นพุ่งฉกลิ้นเธอพัลวัน เกี่ยวรัดดุนดันจนธีริญซ่านสยิวไปทั้งตัว ขาแข้งไร้เรี่ยวแรง ร่างกายอ่อนระทวยแนบซบกับอกหนั่นแน่นที่บดเบียดทรวงอกนุ่มหยุ่นจนแทบจะกลายเป็นเนื้อเดียว
ธีริญร้อนวูบวาบเหมือนคนจับไข้ ความหวามไหวเล่นงานจนหัวสมองขาวโพลน ท่อนแขนกำยำตวัดรัดเอวคอด กกกอดแนบแน่นเหมือนอยากจะกลืนกินเธอเข้าไปไม่ให้เหลือ เป็นครั้งแรกที่ภิฌานจูบเธอนอกจากบนเตียง รสชาติมันช่างซาบซ่านเร่าร้อนและอ่อนหวานเร้าใจจนเธอหวั่นไหว มือที่ระดมประทุษร้ายเขาลู่ตกข้างลำตัว อยากขัดขืนก็ทำไม่ได้ ร่างกายไม่ยอมฟังคำสั่งของเธอเลย
ภิฌานยอมถอนริมฝีปากอย่างอ้อยอิ่งเมื่อธีริญละพยศ เขาจูบดูดดึงริมฝีปากเธอแผ่วเบาทิ้งท้าย แนบหน้าผากจดหน้าผากเธอ เคลื่อนมือกุมใบหน้าเกลี่ยปลายนิ้วไล้พวงแก้มเนียนอย่างนุ่มนวล เอ่ยกับเธอน้ำเสียงทอดอ่อนว่า
“ธีริญ...การแต่งงานไม่ใช่เรื่องเล่นๆ คุณอยากหย่าก็ควรจะถามความเห็นของผมด้วย”
“คุณเองก็ต้องการหย่าอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ แค่เซ็นชื่อ ทุกอย่างก็จะจบ”
“คุณพูดว่าจบ แล้วคิดว่ามันจะจบง่ายๆ รึไง คุณเห็นผมเป็นอะไร เป็นแค่ของใช้เก่าๆ ที่อยากจะโละก็ทิ้งกันหน้าตาเฉยยังงั้นเหรอ” เขาเอ็ดเสียงเข้ม
ธีริญขมวดคิ้ว ลืมตาผละตัวออกห่างมองเขาด้วยความขุ่นเคือง ริมฝีปากอวบอิ่มเหยียดยิ้มเสียดสี
“คุณพูดเหมือนฉันเป็นคนผิด แล้วตัวคุณเองล่ะเคยสนใจชีวิตคู่ของเราซะที่ไหน คุณไม่เต็มใจแต่งงาน ใช้สัญญามาบีบบังคับฉัน สร้างกำแพงขึ้นมากั้นระหว่างเราก็เพราะต้องการหย่า ตอนนี้ฉันก็สนองความต้องการของคุณแล้วไง คุณจะอะไรเอายังไงอีก”
“คุณควรให้เวลาผมคิดสักหน่อย” เขากุมมือเธอไม่ยอมปล่อย
ธีริญแค่นเยาะ เขาขอเวลาคิด ยังต้องคิดอะไร เขามีแต่ได้ไม่เสียอะไรสักอย่าง มีแค่เธอที่เสียกับเสีย เสียใจ เสียเวลา เสียความสุขตลอดสามปีของการแต่งงาน
“ที่คุณเอาแต่บ่ายเบี่ยงไม่ยอมหย่า เป็นเพราะอะไรกันแน่ คุณเกิดหลงรักฉันขึ้นมาแล้วรึไง”
“...”
“คุณเคยรักฉันบ้างมั้ย?” เธอถามย้ำ จ้องตาเขาไม่กะพริบราวกับกลัวจะพลาดการแสดงออกทางสีหน้าของเขา
อยากรู้ว่าภิฌานรู้สึกกับเธออย่างไรกันแน่?
ถ้าเขาตอบว่า ‘ใช่’
ถ้าแววตาที่เธอหลงรักคู่นี้เปิดเผยความในใจ ห่วงหากันสักนิด บอกว่ารักเธอสักคำ เธอพร้อมจะโยนทิฐิทิ้งทันทีอย่างไม่รีรอ เธอจะไม่หย่ากับเขา