บทที่ 4 เคยรักกันบ้างไหม 6

904 คำ
แต่น่าเสียดาย... ผู้ชายคนนี้ลุ่มลึกเกินไป ภิฌานดูนิ่งสงบ สีหน้าเรียบเฉยจนเธอมองไม่เห็นถึงก้นบึ้งหัวใจของเขา นอกจากความเฉยชาที่ทำให้คนปวดใจ เธอยิ้มขื่น ไม่จำเป็นต้องรอคำตอบก็เข้าใจทุกอย่างแล้ว ยังต้องรอให้เขาพูดตอกย้ำความเจ็บปวดของเธออีกทำไม หญิงสาวกล้ำกลืนความรวดร้าวเอาไว้ในอก แม้ดวงตาจะร้อนผ่าวขอบตาแดงก่ำไปหมด ค่อยๆ แกะมือหนาที่กุมมือเธออยู่ออก ก้าวถอยห่างจากเขาด้วยท่าทีสงบนิ่งเย็นชาไม่ต่างกัน ทำให้ภิฌานที่ไม่ชินกับเธอในโหมดนี้รีบเอื้อมมือไปคว้ามือเธออีกครั้ง แต่ธีริญเบี่ยงตัวหลบทันควัน ซ้ำยังถอยหลังออกมาอีกหลายก้าว “ธีริญอย่าทำแบบนี้ ผมรู้ว่าคุณอาจจะโกรธที่ผมละเลยคุณ แต่คุณก็น่าจะรู้ว่าช่วงนี้ผมยุ่งมาก เอาเป็นว่าผมจะหาเวลาชดเชยให้คุณ กลับบ้านเถอะ กลับมาอยู่ด้วยกัน เราไม่ต้องหย่ากันแล้วดีมั้ย” น้ำเสียงเขาทอดอ่อนนุ่มทุ้มเจือแววขอร้อง ที่ผ่านมาถึงหญิงสาวจะขี้หงุดหงิดไปบ้าง โวยวายหรือไม่พอใจเป็นบางครั้ง แต่ไม่เคยมีสักครั้งที่เธอจะมองเขาด้วยแววตาว่างเปล่าเช่นนี้ ที่ร้ายเธอยังพูดเรื่องหย่าซ้ำแล้วซ้ำเล่า มันทำให้เขาตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก ในใจอึดอัดเป็นกังวล ไม่อยากจะเชื่อว่าเธอต้องการจะหย่ากับเขาจริงๆ ธีริญปวดใจ... รู้ไหมเธอรอฟังคำนี้จากปากเขามานานแค่ไหน เมื่อก่อนทำไมภิฌานถึงไม่พูด มาพูดตอนที่เธอหมดใจยอมแพ้แล้วเพื่ออะไร ทุกอย่างกลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว โดยเฉพาะความรู้สึกที่สูญเสียไปของเธอ ต่อให้เธอรักเขาก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะขาดเขาไม่ได้ เธอตัดสินใจแล้วว่าจะหย่ากับเขา! หญิงสาวกลับเชิดหน้าตอบกลับอย่างเด็ดขาดว่า “คุณจะคิดว่าฉันงี่เง่าเอาแต่ใจ ทำตัวเป็นเด็กๆ ก็แล้วแต่คุณ แต่ฉันเป็นผู้หญิง ต้องการที่พึ่ง อยากมีลูกอยากมีครอบครัวที่อบอุ่นสมบูรณ์ แล้วสิ่งที่คุณให้ฉันคืออะไร ฉันเสียช่วงเวลาที่ดีที่สุดของวัยสาวไปกับคุณสามปี คุณยังอยากจะเห็นฉันทุกข์ทรมานไปจนแก่หรือจนไม่มีผู้ชายไหนเอาฉันอีกรึไง คุณเห็นแก่ตัวเกินไปรึเปล่า? ถ้าคุณยังพอจะเหลือศักดิ์ศรีหรือมีจิตสำนึกอยู่บ้าง ก็ปล่อยฉันไปเถอะ หรือไม่อย่างนั้นเราก็ไม่ต้องหย่า แต่คุณต้องมีลูกกับฉัน คุณทำได้รึเปล่าล่ะ” “...” สีหน้าของคนที่ถูกกล่าวหามืดหม่น แววตาคู่คมวูบไหว แต่พริบตาเดียวก็นิ่งสงบราวกับไร้คลื่นบนผิวน้ำ หัวคิ้วหนาเข้มขมวดแน่น แต่ไม่อาจรู้ชัดว่าภิฌานกำลังข่มโทสะที่อัดแน่นจวนระเบิด หรือเก็บซ่อนความรู้สึกบางอย่างเอาไว้... แต่ธีริญไม่สน เธอพูดตอกย้ำด้วยถ้อยคำเย็นชาบาดลึกไปถึงหัวใจคนฟังว่า “ฉันเหนื่อยแล้ว ฉันอยู่คุณไม่ไหวแล้ว เราหย่ากันเถอะ” สองคนสบตากันและกันอยู่หลายอึดใจ แม้เป็นเพียงแค่ชั่วเวลาไม่กี่นาที แต่สำหรับธีริญแล้วเหมือนนานเท่ากับลมหายใจทั้งหมดในชีวิตเธอ “ได้! ผมหย่า” พูดจบภิฌานก็เดินจากไปอย่างสงบ ไม่เหลียวหลังหันมามองเธออีกเลย ธีริญหลับตาลงด้วยความเจ็บปวด ไม่อาจทนมองเขาเดินจากไปได้ ทั้งที่ได้ยินคำตอบอย่างที่ต้องการแท้ๆ แต่หัวใจกลับเจ็บมากเหมือนถูกคมมีดกรีดแทงจนพรุนไปทั้งดวง ร่างกายปั่นป่วนรู้สึกราวมีใครมาบิดลำไล้ให้ดิ้นทุรนทุราย ความโศกเศร้ารุมเร้าปวดร้าวจนเธอนึกอยากจะควักหัวใจทิ้งไปเสีย จะได้ไม่ต้องเจ็บอย่างนี้ ร่างบางซวนเซจวนล้มจนต้องพยุงตัวพิงกำแพง ก่อนจะทรุดนั่งอย่างหมดแรง สายสัมพันธ์ที่เปราะบางสะบั้นลงแล้ว... เพราะเธอจงใจแตะ ‘เส้นตาย!’ ของเขา อยู่กับภิฌานมาสามปี ต่อให้ไม่รู้จักเขาลึกซึ้งถึงตัวตนทุกด้าน แต่ก็พอจะเข้าใจนิสัยใจคอเขาอยู่บ้าง รู้ไม่มากไม่น้อยว่าเขาคิดอะไร เป็นไปตามคาด... ‘ศักดิ์ศรี’ และ ‘ลูก’ เป็นสิ่งต้องห้ามที่ปริปากแม้ครึ่งคำก็ไม่ได้ เธอเลยจงใจพูดหยามเขาออกไปแบบนั้น และผู้ชายที่หยิ่งทะนงในเกียรติเช่นภิฌานจะไม่มีวันทน! เธอได้ผลลัพธ์ตามที่ตั้งใจ เขาถูกเธอยั่วยุจนโยนระเบิดความเย็นชาลูกใหญ่ใส่เธอจนหัวใจแหลกลาญ ส่วนเธอก็ได้หย่าขาดกับเขาสมใจ ดีแล้ว... เป็นแบบนี้แหละดีแล้ว ธีริญกอดเข่าตัวเองแน่น กลั้นเสียงสะอื้นสุดกำลัง พร่ำปลอบพร่ำกล่อมตัวเองให้ตายใจกับผู้ชายคนนี้เสียที เธอกับภิฌานต่างชั้นกันเกินไป ตอนนี้พวกเราเหมือนอยู่กันคนละภพ ไม่มีวันบรรจบมาพบกันได้ เรื่องที่เธอแต่งงานกับเขามาถึงสามปีเป็นความผิดพลาดอย่างร้ายแรง เป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดตั้งแต่แรก ปล่อยมือเขา... เป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุดแล้ว!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม