ภิฌานไม่รู้เลยว่าตัวเองกำลังเดินไปไหนหรือทำอะไรอยู่ รอบตัวเขาพลันว่างเปล่าเหมือนสมองตอนนี้ที่ขาวโพลนไปหมด กระทั่งเลขาสาวร้องเรียกเขย่าแขนเขาเบาๆ ด้วยสีหน้าร้อนรนระคนแปลกใจนั่นแหละ เขาจึงรู้สึกตัว
“พี่ฌาน...พี่ฌานคะ! เป็นอะไรรึเปล่าคะ”
ภิฌานมองพันธิตราที่มองเขาด้วยความร้อนใจแกมเป็นห่วงอย่างไม่แยแส สีหน้านิ่งขรึมเฉกเช่นแววตาที่เย็นชา
“มีอะไร”
พันธิตราชะงักกับท่าทีหมางเมิน แต่ก็ยังยิ้มรับเขา
“ห้องประชุมพร้อมแล้วค่ะ คุณเกษมกับทีมงานสกาย - ไฮกำลังรอพี่ฌานอยู่”
“ยกเลิก” เขาสั่งเสียงห้วน แล้วเดินผ่านหน้าหล่อนไปโดยไม่ชายตาแล
“เดี๋ยวค่ะ”
“มีอะไรอีก” ครานี้น้ำเสียงติดรำคาญอย่างชัดเจน ทำเอาพันธิตราหน้าเจื่อนที่เอ่ยปากรั้งเขาไว้ หล่อนไม่กล้าชักช้ากลัวภิฌานจะยิ่งไม่พอใจ รีบยื่นกล่องกำมะหยี่ให้เขาทันที
“ของที่พี่ฌานสั่งส่งมาถึงแล้วค่ะ”
ประธานหนุ่มมองกล่องแหวนที่เขาตั้งใจสั่งมาเป็นของขวัญให้คนที่กำลังจะกลายเป็นอดีตภรรยา ตอนไปทำงานที่จีนเขาบังเอิญเดินผ่านร้านเครื่องประดับ เห็นแหวนเพชรดีไซน์เก๋ทันสมัยเหมาะกับธีริญจึงหยุดเดินดู เพราะจำได้ว่าแหวนแต่งงานวงที่เธอใส่อยู่เป็นของที่เขาจิ้มนิ้วส่งๆ ไม่ได้ตั้งใจจะซื้อให้ บางทีอาจเป็นเพราะอยากชดเชยหรืออยากทำให้เธอดีใจ จึงเลือกซื้อเป็นแหวนคู่แต่งงาน เขาสวมวงของตัวเองก่อน ส่วนแหวนของเธอให้ทางร้านนำส่ง เพราะเขายังต้องเดินทางไปอีกหลายที่ จึงเกรงว่าจะทำหาย
ตั้งใจว่ากลับมาจะธีริญไปดินเนอร์มอบแหวนเซอร์ไพรส์เธอ ไม่คิดว่าจะถูกเธอเซอร์ไพรส์เขาชุดใหญ่กว่า ทั้งขนของออกจากบ้านและยังขอหย่า
ของขวัญที่เขาตั้งใจจะมอบให้เธอจึงกลายเป็นหมัน!
ภิฌานมองกล่องกำมะหยี่หรูหราก็ยิ่งโกรธ อยากจะสั่งให้พันธิตราเอาไปทิ้ง แต่คำพูดกลับติดอยู่ที่ริมฝีปาก เขาเอื้อมมือไปคว้ามันมาอย่างหงุดหงิด แล้วเดินตรงดิ่งขึ้นไปบนชั้นดาดฟ้าของสำนักงาน เวลานี้เขาอึดอัดจนหายใจแทบไม่ออก ต้องการอากาศบริสุทธิ์มาเติมเต็มหลุมลึกในหัวใจที่วูบโหวง
ดวงตาคมกล้ามองตรงไปข้างหน้าไกลสุดลูกหูลูกตาเหมือนทุกที ภิฌานชอบมองไปไกลๆ เพราะช่วยทำให้สมองเขาตื่นตัว ความคิดกว้างไกลมักจะผุดพรายขึ้นและวิ่งแล่นแพร่กระจายออกไปอย่างไร้ขีดจำกัด แต่พอเป็นเรื่องของธีริญ สมองเขากลับตื้อตันไปเสียเฉยๆ คล้ายมีหมอกควันปกคลุม ทำให้เขามองเห็นความรู้สึกที่มีต่อเธอไม่ชัดเจน
คงเพราะไม่ได้อยู่ด้วยกันฉันคนรักตั้งแต่ต้น ภิฌานจึงไม่เคยสำรวจใจตัวเอง คิดแค่ว่าอยู่ด้วยกันอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ก็ดีเหมือนกัน สำหรับเขามันไม่ได้แย่ แต่ถ้าสุดท้ายเราหย่ากัน ก็เป็นการจากด้วยดีทั้งสองฝ่าย เมื่อจู่ๆ ธีริญก็ถามเขาขึ้นมาว่ารักเธอไหม เขาจึงไม่มีคำตอบให้เธอ ความรู้สึกของเขาซับซ้อนจนแยกไม่ออก และเขาจะไม่พูดสิ่งใดที่ตัวเองก็ยังไม่กระจ่างใจ
เขาไม่อยากโกหกเธอมากพอๆ กับให้ความหวังเธอ...
ชายหนุ่มละสายตาจากท้องฟ้าเบื้องหน้า ก้มมองสมาร์ตโฟนที่สั่นอยู่ในกระเป๋ากางเกง เขามองรายชื่ออยู่อึดใจหนึ่งแล้วเลื่อนรับสาย
“ไอ้ฌาน...เรื่องที่มึงให้กูหาที่อยู่ของเมียมึง ได้เรื่องแล้วนะ” ปลายสายที่เป็นทั้งเพื่อนและญาติสนิททางฝ่ายบิดาเอ่ยบอก
ทยุตเป็นลูกชายของน้องสาวคนสุดท้องของพ่อเขา จึงมีศักดิ์เป็นญาติผู้น้องกับเขา แต่เพราะเกิดไล่เลี่ยในปีเดียวกัน จึงกลายเป็นเพื่อนรักกันมากกว่าจะเป็นญาติ เจ้าตัวใช้ชีวิตเพลย์บอยอิสระ ชอบความเสี่ยง มีคนรู้จักแทบทุกวงการเพราะธุรกิจสีขาวและสีเทาที่ทำอยู่ การตามหาใครสักคนสำหรับทยุตจึงไม่ใช่เรื่องยาก
“ไม่ต้องแล้ว”
“ทำไม?”
“กูกำลังจะหย่ากับเขา”
“เฮ้ย! จริงดิ”
“โทษทีที่ทำให้มึงเสียเวลา” ภิฌานเลี่ยงจะตอบประเด็นที่ทำให้ใจเขาอ่อนไหว แต่อีกฝ่ายไม่ยอมปล่อย เพราะความ ‘เสือก’ ล้วนๆ ที่ทำให้ทยุตกล้าสอดปากถามต่ออย่างไม่เกรงใจว่า
“ทำไมถึงจะหย่าวะ ก็เห็นดีๆ กันอยู่ไม่ใช่เหรอ”
“เขาบอกว่าเหนื่อย ไม่อยากทนอยู่กับกูแล้ว กูเลยตามใจ ถึงยังไงพวกเราต้องหย่ากันหลังจบสัญญาสี่ปีอยู่ดี”