Episode 02 เธอลืมของเอาไว้
มินวาพยายามลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนก่อนและกลับมาใช้ชีวิตของตัวเองตามปกติโดยวันนี้เป็นวันที่เธอตั้งใจออกจากบ้านเพื่อไปตัดแว่นอันใหม่ เพราะไม่ได้หวังจะได้คืนจากอาคินผู้ชายโรคจิตคนนั้นตั้งแต่แรก ให้เขาเอาแว่นมาคืนสู้เธอยอมเสียตังค์ไปตัดใหม่ยังดีเสียกว่า
ร่างบางในชุดเสื้อยืดสีขาวสะอาดตาสวมทับกับเสื้อแจ็กเกตกีฬาสีดำ ด้านล่างสวมใส่กางเกงวอร์มเข้าชุดง่ายๆ ทรงผมก็มัดขึ้นเป็นดังโงะเอาไว้ตามสไตล์คนขี้เกียจแต่งตัวอย่างมินวา บนตัวมีกระเป๋าสะพายข้างลูกฟูกสีขาวภายในมีหนังสือเล่มโปรดที่เธอยังอ่านไม่จบเอาติดกระเป๋าออกมาด้วย และก็มีกระเป๋าสตางค์ กับลิปบาล์มอีกหนึ่งแท่งเท่านั้น ในมือมีโทรศัพท์มือถือที่เสียบหูฟังแบบมีสายเอาไว้เปิดเพลงของศิลปินคนโปรดคลอระหว่างเดินไปขึ้นรถไฟฟ้าที่อยู่ข้างคอนโดมิเนียมที่ครอบครัวเช่าให้เธอมาพักอยู่ตอนเข้าเรียนมหาวิทยาลัย เพื่อให้เธอสะดวกต่อการเดินทางไปเรียน
เธอเดินขึ้นบันไดเลื่อนรถไฟฟ้าไปตามปกติโดยไม่ได้สนใจสิ่งรอบตัว หรือผู้คนที่เดินผ่านไปมาเท่าไหร่นัก เพราะชีวิตคนเมืองส่วนใหญ่ก็ต่างก้มหน้าก้มตาใช้ชีวิตของตัวเองกันทั้งนั้นไม่มีเวลาเงยหน้ามาสนใจเรื่องของคนอื่น โดยเฉพาะคนที่มีโลกส่วนตัวสูงอย่างเธอวันๆ นอกจากเพื่อนสนิทสองคนอย่างเฟรินกับเนยหอมแล้ว ก็แทบจะไม่พูดจากับใครเลยด้วยซ้ำ
และนั่นเป็นข้อเสียของเธอที่ทำให้เธอไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังมีใครบางคนคอยจับตาดูการใช้ชีวิตของเธออยู่เงียบๆ…
นั่งรถไฟฟ้าถัดมาประมาณสองสถานีก็ถึงห้างสรรพสินค้าที่เธอตั้งใจจะมาตัดแว่นใหม่ที่ร้านประจำที่เธอมาใช้บริการบ่อยๆ เสียงเพลงภายในหูฟังถูกขัดจังหวะจากเสียงเรียกเข้าเบอร์โทรที่ไม่รู้จักทำให้หัวคิ้วสวยขมวดเข้าหากันเล็กน้อยด้วยความสงสัย แต่ก็เดาเอาว่าคงจะเป็นเบอร์ขนส่งที่โทรเข้ามาเพื่อส่งของที่เธอสั่งเอาไว้จึงกดรับสายไป
(จำฉันได้ไหม?)
น้ำเสียงหลอนหูที่คุ้นเคย เนื่องจากเธอได้ฝังมันลงในส่วนลึกของความทรงจำที่เลวร้ายที่สุดทำให้เธอจำมันได้ทันทีที่ปลายสายกรอกเสียงเยือกเย็นทักทายมา
เธอมองหน้าจอโทรศัพท์ที่ขึ้นเบอร์โทรที่ไม่รู้จักด้วยมือที่สั่นเทาราวกับเสียงของเขาได้ดูดเอาพลังงานของเธอในวันนี้ไปจนหมดสิ้นแล้ว ร่างบางยืนตัวแข็งอยู่กลางทางเดินด้วยความตกใจ และตื่นตระหนก ก่อนจะตัดสินใจตัดสายทิ้งพยายามเดินหน้าต่อไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นพลางท่องในใจว่าแค่ปิดกั้นเบอร์เขาไปทุกอย่างก็จะจบแล้ว
“ไม่อยากคุยกับฉันขนาดนั้นเลยเหรอ?” เนื่องจากเพลงที่เธอเปิดคลอเอาไว้หยุดลงตอนที่มีสายเรียกเข้าทำให้แม้เธอจะใส่หูฟังเอาไว้ก็ได้ยินเสียงเรียกที่ดังขึ้นจากทางด้านหลังได้อย่างชัดเจน
“คะ…คุณ!” มินวาหันหลังไปมองตามเสียงเรียกจากทางด้านหลัง ภาพของบุคคลตรงหน้ายิ่งตอกย้ำว่านี่คือเรื่องจริงที่กำลังเกิดขึ้น
“เธอลืมของเอาไว้น่ะ?” อาคินบอกพร้อมกับชูแว่นตาของหญิงสาวขึ้นให้อีกฝ่ายดู
“ฉัน…ฉันไม่อยากได้แล้ว” เธอรีบตอบปฏิเสธกลับไป เตรียมเดินหนีจากเขาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ก้าวขาออกไปได้เพียงไม่กี่ก้าวก็ต้องหยุดชะงักลง
“แต่ฉันตั้งใจเอามาคืนเธอนะ…มินวา”
ฝีเท้าหยุดชะงักเมื่อเธอจำได้ว่าคืนก่อนเธอไม่ได้บอกชื่อจริงของตัวเองกับเขาไป แต่เมื่อกี้การที่เขาเรียกเธอด้วยชื่อจริงของเธอมันหมายความว่ายังไงกัน
“อ๋อ เธอบอกฉันว่าเธอชื่อเมย์สินะ งั้นฉันควรเรียกเธอว่าเมย์ใช่ไหม?” มาเฟียหนุ่มแสร้งเอ่ยถามยียวนประสาทอีกฝ่ายอย่างตั้งใจ คราวนี้มินวาแทบจะสติหลุดออกจากร่างไปแล้ว
“คุณรู้ชื่อฉันได้ยังไง”
“ก็เธอบอกฉันเมื่อวานไง?”
“ไม่ใช่สิ ฉันไม่ได้บอกคุณว่าฉันชื่อนี้สักหน่อย”
“งั้นกำลังจะบอกว่าเธอโกหกฉันอยู่อย่างนั้นเหรอ?” มาเฟียหนุ่มเหยียดยิ้มมุมปากกดเสียงต่ำเอ่ยถามอีกฝ่าย แผ่รังสีอำมหิตออกมาจนหญิงสาวประหม่าจนตัวสั่น
“ถ้าคุณทำอะไรฉัน ฉันจะตะโกนให้คนช่วยแน่ที่นี่ไม่ใช่สถานที่อโคจรที่จะไม่มีใครมาเห็นเรื่องเลวๆ ที่คุณทำหรอกนะ”
“เธอคิดว่าฉันจะทำอะไรเธอล่ะ ฉันแค่เอาของมาคืนเท่านั้นเอง” เขาแค่นหัวเราะออกมาสร้างภาพลักษณ์ให้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาคิดว่าเขาไม่ใช่คนอันตรายอะไร ทว่าในสายตาของมินวามันกลับไม่ใช่รอยยิ้ม และเสียงหัวเราะที่น่าชื่นชมเลยแม้แต่น้อย
เขายื่นแว่นตามาตรงหน้าเธอรอให้เธอมารับมันไปจากมือของเขา มินวาที่ตอนแรกตั้งใจจะไม่เอาคืนก็เปลี่ยนความคิดตัวเอง เพราะคิดว่าเขาคงไม่ยอมจบกับเธอหากเธอไม่รับแว่นตากลับคืนมา จังหวะที่เธอกำลังจะยื่นมือออกไปรับอย่างกล้าๆ กลัวๆ นั้น มือหนาก็คว้าข้อมือเธอเอาไว้จนเธอเซไปประชิดแผงอกกว้าง ก่อนที่ใบหน้าคมคายจะโน้มลงมากระซิบบางอย่างข้างๆ หูของเธอ
“คืนนั้นที่เธอบอกว่าไม่ได้ดื่มน่ะ ฉันชิมแล้วว่าเธอไม่ได้ดื่มจริงๆ”
“ไอ้โรคจิต” คนตัวเล็กสบถออกมาเสียงเบาราวกับคนละเมอ ตอนนี้หัวสมองของเธอขาวโพลนไปหมด ผู้ชายตรงหน้าอันตรายเกินกว่าที่จะเข้าใกล้ได้
“ไม่ว่าเธอจะจำภาพจำของฉันแบบไหนก็ตาม แต่ฉันดีใจนะที่เธอจำฉันได้”
“…”
“เอาไว้ฉันจะมาหาเธอใหม่นะ” ริมฝีปากหยักได้รูประบายยิ้มกว้างออกมาหน้าตาเฉย พร้อมกับเปิดกระเป๋าสะพายข้างของเธอนำแว่นตามาใส่เอาไว้ในนั้นก่อนเดินจากไป ปล่อยให้เธอยืนเหม่ออยู่เพียงลำพังกลางห้างสรรพสินค้าที่เต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่เดินผ่านไปมา
แต่เธอกลับรู้สึกเคว้งคว้างเหมือนยืนอยู่ตัวคนเดียว เพราะความหวาดกลัว