Episode 03 เพื่อนไอ้โรคจิต

1276 คำ
Episode 03 เพื่อนไอ้โรคจิต มินวารีบตรงกลับคอนโดตัวเองโดยไม่ลืมที่จะปิดกั้นเบอร์โทรของอาคินทันทีที่กลับมาถึง ระหว่างนั้นก็พยายามปลอบประโลมจิตใจตัวเองให้กลับมามีสติอีกครั้ง เธอนั่งครุ่นคิดอยู่นานพอสมควรว่าเธอควรจะนำเรื่องที่เกิดขึ้นไปแจ้งความดีหรือไม่ แต่หากคิดจะทำอย่างนั้นสิ่งแรกที่เธอต้องมีคือหลักฐาน ภาพจากกล้องวงจรปิดที่ผับที่เธอไปกับเพื่อนคืนนั้นอาจจะพอบันทึกเหตุการณ์น่ารังเกียจที่เกิดขึ้นกับเธอเอาไว้ได้บ้าง คิดได้ดังนั้นเธอก็รีบส่งข้อความไปบอกเพื่อนของเธอทันทีให้ไปจัดการธุระเอาภาพกล้องวงจรปิดเป็นเพื่อนกัน เพื่อความปลอดภัยเนื่องจากเธอคงไม่กล้ากลับไปเหยียบที่นั่นเพียงลำพัง เฟรินเป็นคนตอบตกลงไปเป็นเพื่อนมินวา ส่วนเนยหอมติดงานที่มหาวิทยาลัยจึงไปด้วยไม่ได้ งานนี้จึงมีเพียงเธอกับเฟรินเพื่อนสนิทอีกคนที่จะเดินทางไปยังผับเพื่อขอภาพกล้องวงจรปิดด้วยกัน “ฉันชักอยากเห็นหน้าไอ้ผู้ชายโรคจิตที่แกว่าแล้วสิ” เฟรินที่ได้ฟังเรื่องราวอย่างละเอียดระหว่างที่เดินทางไปยังผับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงใคร่รู้ “อย่าไปอยากรู้จักคนประเภทนั้นเลย ฉันเจอสองครั้งยังขยาดขนาดนี้ภาวนาให้ไม่มีครั้งที่สามอีกก็พอ” มินวาบอกด้วยน้ำเสียง และสีหน้าที่แสดงถึงอาการวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด “เอาน่า แจ้งความแล้วไม่น่ามีอะไร ช่วงนี้ก็อย่าไปที่ห้างนั้นอีก จะไปไหนก็บอกพวกฉันก่อนอย่าไปคนเดียว” “ฉันว่าฉันเป็นคนไม่ค่อยได้ออกไปไหนที่สุดแล้วนะ แต่ยังซวยไปเจอคนโรคจิตเข้าจนได้” มินวาตัดพ้อกับโชคชะตา เดิมทีสถานที่แบบนั้นก็ไม่ใช่สถานที่ที่คนอย่างเธอจะไปตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ “พูดแบบนี้ฉันรู้สึกผิดนะ ฉันเป็นคนบังคับแกไป” เฟรินหันมามองมินวาขณะขับรถหรูด้วยสายตาละห้อย “ฉันไม่ได้โทษแกสักหน่อย คงเป็นคราวซวยของฉันจริงๆ นั่นแหละ พวกแกไปเที่ยวที่แบบนั้นตั้งบ่อยยังไม่เคยเจอแบบนี้เลยใช่ไหมล่ะ” มินวาพยายามคิดในแง่ดีเอาไว้ และพยายามพูดปลอบโยนเฟรินไม่ให้รู้สึกผิด เธอรู้ว่าคงไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น เพื่อนๆ ของเธอก็แค่หวังดีกับเธออยากให้เธอออกไปเปิดหูเปิดตาบ้างก็เท่านั้น “ถ้าไอ้โรคจิตนั่นติดต่อมาอีกแกรีบบอกฉันนะ ฉันจะจัดการมันให้เองไอ้พวกโรคจิตวิตถารพวกนี้มันน่าจะมาเจอฉัน” “ทำเป็นพูดไป ฉันบอกแล้วไงคนพวกนี้ไม่เจอในชีวิตน่ะดีแล้ว” มินวาส่ายหน้าเบาๆ ให้กับความชอบเอาชนะของเฟริน ทั้งสองคนเดินทางมาถึงก่อนเวลาผับเปิดประมาณชั่วโมงกว่า เพราะต้องการมาติดต่อธุระจึงคิดว่ามาก่อนเวลาน่าจะดีที่สุด “ฉันมาติดต่อขอพบผู้จัดการร้านค่ะ” เฟรินเป็นตัวแทนพูดกับการ์ดหน้าผับ เนื่องจากเรื่องการสื่อสารในบรรดาเพื่อนสามคน เธอเป็นคนที่พูดจาฉะฉานมากที่สุด “มาติดต่อเรื่องอะไรครับ” “ฉันต้องการขอภาพกล้องวงจรปิดค่ะ” “สักครู่นะครับ” การ์ดคนหนึ่งหายเข้าไปในผับ ให้พวกเธอยืนรอด้านนอกพร้อมกับการ์ดอีกจำนวนสามคนเฝ้าหน้าทางเข้าเอาไว้ เนื่องจากยังไม่ถึงเวลาเปิดทำการทางผับมีกฎไม่อนุญาตให้คนนอกเข้าไปซึ่งพวกเธอก็เข้าใจได้ จึงยืนรอด้านนอกไม่มีปัญหาอะไร รอไม่นานการ์ดคนเดิมก็เดินกลับออกมาพร้อมกับชายหนุ่มหน้าตาคุ้นเคยทำเอาเฟรินขมวดหัวคิ้วสวยเข้าหากันด้วยความประหลาดใจ “คุณแดนนรก!?” “เทพครับ แดนเทพครับ ดูเหมือนชื่อผมจะจำยากเกินไปนะเรียกที่รักก็ได้นะครับผมไม่ถือ” แดนเทพแนะนำตัวเองอีกครั้งเมื่ออีกฝ่ายดูเหมือนจะจำชื่อของเขาไม่ได้เท่าไหร่ “ชื่อคุณไม่ได้เรียกยากหรอกค่ะ ฉันแค่ไม่ได้ใส่ใจจะจำตั้งแต่แรกขอโทษด้วยนะคะ” เฟรินบอกพร้อมกับฉีกยิ้มหวานราวกับน้ำตาลส่งไปให้อีกฝ่ายแทนคำขอโทษที่ไม่ได้ดูจริงใจเลยแม้แต่น้อย คำตอบของเฟรินนอกจากจะไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกไม่พอใจแล้ว เขายังแอบยกยิ้มมุมปากด้วยความชอบใจอีกต่างหาก ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ เป็นเชิงยอมรับความจริงไม่โต้เถียงอะไร “ผมมันคงไม่น่าจดจำสำหรับคุณจริงๆ มั้งครับ” “ขอโทษด้วยนะคะ ว่าแต่คุณเป็นผู้จัดการที่นี่เหรอ ทำไมถึงเป็นคุณที่ออกมา?” รอยยิ้มหวานที่เต็มไปด้วยพิษของเฟรินดูเหมือนจะดึงดูดให้แดนเทพอยากสร้างความประทับใจให้เธอจดจำเขาไม่รู้ลืมเข้าเสียแล้ว “เปล่าครับ” “งั้นคุณ…” “แต่ผมเป็นเพื่อนเจ้าของที่นี่น่ะครับ มันให้ผมมาดูว่าคุณกับเพื่อนต้องการภาพกล้องวงจรปิด มีปัญหาอะไรกันรึเปล่าครับ?” แดนเทพเอ่ยถามตามมารยาทเจ้าของสถานที่ที่ดี ส่วนมินวาก็ได้แต่ยืนฟังด้วยใบหน้าสงสัย เพราะถึงแม้คืนนั้นเธอจะเคยเจอแดนเทพพร้อมกับเพื่อนเขาอีกหนึ่งคนที่มานั่งร่วมโต๊ะด้วยกัน แต่เพราะตอนนั้นไม่ได้ใส่แว่นตาทำให้เธอไม่สามารถจดจำอะไรเกี่ยวกับใบหน้าของเขาได้เลย “ไม่ยักรู้ว่าคุณมีเพื่อนรวยขนาดนี้ งั้นฉันคงต้องมองคุณใหม่แล้วมั้งคะ แต่เข้าเรื่องดีกว่าเพื่อนฉันโดนโรคจิตคุกคามที่ผับของคุณ ทางเราต้องการภาพกล้องวงจรปิดเพื่อไปแจ้งความค่ะ” เฟรินยังคงเป็นตัวแทนเจรจากับอีกฝ่ายไม่ปล่อยให้เสียเรื่องสำคัญ “ทำไมวันนั้นไม่แจ้งการ์ดทางร้านล่ะครับ ผมเสียใจที่ได้ยินแบบนี้” แดนเทพแสร้งตีสีหน้าตกใจ ราวกับเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นทั้งที่คืนนั้นเป็นเขาเองที่สั่งให้คนไปกันคนไม่ให้เข้าไปรบกวนอาคินสนุกกับเหยื่อของตัวเอง “ฉันคิดว่าเรื่องมันจะจบแค่นั้นไม่ได้ติดใจอะไร แต่ผู้ชายคนนั้นดันเป็นสตอล์กเกอร์ตามติดชีวิตฉันด้วยน่ะสิคะ ตอนนี้ฉันเลยรู้สึกไม่ปลอดภัยมากๆ” คราวนี้เป็นมินวาที่อธิบายในมุมของเธอให้อีกฝ่ายเข้าใจ “งั้นลองเข้าไปดูข้างในกันก่อนดีกว่าครับ คุณมินวาพอจะจำเวลาคร่าวๆ ตอนเกิดเรื่องขึ้นได้ไหมครับ” “จำได้ค่ะ” แดนเทพผายมืออย่างสุภาพบุรุษให้ทั้งสองสาวเดินเข้าไปด้านในก่อน เขาพาเธอมาที่ห้องทำงานของตัวเองเพื่อเปิดดูภาพกล้องวงจรปิด แต่ภายในห้องกลับมีคนของเขานั่งรออยู่ด้านในอยู่ก่อนแล้วสองคน “นั่นเขมันต์เจ้าของตัวจริงของที่นี่ครับ ส่วนอีกคนอาคินเพื่อนผมทั้งนั้นไม่ต้องไปสนใจหรอกครับ” แดนเทพบอกปัดๆ ราวกับไม่ได้สนใจอะไรในขณะที่มินวายืนตัวแข็งเป็นหินไปแล้วทันทีที่ได้เห็นหน้าตาของเพื่อนแดนเทพทั้งสองคน เพราะหนึ่งในเพื่อนที่แดนเทพหมายถึงคือไอ้ผู้ชายโรคจิตที่เธอกำลังตามหา…
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม