“ก็จะไม่ให้ยอมได้ยังไงล่ะ คุณป้ากับหม่ามี้น่ะ ยกเหตุผลร้อยแปดมาอ้าง และคงหว่านล้อมให้พี่ยอมคิณแต่งงานกับฉัน เพื่อรักษาชื่อเสียงของฉัน พวกท่านพูดจนพี่คิณยินยอมตกลงทำตามที่พวกท่านต้องการ ก่อนที่ฉันจะเข้าไปในห้องนั้นเสียอีก ตอนที่ฉันเปิดประตูเข้าไปในห้อง ฉันยังไม่ทันได้พูดอะไรเลยด้วยซ้ำ พี่คิณก็บอกว่า จะรับผิดชอบเรื่องที่คุณนีราไปพูดให้ฉันเสียหาย ด้วยการแต่งงานกับฉัน”
“จริง ๆ แกจะปฏิเสธก็ได้นะเรนนี่” อลิสตั้งข้อสังเกต
เรนนี่ถอนหายใจ “ฉันบอกพี่คิณไปแล้วว่า ฉันโอเค ฉันไม่มีปัญหา พี่คิณไม่ต้องมารับผิดชอบเรื่องนี้ก็ได้ แต่พี่คิณกลับบอกฉันว่า เขารับปากว่า จะรับผิดชอบฉันด้วยการแต่งงานไปแล้ว ถ้าฉันปฏิเสธไม่ยอมแต่งงานกับเขา คนที่จะเสียชื่อเสียง ก็จะกลายเป็นเขา”
พราวฟ้าขมวดคิ้วมุ่น “อีหยังวะ พี่คิณจะเสียชื่อเสียงได้ยังไง เขาเป็นผู้ชายนะแก”
“เขาบอกว่า การที่คุณนีราไปพูดให้ฉันเสียหาย แล้วเขาไม่รับผิดชอบฉัน คนอื่นก็จะมองว่า เขาเป็นคนนิสัยไม่ดี ไร้ความรับผิดชอบ ทำให้ผู้หญิงเสียชื่อเสียงแล้วก็ลอยตัวไม่รับรู้อะไร”
เพื่อนทั้งสามคนพากันขมวดคิ้วมุ่น อ้าปากค้าง สามสาวพยายามคิดตามสิ่งที่เรนนี่พูด
ใบเตยงงที่สุด แต่ก็พยายามทำความเข้าใจ “หมายความว่า แกกับพี่คิณ ต้องรับผิดชอบชื่อเสียงของกันและกันใช่ไหม”
เรนนี่พยักหน้า “ใช่”
“แล้วแกโอเคไหมเรนนี่” อลิสถามด้วยความเป็นห่วง
เรนนี่เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบว่า “จริง ๆ แล้ว พี่คิณเขาก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร ฉันน่ะยังไงก็ได้ แล้วแต่พวกผู้ใหญ่จะจัดการก็แล้วกัน พวกแกไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอก พวกแกก็รู้ว่าฉันน่ะออกจะน่ารัก เข้ากับใครก็ได้ ไม่เคยมีปัญหา พวกแกต้องไปห่วงพี่คิณโน่น พอแต่งงานกันแล้ว เขาอาจจะหลงรักฉันหัวปักหัวปำก็ได้”
“จ้า…แม่คนน่ารัก” เพื่อนทั้งสามต่างพากันประสานเสียงขึ้นมาพร้อมกัน แล้วก็มองค้อนเรนนี่อย่างไม่ได้นัดหมาย
“ว่าแต่…” อลิสพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง แต่ทำตาล่อกแล่ก ราวกับว่ากลัวใครจะมาได้ยินคำถามที่เธอกำลังจะถาม ทั้ง ๆ ที่อลิสเองก็อยู่ในห้องนอนของตัวเอง
พราวฟ้าเห็นท่าทางของอลิสแล้วหมั่นไส้ จะถามก็ไม่ถาม ยึกยักอยู่นั่นแหละ “แกจะโอเวอร์แอกติงไปไหนยัยอลิส จะถามอะไรก็ถามออกมาสักทีสิ”
“ฉันจะถามว่าเรนนี่ว่า ไหน ๆ แกก็จะแต่งงานกับพี่คิณแล้ว แกรู้ไซซ์ของพี่คิณหรือยัง เรื่องนี้มันสำคัญมากเลยนะแก ถ้าแกรู้ไซซ์ของพี่คิณก่อน ในคืนเข้าหอ แกจะได้ไม่ตื่นตกใจตอนเห็นของจริง”
พออลิสถามมาแบบนั้น ภาพที่พี่คิณทำมือโอเคก็ผุดขึ้นมาในหัวทันที เรนนี่จึงนิ่งเงียบ และเหม่อไปครู่หนึ่ง
“เอ่อ…ยะ…ยังไม่รู้ ยังไม่เห็น ฉันง่วงแล้ว บ๊ายบายนะพวกแก ราตรีสวัสดิ์”
เรนนี่กดวางสายหนีคำถามเอาดื้อ ๆ
พอวางสายแล้ว เรนนี่ก็ยังคงนั่งอยู่ท่าเดิม หญิงสาวกำโทรศัพท์ไว้ในมือแน่น ภาพตอนที่พี่คิณทำท่าโอเคผุดขึ้นมาในหัวอีกแล้ว แต่คราวนี้ เรนนี่จินตนาการอย่างซุกซนว่า จะมีอะไรสอดเข้าไปในเส้นรอบวงนิ้วของพี่คิณได้บ้าง
มะเขือยาว
ขวดน้ำ
แขน
เรนนี่กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ เธอยกแขนขึ้นมาในระดับสายตา แล้วก็ต้องห่อปาก ตาโต ทำหน้าตาสยองขวัญ
เรนนี่ตาค้าง มองแขนตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะสะบัดหน้าแรง ๆ แล้วบอกกับตัวเองว่า
“บ้า ! เลิกคิดเดี๋ยวนี้นะ...ยัยเรนนี่”
ตอนที่ 6
เรื่องจริง ไม่ใช่ฝัน
แม้จะใช้เวลาเตรียมงานเพียงแค่เดือนเดียว ทว่างานสมรสระหว่างท่านรองประธานบริษัทใหญ่โต กับลูกสาวเจ้าของร้านทองหลายสาขา ก็งดงามและยิ่งใหญ่สมฐานะ
เรนนี่รู้สึกว่ามันเหมือนความฝัน ก็เดือนที่แล้วเธอเพิ่งไปสมัครงานบริษัทของพี่คิณ แต่ตอนนี้เธอกำลังจับมือเขาก้าวเข้าสู่ประตูวิวาห์
หลังจากเกิดเรื่องในวันนั้น แม่ของพี่คิณและหม่ามี้ของเธอ ก็พากันจัดแจงทุกอย่างอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าพวกท่านได้เตรียมเรื่องนี้ไว้แล้ว ทุกอย่างมันดูลงตัวไปหมด ไม่มีอะไรติดขัดเลยสักนิด
เรนนี่มีส่วนตัดสินใจในเรื่องของธีมงาน ซึ่งเธอก็ไม่ได้เรื่องมากอะไรอยู่แล้ว ส่วนพี่คิณนั้น เขาบอกว่า แล้วแต่เธอทุกอย่างเลย
ก่อนถึงวันงาน พี่คิณยังคงไปทำงานตามปกติ เธอไม่ได้รับอนุญาตให้ไปทำงานอีก หม่ามี้ส่งเธอเข้าคอร์สเจ้าสาว เธอต้องดูแลตัวเอง เพื่อเตรียมความพร้อมในการเป็นเจ้าสาว เธอกับพี่คิณแทบไม่ได้เจอหน้ากันเลย
เขาต้องเคลียร์งาน เธอต้องดูแลตัวเองให้สวยที่สุด
จะมีก็แต่วันที่เธอกับเขาไปแจกการ์ด เพื่อเรียนเชิญญาติผู้ใหญ่มาร่วมงาน นั่นแหละเธอถึงได้เจอหน้าเขา แต่ก็ไม่ค่อยได้พูดอะไรกัน
กระทั่งถึงวันนี้ ตั้งแต่พิธีเช้า จนมาถึงงานเลี้ยงฉลองสมรสตอนค่ำ เธอกับเขาพูดกันนับคำได้ ส่วนมากเขาจะพูดกับแขกมากกว่า ส่วนเธอก็พูดกับครอบครัว กับเพื่อน ๆ
งานพิธีช่วงเช้าและช่วงเย็นผ่านไปด้วยดี เธอกับพี่คิณได้รับคำอวยพรจากญาติผู้ใหญ่ เพื่อนฝูง และคนรู้จักมากมาย