“อย่างนั้นเหรอ”
เขาพยักหน้ารับรู้ วันนี้นอกจากคริมาที่โทรเข้ามาเกือบร้อยสายแล้ว ก็ยังมีศศิประภาโทรมาอีกห้าสาย รายหลังนี่ดีหน่อยพูดคุยรู้เรื่องเพราะเป็นลูกหลานผู้ดีเก่า ชลธรมองคนนั่งนิ่งเงียบด้วยปลายหางตา ก่อนจะเอ่ยถามเรื่องที่อยากรู้
“คุณอำนาจเล่าให้ฟังว่าเธอถูกไล่ออก... ใช่ไหม”
คนถูกถามพยักหน้า ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา ทำให้ชลธรที่มองอยู่ก่อนแล้วเห็นรอยช้ำที่ยังปรากฏบนใบหน้าและมุมปาก นี่กระมังผลพวงจากสงครามเมื่อเช้า
“เกิดอะไรขึ้น”
ปาลินเม้มริมฝีปากเข้าหากันจนขึ้นเป็นเส้นตรง เธอไม่รู้จะเริ่มเล่าจากตรงไหน และก็ไม่รู้ด้วยว่าเขาจะมีเวลาฟังเรื่องราวทั้งหมดหรือเปล่า
“ฉันถาม”
ชลธรเพิ่มระดับเสียง ยิ่งทำให้หญิงสาวประหม่า เธอประสานมือไปมาอยู่บนตัก อาการเหล่านั้นไม่อาจเล็ดลอดสายตาของเจ้านายหนุ่มไปได้
“ปาทะเลาะกับพนักงานของคุณสุค่ะ”
คุณสุ... จันทร์สุดา ผู้หญิงแก้ขัดของพ่อเขาเอง เขาไม่เคยให้ความเคารพนับถือผู้หญิงคนนี้มากกว่าไปพนักงานคนหนึ่ง แต่ดูเหมือนนางอยากจะประกาศตัวเองว่ามีความสำคัญเพียงใด ด้วยการอวดเบ่งอำนาจอันน้อยนิดที่มีกับพนักงานระดับล่างกว่า
“แล้วคุณรับเงินเดือนจากผมหรือจากเขา”
“จากคุณชลค่ะ”
“งั้นพรุ่งนี้คุณก็กลับไปทำงาน”
หัวใจดวงน้อยพองโตทันทีเมื่อได้ยินคำตอบเช่นนั้น แต่ก็หดหู่ลงอีกครั้งเมื่อนึกขึ้นได้ว่าพรุ่งนี้ชลธรก็ไม่ได้อยู่ที่บริษัท หากเธอโดน รปภ. จับโยนออกมาจะทำอย่างไร ใครก็รู้ว่าจันทร์สุดาทำตัวกร่างเพียงใด
ชลธรรู้เท่าทันความคิดของหญิงสาว เขาลูบปลายคางตัวเองระหว่างมองสำรวจร่างบางตรงหน้า ด้วยมีหลายอย่างที่อยากรู้เพิ่มเติม
“คุณทำงานกับผมนานแค่ไหนแล้ว”
“หนึ่งปีกับสองเดือนค่ะ”
ปาลินไม่ใช่ผู้หญิงสะสวยสะดุดตา เธอมีใบหน้าที่เรียบเฉยไม่บวกไม่ลบ นั่นเพราะหญิงสาวไม่ได้แต่งแต้มเครื่องสำอางเหมือนที่ผู้หญิงคนอื่นประโคมทำกัน แต่ก็ดี... เขาชอบใบหน้าสะอาดเกลี้ยงเกลามากกว่าผู้หญิงโบกแป้งหนา ๆ ที่จูบหอมกันทีแป้งฟุ้งเข้าจมูกจนแทบจะหายใจไม่ออก
บ้าไปแล้ว! นี่เขากำลังคิดอะไรอยู่
ผู้หญิงตรงหน้าไม่ใช่สเปกของเขาสักนิด
“คุณรู้ไหมว่าทำไมผมถึงได้รับคุณเข้าทำงาน ทั้งที่วันนั้นมีคนมาสัมภาษณ์งานจำนวนมาก ที่ทั้งสวยและเซ็กซี่กว่าคุณเป็นไหน ๆ”
ปาลินตัวแข็งทื่อเมื่อประสานสายตากับเขาโดยบังเอิญ ในดวงตากลมโตมีแววตัดพ้อแกมน้อยใจฉาบรื้นอยู่เสี้ยววินาที มันมันจคลายลงจนเป็นปกติ หญิงสาวกำมือแน่นก่อนจะส่ายหน้าช้า ๆ คิดว่าต้องมีอะไรสักอย่าง ไม่ใช่เพราะความสามารถของตัวเธอเองหรอก เพราะเธอแทบจะไม่มีเสียด้วยซ้ำ
“เพราะคุณเป็นแบบนี้ไง”
เขาเลี่ยงที่จะพูดความจริงที่ว่า คนของเขาแอบได้ยินมาว่าจันทร์สุดาจะยัดเด็กของตัวเองให้มาทำงานกับเขาเพื่อที่จะคอยสืบเรื่องราวชีวิตเขา ใบหน้าซีดขาวราวกับกระดาษ อีกทั้งแววตาใสซื่อคู่นั้นทำให้เขาตัดสินใจรับเธอ ทั้งที่ผลการเรียนของเธอไม่เข้าตาสักนิด
“ผมบอกสิ่งที่คุณอยากรู้ไปแล้ว ทีนี้คุณบอกสิ่งที่ผมอยากรู้ได้หรือยัง”
ชายหนุ่มเหลือบมองนาฬิกาบนผนัง มันเลยเวลาที่เขาควรจะได้พักผ่อนมาพอสมควร หากพนักงานของเขายังมัวอ้อยอิ่งอย่างนี้ มีหวังได้ถูกตะเพิดออกไปแน่
“คุณชลอยากรู้เรื่องอะไรคะ”
“ทำไมถึงไปมีเรื่องกับคนของเขา”
คำถามสะดุดใจคนฟังทำเอาถึงกับชะงักไป แม้เรื่องราวจะผ่านมานานเกือบเดือนแล้ว แต่ทุกครั้งที่นึกถึงมันก็เหมือนบาดแผลที่ยังคงใหม่สดอยู่เสมอ เธออยากจะลืมแต่มันไม่เคยลืมได้เลย ชลธรยังไม่ได้คำตอบ น้ำอุ่น ๆ ก็ไหลออกมาเปรอะเปื้อนข้างแก้มให้เขาได้เห็น ร่างหนาถอนหายใจ ยิ่งทำให้คนที่เจ็บปวดสะอึกสะอื้นอย่างกลั้นไม่อยู่
ชลธรลุกไปยังเคาน์เตอร์เครื่องดื่ม หยิบขวดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่คิดว่าฤทธิ์ของมันอ่อนที่สุด แล้วรินใส่แก้วคริสตัลทรงสวยมาสองใบ เขาวางมันไว้ตรงหน้าแล้วพยักเพยิดให้เธอดื่ม
“มันช่วยเธอได้”
แอลกอฮอล์ทำให้เลือดสูบฉีดและสบายตัวขึ้น เขาใช้มันเป็นประจำและก็ได้ผลดี ปาลินมองมันทั้งสายตาพร่ามัวด้วยธารน้ำตา เธอเอื้อมมืออันสั่นเทาออกไปหยิบมันมาแตะที่ริมฝีปาก ดวงตาคู่สวยหรี่ลงเล็กน้อยเมื่อปลายลิ้นสัมผัสรสชาติขมปร่า มันไม่เห็นจะอร่อยสักนิด แต่ถ้าหากมันจะช่วยได้จริง ๆ ก็น่าเสี่ยง หญิงสาวยกแก้วกระดกเข้าปากรวดเดียวหมด จนคนที่นั่งมองอยู่ห้ามไม่ทัน
“เหล้านะไม่ใช่น้ำเปล่า เดี๋ยวก็ตายกันพอดี”
เขาสบถอย่างหัวเสีย พลันยื่นมือไปหยิบแก้วของตัวเอง ก็ถูกมือบางตัดหน้าไปหยิบมากรอกลงปากจนหมดไปอีกแก้ว
“นี่เธอ!”
ปาลินวางแก้วในมือลงบนโต๊ะกระจก ก่อนจะยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาตัวเอง เธอนั่งเงียบงันอยู่อย่างนั้นหลายนาที ปล่อยให้น้ำตาไหลรินจนอีกคนนึกเป็นห่วง
“นี่เธอ... เป็นอะไรหรือเปล่า”
คนถูกถามส่ายหน้าช้า ๆ แล้วค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น ขนตางอนเป็นแพเปียกชุ่มไปด้วยหยาดน้ำตาจากความผิดหวังและเสียใจ