บทที่ 3
เป็นห่วง
เช้าอีกวัน
มายด์ในชุดนักเรียนนานาชาติเสื้อสีขาวแขนยาวกระโปรงสีแดงลายสก็อตสั้นเสมอเข่า ผมยาวสลวยถูกมัดรวบเป็นหางม้าผูกด้วยโบสีขาว นั่งจับมือกันแน่นอยู่บนโซฟาห้องรับแขก คอยชะเง้อมองบันไดตลอดเวลา จนร่างสูงในชุดนักเรียนชายแบบเดียวกันเดินลงมา ทำให้เด็กสาวยิ้มกว้างสดใส รีบลุกขึ้นเดินไปหาเขาในทันที
“พี่มาร์ชคะ”
เสียงเรียกมาพร้อมกับรอยยิ้มทำให้มาร์ชหันมอง ขมวดคิ้วสงสัยว่าทำไมน้องสาวร่วมโลกยังไม่ไปโรงเรียน ปกติมายด์จะออกไปแต่เช้าพร้อมกับพ่อของเขาที่ไปทำงานทุกวัน
“มีไร?” เสียงห้วนดังขึ้น
“วันนี้มายด์ต้องไปโรงเรียนพร้อมพี่มาร์ชคะ”
“ทำไมเธอไม่ไปพร้อมพ่อล่ะ”
“คุณพ่อกับคุณแม่ต้องไปดูงานที่หัวหินกะทันหันอาทิตย์นึงค่ะลุงเชียรก็ไปด้วย มายด์ไม่มีคนไปส่ง คุณพ่อเลยสั่งให้มายด์ไปโรงเรียนพร้อมพี่มาร์ชหนึ่งอาทิตย์”
“Shit !!”
มาร์ชมองเด็กสาวที่ยืนพูดเจื้อยแจ้วอย่างรำคาญ รู้สึกถึงความเริงร่าของคนตรงหน้า คงเพราะจูบเมื่อคืนที่ทำให้เธอใจกล้าเข้าหาเขามากขึ้นกว่าแต่ก่อน
..น่ารำคาญชะมัด คงเกาะติดเขาเป็นปลิงเลยแหละคราวนี้..
มายด์ไม่ได้ใส่ใจอาการของเขา เธอยกนาฬิกาข้อมือสีชมพูขึ้นดูก่อนเดินเข้ามาใกล้ ยิ้มหน้าแป้นให้เขา
“พี่มาร์ชคะ เราไปกันเลยมั้ย มายด์กลัวสายค่ะ ตอนนี้ก็เจ็ดโมงแล้ว”
“อืม..”
เพราะไม่สามารถเลี่ยงได้มาร์ชเลยจำใจตอบรับ เขาเดินตรงไปยังรถที่จอดรออยู่ ดนัยพี่เลี้ยงคนสนิทก้มหัวให้ผู้เป็นเจ้านายก่อนเปิดประตูให้เขาเข้าไปในรถ ตามด้วยร่างเล็กน่ารักที่เดินยิ้มแฉ่งอย่างน่ารัก ทำให้ดนัยต้องยิ้มตามไปด้วย
“ขอบคุณค่ะน้านัย”
มายด์ยกมือไหว้อย่างนอบน้อม ดนัยทำเพียงยิ้ม ปิดประตูรถก่อนขึ้นประจำที่คนขับ เคลื่อนรถออกไปด้วยความเร็วสม่ำเสมอ
ส่วนใหญ่หน้าที่ของดนัยก็คือขับรถรับส่งมาร์ชไปโรงเรียน วันไหนชายหนุ่มไปสังสรรค์กับเพื่อนจนดึก มาร์ชมักให้เขาไปด้วย ชายหนุ่มจะไม่ขับรถไปเอง ดนัยเป็นพี่เลี้ยงมาร์ชมาเกือบห้าปี ฉะนั้นจึงพูดได้ว่าเขาคือคนสนิทที่สามารถคุยกับมาร์ชได้ทุกเรื่องก็ว่าได้
“ตอนกลับพี่มาร์ชรอมายด์ด้วยนะคะ เราน่าจะเลิกเรียนพร้อมกัน” เสียงใสพูดพร้อมเอียงคอมองคนพี่ที่นั่งนิ่งหน้าบึ้งตึงอยู่ข้างๆ ภายในรถ
“วันนี้ฉันมีนัดทำรายงานกับเพื่อนต้องให้นัยไปส่งอาจกลับดึก เธอต้องกลับบ้านเอง”
“แต่มายด์กลับไม่ถูก พี่มาร์ชไปเจอเพื่อนกี่โมง มายด์ไปรอได้ค่ะ ” เด็กสาวหน้าสลดพูดเสียงอ่อย
“โตเป็นควายแล้วยังกลับบ้านเองไม่เป็นอีกเหรอ? น่าเบื่อชิบหาย”
เสียงห้วนๆ อย่างฉุนเฉียวดังขึ้น ทำให้มายด์หน้าเสียขอบตาร้อนผ่าวทำท่าจะร้องไห้ เธอไม่คิดว่ามาร์ชจะพูดแรงขนาดนี้ ทั้งที่คิดว่าหลังจากจูบกันทุกอย่างจะดีขึ้น แต่คงคิดผิดเพราะอีกคนยังเย็นชาเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน
“ให้มายด์กลับด้วยได้มั้ยคะ มายด์สัญญาว่าจะรอพี่มาร์ชในรถไม่ไปวุ่นวาย” เด็กสาวยังคงพยายามวอนขอ
“ไม่!!”
“ให้มายด์กลับด้วยนะคะพี่มาร์ช น๊านะ..” แม้กลัวแต่คนน้องก็ออดอ้อนเต็มที่ แต่คนพี่กลับตวัดสายตาดุดันมองมาจนใบหน้าจิ้มลิ้มซีดเผือด
“........”
“งั้นไม่เป็นไรค่ะมายด์จะลองกลับเองก็ได้” เด็กสาวไม่เซ้าซี้อีก แม้หวั่นใจอยู่ไม่น้อยหากต้องกลับบ้านเองตามลำพัง เพราะตั้งแต่ย้ายเข้ามาอยู่บ้านวรโชติ เธอก็ไม่เคยไปไหนคนเดียว
“อืม..” มาร์ชตอบรับและไม่ได้สนใจมายด์ว่ามีสีหน้ากังวลแค่ไหน จนรถแล่นมาถึงหน้าโรงเรียนร่างสูงก็ลงจากรถทันที ปล่อยให้มายด์นั่งหน้าเศร้ามองตามตาละห้อย
“คุณมายด์ ไม่ลงเหรอครับ” ดนัยเอ่ยถามเพราะเด็กสาวยังนั่งอยู่ในรถและคอยมองมาร์ชไปจนลับตา
“น้านัยช่วยขับไปส่งมายด์ตรงโน้นได้มั้ยคะ”
เด็กสาวชี้ไปข้างหน้าซึ่งอยู่ห่างจากประตูทางเข้าโรงเรียนพอสมควร ไม่อยากให้ใครเห็นว่าเธอมาเรียนพร้อมมาร์ช ตามที่ได้ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้
“ได้ครับ ว่าแต่คุณมายด์กลับเองได้แน่หรือครับ เอางี้ไหมเดี๋ยวผมคุยกับคุณมาร์ชให้ว่าไปส่งคุณมายด์ที่บ้านก่อนแล้วค่อยไปหาเพื่อน”
ดนัยเสนอเพราะรู้ว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมา เด็กสาวไม่เคยไปไหนโดยไม่มีคนขับรถ ทุกครั้งจะเป็นลุงเชียรพาไป หรือไม่ก็เป็นคุณธวัชกับคุณพิมพ์พรรณที่ไปด้วย
“ไม่เป็นไรค่ะ มายด์อยากลองกลับเองดูบ้าง น้านัยไปกับพี่มาร์ชเถอะ”
เมื่ออีกฝ่ายยืนยันดนัยก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก เขาขับรถไปจอดตรงที่เด็กสาวบอก และอยู่รอดูจนร่างบางเดินเข้าไปในโรงเรียนไปจึงได้ออกรถ
เลิกเรียน
“มายด์แน่ใจนะว่าจะไม่ให้พวกเราไปส่ง” เหมยลี่เอ่ยถามเพื่อนสนิทเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง หลังจากที่มายด์บอกเธอกับใบหม่อนว่าวันนี้จะลองกลับบ้านเองดูสักครั้ง
“แน่ใจ ไม่ต้องห่วงเราหรอก..เหมยกับใบหม่อนกลับบ้านเถอะ” มายด์ตอบกลับเพื่อนด้วยรอยยิ้ม
“โอเค งั้นเราไปนะ เจอกันพรุ่งนี้” เหมยลี่โบกมือลา
“เรากลับก่อนนะ ไว้เจอกันนะ” ตามด้วยใบหม่อนที่กล่าวลาแล้วเดินไป
หลังจากเพื่อนสนิททั้งสองกลับ มายด์ก็เดินไปยังหน้าโรงเรียนเพื่อเรียกแท๊กซี่ เด็กสาวรอเกือบสี่สิบนาทีถึงมีแท๊กซี่ว่างวิ่งผ่าน เนื่องจากเวลาเลิกเรียนเป็นชั่วโมงเร่งด่วนการจราจรค่อนข้างติดขัด จึงทำให้รถแท๊กซี่ว่างมีจำนวนน้อย โบกรถได้เด็กสาวก็แจ้งจุดหมายปลายทางกับคนขับ จากนั้นก็แชทบอกคุณพิมพ์พรรณว่ากำลังกลับบ้าน แต่ไม่ได้บอกว่ากลับเอง
ดูเหมือนวันนี้รถจะติดหนักกว่าทุกวัน เพราะเกิดอุบัติเหตุทำให้การจราจรนิ่งสนิท จากที่ดูเวลาในgoogle map จะถึงบ้านภายในสามสิบนาที เปลี่ยนเป็นหนึ่งชั่วโมง เด็กสาวมองออกไปนอกหน้าต่างรถเห็นฝนกำลังตก ก็เริ่มกระวนกระวายใจเพราะฟ้ามืดเร็วกว่าปกติ
Rrrrr Rrrrr
สายเรียกเข้าดังขึ้น พอเห็นว่าเป็นคุณพิมพ์พรรณเธอก็ยิ้มและรีบกดรับแต่สายตัดไป
“อ้าว..แบตหมดซะงั้น ฝนก็ตกถึงบ้านช้าแน่ๆ เลย เฮ้อ”
มายด์นั่งตัวสั่นภาวนาให้ถึงบ้านเร็วๆ เพราะฝนตกหนักอย่างไม่ลืมหูลืมตา ฟ้าร้องฟ้าแลบน่ากลัวจนต้องหลับตายกมือปิดหู
มายด์กลัวเวลาฝนตกมากที่สุด และทุกครั้งหากฟ้าร้องคุณพิมพ์พรรณก็จะโอบกอดเพื่อปลอบให้เธอหายกลัว แต่วันนี้แม่ไม่อยู่คงต้องให้แม่บ้านมานอนเป็นเพื่อน
“วันนี้รถติดมากเลยหนู รถชนกันแถมฝนตกอีก คงถึงบ้านหนูช้า ไม่เป็นไรใช่มั้ย” ลุงขับแท๊กซี่แจ้งเด็กสาว
“ไม่เป็นไรค่ะคุณลุง เหตุสุดวิสัยหนูเข้าใจค่ะ ” มายด์ยิ้มเบาๆ จากนั้นก็มองไปนอกรถที่จอดนิ่งไม่ขยับด้วยใจที่เป็นกังวล
ร่างสูงเดินเข้ามาภายในบ้านวรโชติด้วยใบหน้าเหนื่อยล้าจากการตรากตรำทำผลงานชิ้นสุดท้ายก่อนจบการศึกษาชั้นมัธยมตอนปลาย ชายหนุ่มตั้งใจเข้าเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์ในระดับมหาวิทยาลัยจึงต้องทำผลงานให้ออกมาดีที่สุด ซึ่งตอนนี้งานทุกอย่างได้เสร็จสิ้น
“คุณมาร์ชคะ..แล้วคุณมายด์ไม่ได้กลับมาด้วยเหรอคะ”
สมจิตแม่บ้านถามชายหนุ่มพร้อมกับชะเง้อมองหาคุณหนูของบ้าน มาร์ชหยุดเดินแล้วนิ่งคิดชั่วครู่และเพิ่งนึกได้ว่าวันนี้มายด์ต้องกลับบ้านเอง
แม่งเอ๊ย!! ป่านนี้แล้วทำไมยังไม่ถึงบ้านอีกวะ ไม่รู้หลงไปไหนหรือเปล่า ยิ่งเอ๋อๆ ซื่อบื้ออยู่ด้วย
“เอ่อ..คุณมาช..คุณมายด์ล่ะคะ” สมจิตเรียกอีกครั้งอย่างร้อนใจเพราะไม่เห็นวี่แววว่ามายด์จะเดินเข้ามาในบ้าน
“วันนี้เขากลับบ้านเอง แล้วป้าจิตได้โทรหายังล่ะว่าถึงไหนแล้ว” ท่าทีเรียบเฉยแต่ในใจก็อดเป็นห่วงเด็กสาวไม่ได้ นี่ก็เกือบสามทุ่ม อีกทั้งฝนก็ตกไม่รู้ว่าไปติดฝนอยู่ที่ไหนหรือเปล่า
“โทรแล้วค่ะ แต่โทรไม่ติด ฝนตกฟ้าร้องแบบนี้ไม่รู้ว่าคุณมายด์เป็นไงบ้าง ยิ่งกลัวๆอยู่”
“Shit !!” มาร์ชสบถอย่างหงุดหงิดเมื่อฟังเรื่องที่สมจิตพูด จากที่คิดว่าจะรีบอาบน้ำนอนก็ต้องเปลี่ยนใจ
“คุณมาร์ชช่วยออกไปตามหาคุณมายด์ได้มั้ยคะ ถ้าคุณท่านรู้คงเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ”
“ครับ..ผมจะออกไปดูให้ ป้าจิตไปพักเถอะครับ”
“ป้าขออยู่รอนะคะ เป็นห่วงคุณมายด์ป่านนี้ไม่รู้ว่าได้กินอะไรแล้วหรือยัง”
มาร์ชขานรับในลำคอก่อนเดินไปหยิบกุญแจรถยนต์ของตัวเอง มุ่งตรงไปยังโรงจอดรถ สายฝนยังโปรยปรายลงมาไม่หยุด ขณะที่เขากำลังขับรถออกจากบ้าน ก็มีแท็กซี่เปิดไฟเลี้ยวขับเข้ามายังบริเวณด้านหน้า ทำให้ต้องชะลอรถและมองกระจกหลัง ภาพสาวน้อยในชุดนักเรียกวิ่งดุ๊กดิ๊กเอามือปิดหูเข้าบ้าน สร้างความโล่งใจให้เขาเป็นอย่างมาก
“ฟู่วว” มาร์ชเลี้ยวรถกลับเข้าไปจอดที่เดิม จากนั้นก็เดินเข้าบ้าน สมจิตพาร่างเล็กเดินเข้าไปยังห้องรับประทานอาหาร มาร์ชจึงเดินเลี่ยงไปอีกทางหวังขึ้นไปพักผ่อน แต่เสียงเรียกที่คอยสร้างความรำคาญใจก็ดังขึ้นเสียงก่อน
“พี่มาร์ชคะ”
มายด์เดินเข้ามาหาร่างสูงอย่างรวดเร็วพร้อมกับมองเขาด้วยสายตาเหมือนคนทำความผิด ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นสูงเป็นเชิงถาม
“มายด์ขอโทษนะคะที่ทำให้เป็นห่วง เห็นป้าจิตบอกว่าพี่มาร์ชกำลังจะออกไปตามหามายด์ วันนี้ฝนตกหนักระหว่างทางรถชนกันอีกทำให้รถติดมาก มายด์เลยกลับบ้านช้าค่ะ”
เด็กสาวบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมด สายตาก็จับจ้องไปยังใบหน้าเรียบเฉยของอีกคน ยิ่งเห็นผมดกดำของเขาเปียกฝนยิ่งทำให้เธอรู้สึกผิดที่ทำให้อีกฝ่ายต้องลำบากออกไปตาม
“ฉันไม่ได้เป็นห่วงเธออย่าเข้าใจผิด แค่ไม่อยากให้ป้าจิตเดือดร้อนหากพ่อรู้ก็แค่นั้น”
คำพูดที่แสนเย็นชาส่งผลให้มายด์ต้องเม้มปากหน้ามุ่ยน้อยใจ จากที่คิดว่าเขาเป็นห่วงและแอบดีใจตอนนี้กลับมาห่อเหี่ยวอีกครั้ง
“อ่อค่ะ..ขอโทษนะคะที่มายด์เข้าใจผิด”
“มีอะไรอีกมั้ยฉันจะได้ขึ้นไปพักซักที”
“มายด์ขอเบอร์ติดต่อพี่มาร์ชไว้ได้มั้ยคะ เผื่อมีอะไรฉุกเฉินระหว่างนี้มายด์จะได้บอกพี่มาร์ชได้เลย”
เด็กสาวทำใจกล้าทั้งที่ชายหนุ่มตีหน้ายักษ์ใส่ ถ้าเขากินหัวเธอได้คงกินไปแล้ว แต่การมีเบอร์มาร์ชไว้ก็สำคัญกว่าความกลัวเธอจึงพยายามทำหน้าให้เป็นปกติ แม้ว่าจะกลัวเขาแค่ไหนก็ตาม
“ไม่..” มาร์ชตอบกลับอย่างเย็นชาเช่นเคย จากนั้นก็เดินห่างออกไปหวังขึ้นห้องไปพักผ่อน แต่เด็กสาวกลับวิ่งมาดักหน้าเขาไว้ก่อนจะขยับปากสีชมพูพูดด้วยความรวดเร็ว
“มายด์ขอเถอะนะคะ อย่างน้อยๆ ก็ช่วงที่คุณพ่อกับคุณแม่ไม่อยู่ มายด์สัญญาว่าจะไม่โทรรบกวนพี่หากไม่ใช่เรื่องสำคัญ”
“อืม..ก็ได้”
มาร์ชจ้องไปยังหน้าอกอวบที่กระเพื่อมขึ้นลงตามแรงหายใจของอีกฝ่าย แล้วเกิดมีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมา กระตุกยิ้มน้อยๆ ก่อนใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มอย่างเจ้าเล่ห์ ในเมื่ออยากเข้าหาเขามากก็จะจัดให้ ทางสะดวกเพราะไม่มีใครอยู่บ้าน
ถ้าโดนอะไรไปอย่ามาโทษเขาทีหลังแล้วกัน อยากลองกินของต้องห้ามดูบ้างว่าจะตื่นเต้นแค่ไหน ยิ่งท่าทางไม่ประสา บวกกับทรวดทรงที่เพิ่งแตกสาวทำให้เลือดในกายวิ่งพล่านได้ไม่ยาก ระหว่างนั่งทำงานอยู่คอนโดลีโอเพื่อนสนิทเขาดื่มมาพอสมควร ซึ่งเป็นเรื่องปกติเพราะอายุสิบแปดกันแล้ว เรื่องผู้หญิงเรื่องสุราก็ไม่เคยขาด ยิ่งใกล้เข้าวัยมหาลัยความคึกคะนองก็มีเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว ตามธรรมชาติของวัยรุ่นในยุคปัจจุบัน
“แต่เธอต้องตามไป เอา !! ที่ห้องนอนฉันนะ”