“ขอบคุณมากนะคะ” เวทิการับโทรศัพท์มือถือมา แล้วภาวนาขอให้คุณหมอหนุ่มเดินเลี่ยงไปไวๆ เสียที ก่อนที่พวกนั้นจะมา
“ไม่คิดจะถามหน่อยเหรอว่าผมคุยอะไรกับแม่คุณบ้าง” พร้อมกับมองหน้าหญิงสาวอย่างจับพิรุธ ไม่รู้ทำไมเหมือนกันเขาถึงหวังอยากให้เธอเปลี่ยนใจ และไม่ยอมขายตัวตามที่ได้ยินมา
“คุยอะไรเหรอคะ” เธอเอ่ยถามด้วยความงุนงง
“ผมรู้หมดแล้วว่าวันนี้เรื่องทั้งหมดที่คุณพูดมาเป็นแค่เรื่องโกหก” อัคคีพูดด้วยน้ำเสียงนิ่ง พยายามบอกกับตัวเองให้ใจเย็นเช่นกัน หากคนตรงหน้าเลือกที่จะโกหกต่อไป เขาเองก็คงจะทำอะไรไม่ได้
“หมอพูดอะไรคะ ฉันจะไปโกหกหมอทำไม” หญิงสาวพยายามทำใจดีสู้เสือ เชื่อว่าแม่ของเธอคงหลุดปากพูดอะไรไปแน่ๆ แต่หากยอมรับออกมาก็คงไม่เป็นผลดีกับตัวเองเท่าไรนัก
“คุณจะยอมรับออกมาตรงๆ หรือจะให้ผมเอาผิดเรื่องที่คุณให้ประวัติปลอม มันเป็นความผิดทางการแพทย์นะครับ” อัคคีขู่ทันที ทั้งที่จริงๆ แล้วก็ไม่อยากเอาผิดอะไรหรอก แต่หากเธอมีเรื่องอะไรที่อยากให้ช่วย แล้วเขาช่วยได้ก็ยินดีทำให้
“เอ่อ ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ คือว่า…โอเคค่ะ ฉันไม่ได้จะแต่งงาน” เวทิกาถอนหายใจยาว ก่อนเอ่ยปากยอมรับความจริงแต่โดยดี เพราะไม่อยากให้เรื่องวุ่นวายไปมากกว่านี้
“แล้วคุณมาตรวจกับผมทำไม” คราวนี้เอ่ยถามอย่างคาดคั้น
“คือ…ฉันมีความจำเป็นต้องใช้ผลตรวจ แต่ขอเก็บไว้เป็นความลับได้ไหมคะ” เวทิกาพูดอย่างลำบากใจ แต่ถึงอย่างนั้นก็มั่นใจว่าหากเธอไม่มีความต้องการอยากให้ใครรู้เรื่องส่วนตัว ข้อนี้ก็เป็นสิทธิ์ที่จะไม่บอกเรื่องราวทั้งหมดกับหมอเจ้าของไข้
“ความลับที่ว่า…คือเรื่องที่คุณกำลังจะขายตัวใช่ไหม” ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น และแม้อีกฝ่ายไม่ตอบแต่ปฏิกิริยาก็ชัดเจนว่าเธอตกใจและอึ้งในสิ่งที่เขาพูดออกมา
“นี่หมอเอาอะไรมาพูด ฉันไม่ได้…”
“แม่ของคุณพูดมันออกมาหมดแล้ว แต่สิ่งที่ผมอยากรู้คือ...คุณกำลังถูกบังคับหรือว่าคุณเต็มใจที่จะทำมันกันแน่” เอ่ยถามอย่างต้องการคำตอบ และหวังใจลึกๆ ว่าเธอจะไม่ได้เต็มใจ
“เรื่องแบบนี้ มันเกี่ยวกับหน้าที่การรักษาของหมอตรงไหนเหรอคะ ฉันซาบซึ้งแล้วก็ขอบคุณมากนะคะที่หมอช่วยตรวจให้ แต่ฉันคิดว่าเรื่องที่หมอกำลังมาคาดคั้นอยู่นี้ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องตอบ เพราะถ้าให้พูดกันตามตรง ฉันเองก็จ่ายค่าตรวจไปเรียบร้อยหมดแล้ว ยังไงก็ต้องขอบคุณหมออีกครั้ง แล้วก็ขอตัวก่อนนะคะ” อดโกรธไม่ได้ที่อัคคีมาเอ่ยถามเรื่องนี้ มันเหมือนเป็นการตอกย้ำในเรื่องที่เธอไม่มีสิทธิ์เลือก จะบอกว่าไม่เต็มใจ มันก็คงไม่ใช่ เพราะเธอแทบไม่มีสิทธิ์ตัดสินอะไรด้วยซ้ำ ด้วยคำว่าต้องทดแทนบุญคุณ
“เดี๋ยว!”
อัคคีจับมือคนอวดเก่งตรงหน้าเอาไว้ ก่อนที่เธอจะเดินจากไป ตั้งแต่เกิดมา เขาไม่เคยถูกผู้หญิงคนไหนเดินหนี และยิ่งกับผู้หญิงที่ไม่ได้มีดีอะไรเหมือนกับนางแบบสาวสวยที่เคยคั่วด้วย เธอยิ่งไม่มีสิทธิ์มาทำกับเขาแบบนี้!
“ปล่อยนะคะ!” เวทิการ้องออกมาด้วยความไม่พอใจ อยากจะหนีออกจากที่นี่ให้พ้นๆ ไม่รู้ว่าโชคชะตาจะกลั่นแกล้งเธอไปถึงไหน
“ผมยังพูดไม่จบ คุณไม่มีสิทธิ์เดินหนีแบบนี้” พูดแล้วดึงร่างบางเข้ามาอยู่ข้างกาย ยิ่งได้เห็นแววตาของสาวเจ้า เขายิ่งมั่นใจว่าเธอคนนี้มีเรื่องที่กำลังปกปิดและเศร้าใจอย่างแน่นอน
“แต่ฉันพูดจบแล้วค่ะ ระหว่างเราไม่มีอะไรต้องคุยกันอีกแล้ว”
เวทิกายืนยันเสียงหนักแน่น แค่ต้องยอมให้เสี่ยวาโยรังแกก็มากพอแล้ว นี่ต้องมาถูกหมออัคคีรังแกอีก แค่คิด เธอก็อยากจะร้องไห้ออกมาเสียให้ได้
“ผมไม่ได้จะทำอะไรคุณ ผมแค่อยากรู้ว่าคุณทำแบบนี้ทำไม”
ชายหนุ่มเอ่ยถามอย่างใจเย็น ยอมรับว่าในใจลึกๆ ห่วงหญิงสาวตรงหน้าอย่างบอกไม่ถูก ได้แต่คิดว่ามันคงเป็นเพราะว่ารูปร่างหน้าตาของเธอสวยถูกใจมากกว่าใคร และหากเจอกันเร็วกว่านี้ เขาอาจจะเป็นหนึ่งในคนที่อยากได้เธอจนตัวสั่นก็ได้!
“ใช่ค่ะ! ฉันขายตัว พอใจหมอหรือยัง” เวทิกาพูดออกมาด้วยความไม่พอใจ แม้ตอนนี้จะอยู่กลางล็อบบีของโรงแรม แต่หญิงสาวก็ไม่สนใจว่าใครจะได้ยินอีกแล้ว เพราะเธอไม่มีอะไรจะเสีย ใครอยากมองอย่างไรก็เชิญ
“เฮ้ย!”
เสียงของชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาห้ามศึกระหว่างอัคคีกับเวทิกา พวกมันเดินกันมาสามคนพร้อมกับมองไปที่ฝ่ายหญิงด้วยสายตาจ้องจับผิด
“พวกคุณเป็นใคร” อัคคีเอ่ยถามในขณะที่มือก็ยังคงไม่ปล่อยจากการเกาะกุมหญิงสาวเอาไว้ แค่มองก็มั่นใจว่าคนกลุ่มนี้ไม่ใช่ผู้หวังดีอย่างแน่นอน
“ไปเอาตัวผู้หญิงมา” หนึ่งในนั้นหันไปพูดกับลูกน้อง จากนั้น ชายสองคนก็เดินเข้ามา คงมีเป้าหมายเพื่อแยกตัวเวทิกากับอัคคี
“หยุดอยู่ตรงนั้น คงไม่ต้องบอกว่าโรงแรมที่นี่มีพนักงานรักษาความปลอดภัยมากแค่ไหน ถ้าไม่อยากมีปัญหา ผมว่าพวกคุณกลับไปดีกว่า”
เจ้าของร่างสูงพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น เขาไม่ได้เกรงกลัวชายฉกรรจ์ทั้งสามแต่อย่างใด แต่ที่ห่วงคือความปลอดภัยของผู้หญิงข้างกายมากกว่า แม้เธอจะทำเหมือนอยากขายตัวเต็มประดา แต่ท่าทีของเวทิกาตอนนี้ที่เอาแต่หลบหลังเขามันบอกให้เขามั่นใจแล้วว่าเธอไม่ได้เต็มใจที่จะขายตัวเลยสักนิด
“มึงเป็นใครวะ ถึงได้กล้าดีมายุ่งกับผู้หญิงของเสี่ยวาโย” หนึ่งในนั้นยังคงพูดออกมาด้วยความหัวเสีย เพราะหากพวกมันพาตัวผู้หญิงคนนี้กลับไปไม่ได้ เสี่ยก็คงเล่นงานพวกมันหนักพอควร
“ปล่อยเถอะค่ะหมอ ฉันต้องไป” เวทิกาเอ่ยขึ้นเบาๆ ด้วยไม่มีทางปฏิเสธอะไรทั้งสิ้น เพราะถึงอย่างไรการที่เธอมานั่งอยู่ที่โรงแรมนี้ก็คือการยอมรับสภาพเป็นผู้หญิงของเสี่ยวาโยไปแล้ว
“อยู่เฉยๆ” พลางหันไปส่งสายตาดุกับหญิงสาว เขาไม่มีทางปล่อยเธอไปอย่างแน่นอน และยิ่งรู้ว่าไม่ได้เต็มใจที่จะไปด้วยแบบนี้
“ไม่ได้ยินหรือไง หรือมึงอยากจะมีเรื่องกับเสี่ย”
หนึ่งในนั้นยังคงขู่ต่อไป และแน่นอนว่าอัคคีไม่ได้มีความเกรงกลัว ในเมื่อพวกมันกำลังยืนอยู่ในถิ่นของเขา อย่างไรคนได้เปรียบก็ต้องเป็นฝ่ายพวกมันอยู่วันยังค่ำ
“ผู้หญิงคนนี้เป็นเมียฉัน”