คนเดียวที่ยอม

1746 คำ
นิษฐาลูบไล้ศีรษะม้าเบามือ เธอยิ้มระรื่นเมื่อมีโอกาสได้เห็นม้างามนามว่าเจ้าทิวาอีกครั้ง โดยหารู้ไม่ว่าเจ้าของเขาหวงหนักหนา ส่วนรักษายังคงจ้องมองผู้หญิงที่กำลังพูดคุยกับม้าของตนอยู่ ใบหน้าคมคายไร้อารมณ์ขุ่นเคืองเช่นที่เคยเป็น ทั้งที่ก่อนหน้านี้ดูเหมือนจะโกรธ แต่ตอนนี้กลับเอาแต่เงียบเสียจนคุณรังสิมาและรักษ์ตะวันแปลกใจ "เห็นหรือเปล่าครับคุณแม่ รักษาก็ไม่ได้แย่ไปซะทั้งหมด ถ้าเขาเห็นอะไรที่ทำให้เขารู้สึกสบายตาสบายใจเขาก็ไม่โกรธ" รักษ์ตะวันรู้สึกโล่งใจ "นั่นน่ะสิ หนูผู้หญิงคนนี้เป็นคนแรกเลยนะที่รักษาไม่โกรธ แล้วก็ยังดูสงบมากด้วย" นางพูดขณะที่กำลังพยายามชะเง้อมองดูว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใครกันแน่ "แล้วเธอเป็นใครกันล่ะครับ เป็นคนงานในไร่ของเราหรือเปล่า?" "แม่ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เดี๋ยวถามวาคินก็รู้เองนั่นแหละ" "เห็นน้องเป็นแบบนี้ผมก็สบายใจแล้วครับ" "แม่เองก็พอจะมองเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ขึ้นมาบ้าง" "ครับ คุณแม่ครับ ถึงเวลาผมจะต้องไปสนามบินแล้ว เดี๋ยวจะตกเครื่องเอา" คุณรังสิมาหันมาหาบุตรชาย นางสวมกอดรักษ์ตะวันไว้ด้วยความรู้สึกใจหาย แม้บุตรชายจะจากบ้านเกิดไปเรียนอยู่เมืองนอกตั้งแต่เป็นวัยรุ่น จนตอนนี้เป็นเวลาสิบกว่าปีแล้วแต่ก็ยังไม่เคยชิน สำหรับคนเป็นแม่แล้วถึงอย่างไรก็ไม่อยากอยู่ห่างไกลลูกคนละซีกโลกเช่นนี้ "รักษาเนื้อรักษาตัวดีๆ สัญญากับแม่แล้วนะว่าจะกลับบ้านเราภายในไม่เกินห้าปีนี้" นางย้ำเตือนสัญญาอีกครั้ง "ครับคุณแม่ ผมสัญญาว่าผมจะกลับมาอยู่กับคุณแม่นะครับ" รักษ์ตะวันพูดเท่านั้นแล้วจึงก้มกราบลงแทบอกมารดา "เดินทางปลอดภัยนะลูก" "ขอบคุณครับ" จากนั้นรักษ์ตะวันจึงเดินไปหารักษา เขาตบหัวอะไรน้องชายเบามือ "พี่ต้องกลับไปทำงานต่อแล้ว ไว้จะโทรมาบ่อยๆ พี่เชื่อว่าแกจะกลับมาแข็งแรงเร็วๆ นี้" รักษาหันมาพยักหน้าให้พี่ชายด้วยสีหน้าราบเรียบ แล้วจึงหันกลับไปจ้องมองม้าของตนเองต่อ จากนั้นรักษ์ตะวันจึงเดินออกไปขึ้นรถที่รออยู่แล้ว ส่วนคุณรังสิมายังคงสังเกตเห็นว่ารักษาเอาแต่จ้องมองหญิงสาวคนนั้นไม่วางตา "หนูเป็นใครกันนะ" นางสงสัยจึงเดินไปจนถึงชานระเบียง เป็นจังหวะที่วาคินหันมาหาพอดิบพอดี "คิน มาหาฉันหน่อย หนูคนนั้นด้วย" นางบอก นิษฐาแปลกใจ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยอมเดินมาหาผู้ใหญ่ "แม่นายมีอะไรให้ผมทำหรือเปล่าครับ?" "ฉันว่าจะถามว่าแม่หนูคนนี้เป็นใครเหรอ?" นางมองไปยังนิษฐาด้วยรอยยิ้ม หญิงสาวแปลกใจ เธอคลี่ยิ้มน้อยๆ เมื่อถูกถามถึง "ผมต้องขอโทษแม่นายแล้วก็พ่อเลี้ยงจริงๆ นะครับ ผมไม่ได้ตั้งใจพาคุณเจียเอาหญ้ามาให้เจ้าทิวาที่นี่" วาคินเกรงว่าการที่พานิษฐามาที่นี่จะทำให้รักษาโกรธ จึงได้รีบขอโทษขอโพยผู้เป็นเจ้านาย "คิน ฉันพูดถึงเรื่องนั้นเมื่อไหร่ ฉันแค่ถามว่าแม่หนูคนนี้เป็นใคร?" นางเอ็ดเสียงดุ "เอ่อ คุณเจียครับ เธอเป็นลูกค้าของทางรีสอร์ตของเรา เธอชอบม้ามากก็เลยมาช่วยดูแลม้าครับ" "คุณพระ เป็นถึงลูกค้าของรีสอร์ต แต่อุตส่าห์มาช่วยให้อาหารม้า หนูช่างมีจิตใจประเสริฐมากเหลือเกินลูก" นางหันไปเอ่ยชื่นชมนิษฐา "คุณเจียครับ นี่แม่นายรังสิมา เป็นเจ้าของไร่ครับ" วาคินแนะนำให้รู้จัก "สวัสดีค่ะ คุณรังสิมา" เธอยกมือไหว้ผู้ใหญ่ด้วยท่าทางอ่อนน้อมถ่อมตน "ไม่น่าล่ะ รักษาถึงได้เอาแต่จ้องมองหนู เพราะหนูดูเป็นคนใจเย็น มองแล้วสบายหูสบายตาไปหมด ยิ่งมองใกล้ๆ ยิ่งสวยสง่า ดูอบอุ่นด้วย" นางอดไม่ได้ที่จะเอ่ยชื่นชม "ขอบคุณที่ชมหนูนะคะ ว่าแต่หนูไม่ได้ทำอะไรเสียหายให้ทางไร่ใช่ไหมคะ?" นิษฐาอดกังวลเรื่องนี้ไม่ได้ "ไม่ใช่แบบนั้นจ้ะ ฉันแค่ดีใจที่หนูมาช่วยดูแลเจ้าทิวา เพราะว่าปกติเจ้าของเขาหวงม้ามาก ไม่เคยให้ใครเข้าใกล้ม้าของเขาเลย ส่วนเจ้าทิวาก็ไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้ง่ายๆ นอกจากเจ้าของมันแล้วก็วาคิน แต่ตอนนี้มีหนูเพิ่มมาอีกคนที่เจ้าทิวามันยอมยังไม่เข้าใกล้" นางพูดและพเยิดหน้าไปยังบุตรชายที่ยังคงยืนจ้องมองเจ้าทิวาอยู่ และเป็นจังหวะที่รักษาชำเลืองมองมายังนิษฐาพอดี "เอ่อ...คงเป็นเพราะว่าหนูชอบม้ามากมั้งคะ เจ้าทิวาเขาเลยยอมให้หนูเข้าใกล้" "เอาอย่างนี้ หนูขึ้นมาบนเรือนก่อนสิจ้ะ ฉันมีอะไรจะคุยกับหนูหน่อย" นิษฐาหันมองไปยังวาคินราวกับกำลังขอคำปรึกษา ชายหนุ่มจึงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม นิษฐาจึงยอมเดินขึ้นเรือนไปกับคุณรังสิมา "คุณรังสิมามีอะไรจะคุยกับหนูคะ?" "เรียกฉันว่าแม่นายเถอะ" "ค่ะ แม่นาย" เธอพูดด้วยรอยยิ้มเมื่อเห็นว่าคุณรังสิมาเป็นคนใจดี "รักษา มานั่งตรงนี้สิลูก" นางหันไปเรียกบุตรชายให้เดินมานั่งที่โซฟาด้วยกัน จากนั้นชายหนุ่มจึงหมุนตัวหันกลับมาหามารดา และเดินตรงมานั่งลงบนโซฟาอย่างว่าง่าย เขานั่งถัดจากนิษฐา "นี่รักษา พ่อเลี้ยงรักษา เป็นเจ้าของไร่ตัวจริงที่คอยดูแลทุกอย่างในไร่ เป็นลูกชายของฉันเอง" นิษฐาหันไปมองรักษาด้วยความรู้สึกแปลกใจ เพราะชายหนุ่มเอาแต่นั่งเงียบขรึม ไม่พูดคุยแม้แต่กับมารดาของเขา และยังเมินเฉยไม่ทักทายตนอีกด้วย "สวัสดีค่ะพ่อเลี้ยงรักษา" เธอจึงยกมือไหว้พ่อเลี้ยงรักษาตามมารยาท เพราะดูจากใบหน้าของเขาอย่างไรก็น่าจะอายุมากกว่าตนหลายปี "หนูเจีย พี่เขาอาจจะไม่คุยกับหนู แต่ว่าไม่ต้องแปลกใจนะลูก เมื่อราวหนึ่งเดือนก่อนพี่เขาประสบอุบัติเหตุ กระทบกระเทือนไปถึงสมองด้วย ตอนนี้อยู่ในช่วงฟื้นฟูสภาพร่างกาย แต่ก็ดีขึ้นมากแล้ว" "เอ่อ...เจียเสียใจด้วยนะคะเรื่องอุบัติเหตุ เจียขอให้พ่อเลี้ยงรักษาหายเร็วๆ นะคะ" เธอพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล รักษาจึงหันมาจ้องมองใบหน้าสวยละมุนของนิษฐา เขาจ้องมองอยู่เช่นนั้นครู่ใหญ่ไม่วางตา ก่อนจะขยับริมฝีปากเล็กน้อย "ขอบคุณ..." พ่อเลี้ยงหนุ่มตอบรับ และนั่นทำให้คุณรังสิมาแปลกใจเป็นอย่างมาก นางดีใจมากจนน้ำตาคลอเบ้า เพราะมันเป็นสัญญาณที่ดี คุณรังสิมาดีใจมากเหลือเกินที่ในที่สุดบุตรชายก็ยอมพูดจาดีๆ เพราะปกติเขาจะยอมพูดเมื่อมีอารมณ์โกรธเท่านั้น "รักษาเขาต้องการคนดูแลเป็นพิเศษ ฉันพูดตรงๆ แบบไม่อ้อมค้อมเลยนะ ฉันอยากให้หนูเจียมาช่วยดูแลรักษาสักสองสามเดือนได้หรือเปล่า ฉันจะจ่ายค่าจ้างให้ตามที่หนูเรียกร้องได้เลย จ่ายได้มากขึ้นอีกถ้าหนูต้องลาออกจากงานประจำ" คุณรังสิมารีบพูดความต้องการของตนเองออกมาเพราะไม่อยากสูญเสียโอกาสนี้ไป ในฐานะคนเป็นแม่ยอมทำทุกอย่างเพื่อลูกได้เสมอ "คะ?" แต่นิษฐาขมวดคิ้วแปลกใจ ว่าเพราะเหตุใดนางถึงไม่จ้างพยาบาลพิเศษมาดูแลพ่อเลี้ยงรักษา "หนูสามารถระบุมาได้เลยว่าต้องการค่าจ้างเท่าไหร่ ฉันยอมจ่าย ขอแค่หนูมาช่วยดูแลพ่อเลี้ยงเขาจนหายดี" นางพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนเล็กน้อย "แต่หนูไม่เข้าใจค่ะ ว่าทำไมถึงต้องจ้างหนูมาดูแลพ่อเลี้ยงรักษาคะ หนูคิดว่าควรจ้างพยาบาลไม่ใช่เหรอคะ?" "ปกติแล้วรักษาไม่ยอมคุยกับใคร เขาจะพูดก็เมื่อเขามีอารมณ์โกรธเท่านั้น ฉันเคยจ้างพยาบาลมาดูแลแล้วสองคน แต่ก็โดนรักษาไล่ตะเพิดออกจากบ้าน" "เอ่อ... ถ้าเป็นเช่นนั้นหนูก็คงจะโดนแบบเดียวกันใช่ไหมคะ?" นิษฐามีสีหน้าหนักใจ "ไม่ใช่หรอกจ้ะ เพราะรักษาพูดคำว่าขอบคุณกับหนูไง เขาไม่เคยพูดจาดีๆ กับใครแม้แต่กับฉันที่เป็นแม่ ไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้ม้าของเขาแม้แต่วาคินที่เป็นคนดูแลม้าให้ก็โดนไล่ตะเพิด แต่รักษาเขายอมให้หนูเข้าใกล้ม้า เขายอมพูดกับหนู ฉันถึงได้ตัดสินใจขอให้หนูมาช่วยดูแลพ่อเลี้ยงเขา หนูคิดว่ายังไงลูก..." นิษฐาแปลกใจและกลุ้มใจในเวลาเดียวกัน เธอจ้องมองพ่อเลี้ยงรักษาที่ยังคงนั่งอยู่ไม่พูดไม่จา ใบหน้าหล่อคมคายไร้อารมณ์ แววตาแลดูว่างเปล่าราวกับคนไร้ความรู้สึก แต่เมื่อนึกถึงม้าก็อดที่จะพิจารณางานนี้ในใจไม่ได้ ปกตินิษฐาไม่ได้ทำงานประจำ นอกจากฝึกขี่ม้าและเดินสายแข่งม้า จึงมีเวลาว่างมากพอสมควร และหากตนรับงานนี้ ก็แปลว่ามีโอกาสที่จะได้ฝึกขี่ม้ามากขึ้น ไหนจะสนามม้าที่กว้างใหญ่ นิษฐาคลี่น้อยๆ ก่อนจะตัดสินใจ "ความจริงงานนี้น่าสนใจมากเลยนะคะ หนูชอบขี่ม้ามาก ถ้าสมมุติว่าหนูตกลงรับงานนี้จริงๆ หนูสามารถขี่ม้าทุกตัวที่อยู่ในฟาร์มได้ใช่ไหมคะ?" "ได้สิจ้ะ แต่ถ้าเป็นเจ้าทิวา หนูคงต้องขออนุญาตกับเจ้าของเขาเอาเอง แต่ฉันคิดว่าไม่มีปัญหาอะไรหรอก" คุณรังสิมาตอบด้วยรอยยิ้มดีใจ เพราะดูเหมือนว่านิษฐาจะยอมตกลงรับงานนี้แล้ว "ถ้างั้น...หนูขอเวลากลับไปเคลียร์งานที่กรุงเทพฯ สักหนึ่งอาทิตย์ก่อนนะคะ" เธอตอบตกลง แต่ถึงอย่างไรก็ต้องกลับไปแข่งม้าสนามนี้ให้จบเสียก่อน นิษฐาจ้องมองใบหน้าเรียบเฉยของรักษาอีกครั้ง...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม