“คุณรวย คุณมีการศึกษา สามารถหาผู้ชายดี ๆ อย่างพี่วีร์ได้อีกเยอะ... คืนเขาให้ฉันเถอะนะคะ"
น้ำเสียงปลายประโยคอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด นิชานาถถอนหายใจ เธอไม่ใช่คนดี แต่ก็ไม่ใช่คนเลว ทว่าเรื่องของหัวใจเธอไม่สามารถเลือกข้างเป็นคนดีได้เลย นรวีร์คือผู้ชายในฝัน และถ้าหากไม่ใช่เขา เธอคงไม่บินข้ามน้ำข้ามทะเลกลับมาทำงานโปรเจ็กต์นี้เป็นแน่
“คุณเป็นเมียน้อยฉัน ที่บ้านของคุณรู้ไหม" นิชานาถกำมือแน่น ฟังดูผิวเผินมันคือคำถามแสนธรรมดา แต่หญิงสาวรู้ว่านั่นคือการด่าไปถึงบุพการี
“แล้วที่คุณมาหาฉัน คุณวีร์รู้เรื่องนี้ไหม"
ไม่มีคำตอบจากคำถาม คนถามเดาได้ไม่ยากว่าชายหนุ่มคงไม่รู้ แต่คิดว่าตอนนี้เขาน่าจะรู้แล้ว เพราะเธอให้เลขาต่อสายถึงก่อนที่ปุณณดาจะเข้ามา
“ถ้าให้ฉันเดาเขาคงไม่รู้สินะ" คนพูดหยิบสมาร์ทโฟนราคาแพงขึ้นมาถือไว้ในมือ
“อย่าโทรหาเขา... ฉันขอร้อง" ปุณณดาสายตาอ่อนลง เธอขยับเท้าเข้าไปใกล้จนนิชานาถลุกขึ้นยืนอย่างระมัดระวังตัว
“คุณจะทำอะไร"
“ฉันมาที่นี่ไม่ได้มาทำร้ายคุณ ไม่ได้มาระรานคุณเหมือนในละคร ฉันแค่มา... ขอร้องให้คุณเลิกยุ่งกับเขาได้ไหม ฉันรักเขามาก เขาเป็นเพียงสิ่งเดียวที่มีค่าสำหรับฉัน ฉันอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเขา"
เธอเม้มริมฝีปากเข้ากันแน่น ดวงตาที่พยายามฝืนให้มันสดใส กำลังห้อมล้อมไปด้วยน้ำตาที่เอ่อท้นขึ้นมาจนถึงขอบ แต่ปุณณดาไม่อาย ถ้าเกิดมันจะทำให้คนตรงหน้าคืนของที่มีค่าให้เธอได้
“ขอร้องละค่ะ คุณเลิกยุ่งกับเขาได้ไหม แล้วฉันจะลืมเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น"
“คุณไปคุยกับเขาดีกว่าไหมคะ"
นิชานาถสบสายตากับคนที่อ้อนวอน ใจของเธอกำลังตีรวนระหว่างผิดถูก สุดท้ายตัวเธอก็ตกเป็นทาสของความต้องการจนลืมนึกถึงศีลธรรม
“ที่คุณบอกว่าฉันเป็นเมียน้อย... ฉันยอมรับก็ได้ แต่มันก็คงอีกไม่นาน เพราะเขาขอหย่ากับคุณแล้วไม่ใช่เหรอ"
“คุณไม่คิดบ้างเหรอว่าถ้าฉันไม่หย่ายังไงคุณก็เป็นแค่เมียน้อย"
“กระดาษแผ่นเดียวทำอะไรฉันไม่ได้หรอก คุณก็ควรจะปล่อยวางในเมื่อใจของเขาไม่ได้อยู่ที่คุณแล้ว"
ปุณณดายกยิ้มที่มุมปาก เธอมองข้ามความสวยงามที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า เพราะเนื้อแท้และความคิดของผู้หญิงคนนั้นเน่าเฟะ ถ้าเป็นผลไม้คงมีหนอนชอนไชออกมาจนหาพื้นที่ดี ๆ ไม่ได้เลย
“คุณไม่กลัวฉันทำให้พวกคุณต้องเสื่อมเสียบ้างเหรอคะ"
ในเมื่อไม่มีทีท่าว่าคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมียน้อยจะยอม เธอก็ขอใช้ไม้แข็งออกมางัด อย่างน้อยคนพวกนี้ก็น่าจะหน้าบางกลัวเรื่องชื่อเสียง แต่เธอคงคิดผิดไป เพราะบางคนก็หน้าหนาเกินคำว่าถนนลาดยางมะตอยเสียอีก
“ฉันคิดว่าคุณวีร์คงไม่ยอมให้ฉันเสียชื่อเสียงหรอกค่ะ คุณจะลองดูไหมคะ ขนาดเมื่อวานคุณยื่นคำขาดให้เขาไป วันนี้คุณยังวิ่งแจ้นมาขอร้องฉันอยู่เลย"
หยาดน้ำอุ่น ๆ เคลื่อนตัวไหลลงรดแก้มสีพีชอ่อน เป็นอย่างที่นิชานาถพูดทุกอย่าง เธอไม่ใช่คนที่จะมาต่อรองอะไรกับใครได้ ค่าของเธอด้อยเกินกว่าจะเทียบกับผู้หญิงคนนี้ ปุณณดาเงยหน้าขึ้นสบตากับคนที่มองเธออยู่ก่อนแล้ว ดวงตาของคนทั้งคู่ประสานกันนิ่ง โดยที่ต่างคนต่างก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่
“นั่นคุณจะทำอะไร" นิชานาถถามขึ้น เมื่อเห็นว่าภรรยาของนรวีร์นั่งคุกเข่าลงกับพื้น
“ฉันมาที่นี่ตั้งใจจะมาขอร้องคุณ ขอร้องละค่ะ... เลิกยุ่งเกี่ยวกับสามีของฉันได้ไหมคะ"
ปุณณดานั่งคุกเข่าประสานมือไว้บนตักด้านหน้า ศีรษะได้รูปก้มลงเล็กน้อย น้ำตาที่ไหลเหมือนสายน้ำร่วงรินหยดแล้วหยดเล่าจากหัวใจที่รวดร้าว
“นี่คุณ! ลุกขึ้นเลยนะอย่ามาทำอะไรแบบนี้!" ทว่าไม่ได้ผลเพราะปุณณดาไม่ได้ลุกขึ้นอย่างที่ถูกสั่ง
“ก่อนที่คุณจะเข้ามา เราเคยรักกันมาก มีความสุขมาก ได้โปรดเถอะค่ะ... ได้โปรดคืนเขาให้ฉัน"
“คุณท่าจะบ้าไปแล้ว ถ้าคุณยังไม่ลุกขึ้นฉันจะออกไปจากห้องนี้"
แต่หญิงสาวก็ยังคงนั่งนิ่งไม่ไหวติง นิชานาถกัดฟันกรอด ผู้หญิงคนนี้คิดจะเล่นแง่กับเธอ แต่ไม่ทันที่เจ้าของห้องจะทันได้พูดอะไร ประตูบานใหญ่ก็ถูกเปิดออกกว้า งพร้อมกับเจ้าของร่างสูงเดินเข้ามาถึงตัวภรรยาเขาอย่างไว
“ปอย ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้!" เขากระชากแขนกลมกลึงของเธอให้ลุกขึ้นยืนในมือเดียว
“ทำอะไรของเธอ+" ด้วยความโกรธ นรวีร์ตะคอกถามกลับไปอย่างใส่อารมณ์
“ปอยคิดไว้แล้วว่าพี่ต้องมา" เพราะก่อนที่เธอจะเข้ามาในห้องของนิชานาถหญิงสาวได้ยินเลขาหน้าของต่อสายถึงสามีของเธอ
“กลับบ้านกับพี่เดี๋ยวนี้"
“ไม่กลับค่ะ ปอยจะไม่ไปไหนทั้งนั้น จนกว่าเขาจะรับปากกับปอยว่าเขาจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับพี่วีร์อีก"
“ปอย... ความผิดทั้งหมดเป็นเพราะพี่คนเดียว พี่ผิดเอง ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณนิชา"
“ตบมือข้างเดียวดังด้วยเหรอคะ"
เจอคำถามของภรรยาเข้าไปนรวีร์ถึงกับหน้าตึง และมองลึกลงไปในดวงตาของภรรยา ที่ทำเอาเขาใจหายเมื่อมันมีแต่ความว่างเปล่า ไร้ความรักความภักดีอย่างที่เคยเป็นมา