Episode 05 เจ้าชายขี่ม้าขาว
สองสาวที่อยู่ด้วยกันตามลำพังพยายามให้กำลังใจกัน และกันเพื่อไม่ให้สถานการณ์เลวร้ายไปมากกว่านี้ แต่ดูเหมือนว่าโชคจะไม่ได้เข้าข้างพวกเธอเท่าไหร่นักเมื่อท้องฟ้าที่เคยมีแสงแดดส่องลงมารำไรเริ่มถูกเงาเมฆเข้ามาปกคลุมแทนที่
“ทำไมเซเวียร์ยังไม่กลับมาอีกเราไปดูกันดีไหม” คาร์ลินเอ่ยถามหลังจากเซเวียร์เดินหายไปอยู่นานพอสมควร และตอนนี้ท้องฟ้าก็เริ่มมืดทำให้เธอเป็นห่วง
“แต่เซเวียร์บอกให้รออยู่ตรงนี้นะ เดี๋ยวคงมารึเปล่ากลัวว่าเดินไปหาแล้วเราจะหลงทางกันอีกน่ะสิฉันกับแกยิ่งจำทางกันไม่ค่อยได้อยู่” เม็ดฝุ่นพยายามออกความคิดเห็นเพื่อไม่ให้สถานการณ์อย่ลงไปมากกว่าเดิม
“แต่นี่ก็หายไปพักใหญ่แล้วนะ” ทว่าคาร์ลินยังคงรู้สึกเป็นห่วงเซเวียร์อยู่ดี เนื่องจากตอนนี้เขาแยกออกไปเพียงลำพังเกรงว่าจะเกิดอันตรายหรือหลงป่าลึกเข้าไปอีก
“เอาไงดี” เม็ดฝุ่นยังคงลังเล เพราะฟ้าเริ่มมืดฝนก็ทำท่าจะตกทำให้เธอหวาดระแวงไปเสียทุกอย่างจนแทบไม่กล้าขยับตัวไปไหนในป่าแห่งนี้
“ประสบการณ์ตั้งแคมป์นอนกลางป่าของพวกเราตื่นเต้นดีนะว่าไหม” เพราะเห็นว่าเพื่อนมีอาการวิตกกังวลกับสถานการณ์อย่างเห็นได้ชัดคาร์ลินจึงพยายามพูดจาติดตลกให้ดูผ่อนคลายได้บ้างถึงจะช่วยได้ไม่มากก็ตาม
“ครั้งหน้าไม่เอาแล้วนะนอนกลางป่าขอนอนนอนที่โรงแรมห้าดาวแทน” เม็ดฝุ่นพึมพำโดยที่สายตาพยายามมองหาเซเวียร์ไปด้วย เพราะเธอเองก็เป็นห่วงเพื่อนไม่ต่างกัน
“ทริปหน้าต้องดีกว่านี้สิ” คาร์ลินยื่นมือมาจับประสานกับมือของเเม็ดฝุ่นเอาไว้เพื่อให้ความรู้สึกอุ่นใจที่อย่างน้อยก็ยังมีเธออยู่ข้างๆ
แกร๊ก~
เสียงเหยียบกิ่งไม้ทำให้ที่ดังขึ้นอยู่ไม่ไกลทำให้สองสาวรู้สึกตื่นตระหนกมองไปทางต้นเสียงอย่างพร้อมเพรียง หัวใจดวงน้อยๆ ที่เคยเหี่ยวเฉากับสถานการณ์เลวร้ายที่กำลังเผชิญหน้าอยู่ตอนนี้ผลันเต้นระส่ำขึ้นมาอีกครั้ง
“ใช่เซเวียร์รึเปล่า” เม็ดฝุ่นกระซิบถามคาร์ลินที่อยู่ข้างๆ ด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาราวกับกระซิบ
“ไม่รู้เลยลองเรียกดูไหม” คาร์ลินเองก็ไม่สามารถตอบคำถามของเม็ดฝุ่นได้ เนื่องจากเธอเองก็ไม่รู้เช่นกันว่าต้นเสียงนั้นมาจากอะไรกันแน่ “เซเวียร์นั่นนายรึเปล่า” เธอตัดสินใจตะโกนเปล่งเสียงถามอีกฝ่ายออกไป แต่ก็ไม่ได้รับเสียงใดๆ ตอบกลับมานั่นยิ่งทำให้สองสาวรู้สึกประหม่า และตื่นกลัวยิ่งกว่าเดิมเสียอีก
“ฉันเอง” น้ำเสียงทุ่มต่ำที่คุ้นเคยอยู่ในหัว พร้อมกับการปรากฎตัวของเจ้าของเสียงทำให้คาร์ลินรู้สึกตกใจ และประหลาดใจไม่น้อยที่เจ้าของเสียงคือเจโรมผู้ชายที่เธอท้าพนันไปเมื่อคืนก่อน
“คุณมาทำอะไรที่นี่”
“บังเอิญ”
“บังเอิญมาเจอกันในป่าเนี่ยนะ”
“ฉันแค่มาเดินป่ามีอะไรให้น่าแปลกใจตรงไหน เธอต่างหากที่ดูอ่อนแอเกินกว่าจะมาอยู่กลางป่าตอนที่พระอาทิตย์ และฝนกำลังจะตกแบบนี้”
“พวกเราหลงป่าค่ะ” เม็ดฝุ่นรีบบอกออกไปหวังจะขอความช่วยเหลือจากเจโรมที่ตอนนี้คงเป็นคนเดียวที่อาจจะช่วยให้พวกเธอกลับออกไปจากป่านี้ได้
“ขอให้ฉันช่วยสิ เพื่อฉันจะช่วยพวกเธอออกจากป่านี้ได้” เพราะรู้ว่าหญิงสาวดื้อรั้นที่เจอเมื่อคืนเป็นคนที่หยิ่งในศักดิ์ศรีมากแค่ไหน ครั้งนี้เขาเลยอยากลองแกล้งเธอดูเท่านั้นว่าในสถานการณ์แบบนี้เธอจะยอมขอร้องเขารึเปล่า
“ฉัน….”
“ไม่ใช่เธอ แต่เป็นเพื่อนเธอต่างหาก” เจโรมเหยียดยิ้มมุมปากพรางเอียงคอมองไปยังคาร์ลินที่ยืนมองมาทางเขาด้วยใบหน้าบูดบึ้ง
“ฉันไม่เชื่อหรอกนะว่าการเจอคุณที่นี่จะเป็นเรื่องบังเอิญ คุณสะกดรอยตามฉันมาเหรอเป็นพวกโรคจิตรึไง”
“ดวงของเราสองคนคงถูกใจกันแหละมั้ง แล้วตกลงจะให้ฉันช่วยไหมหรือจะยืนรอให้ฟ้ามือฝนตกอยู่ที่นี่” เพราะรู้ว่าตัวเองได้เปรียบทำให้เขาไม่สนใจต่อท่าทีพยศของหญิงสาวเลยแม้แต่น้อย
“เพื่อนฉันเดินเข้าไปดูทางข้างในยังไม่กลับออกมาคุณจะช่วยไปตามหาด้วยรึเปล่า” คาร์ลินพยายามต่อรองเพื่อผลประโยชน์สูงสุดของตัวเอง และที่สำคัญเธอก็ไม่สามารถทิ้งเซเวียร์ไว้คนเดียวได้ และผู้ชายตรงหน้าเธอก็ไม่รู้ว่าจะไว้ใจได้มากน้อยแค่ไหน
“กำลังต่อรองกับฉันเหรอ”
“คุณก็เห็นว่าฉันไม่มีทางเลือกอื่น ยังไงฉันก็ไม่ยอมกลับไปโดยไม่มีเพื่อนฉันกลับออกไปครบทุกคนอยู่แล้ว”
“ถ้างั้นเธอคงต้องจ่ายค่าความเสี่ยงหน่อยนะ” เจโรมกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์เดินตรงเข้ามาหยุดยืนตรงหน้าคนตัวเล็ก
“ต้องการเท่าไหร่”
“มาเดิมพันกันอีกรอบสิ”
“ฉันไม่ตลกด้วยนะ”
“ฉันก็ไม่ได้บอกว่าตลกนี่ เธอตัดสินใจเอาเองแล้วกัน”
“ฉัน…”
“เดิมพันอะไรกันแกลืมเล่าอะไรให้พวกฉันฟังรึเปล่าเนี่ย” เม็ดฝุ่นที่สัมผัสได้ถึงความไม่ปกติกระซิบถามคาร์ลินเบาๆ ด้วยความสงสัย
“ฉันตกลง”
“ดีล” เมื่อได้รับคำตอบที่ต้องการเจโรมก็ส่งสัญญาณมือให้ลูกน้องที่ติดตามมาด้วยจำนวนหนึ่งออกไปตามหาเซเวียร์ทันที แต่ยังไม่ทันที่ลูกน้องของเขาจะได้ก้าวออกไปหาไกลเท่าไหร่เซเวียร์ก็เดินกลับมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มที่เห็นคนของเจโรมยืนอยู่เต็มไปหมด เพราะคิดว่าเป็นคนที่มาช่วยพวกเขาออกจากป่า
“มีคนมาช่วยเราแล้วเหรอ” เซเวียร์เดินยิ้มเข้ามาในขณะที่คาร์ลินมองหน้าเพื่อนรักด้วยความเหลืออด เพราะถ้าเขาเดินกลับมาเร็วกว่านี้เธอก็ไม่ต้องรับปากเดิมพันอะไรบ้าๆ กับเจโรมแล้ว
“กลับมาเร็วกว่านี้จะตายเหรอ แล้วไหนบอกไปใกล้ๆ หายไปไหนมาตั้งนาน” คาร์ลินรีบต่อว่าเซเวียร์ด้วยความหงุดหงิดพรางเหลือบมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยชัยชนะของเจโรมด้วยสายตาไม่ชอบใจ
“ไปขี้มา ปวดขี้น่ะสิ” เซเวียร์บอกถึงสาเหตุที่มาช้าได้อย่างหน้าไม่อายในขณะที่สองสาวต่างพากันมองเขาด้วยสายตาสะอิดสะเอียน
“ใช้อะไรเช็ดก้นน่ะ” เม็ดฝุ่นเอ่ยถามด้วยสีหน้ารังเกียจไม่น้อย
“ใบไม้แถวนั้นน่ะสิ อยู่กลางป่าจะให้ใช้อะไรเช็ด”
“อี๋ สกปรก” เม็ดฝุ่นเบะปากคว่ำใส่เซเวียร์อย่างไม่จริงจังนัก เพราะที่แสดงท่าทีแบบนี้ออกมาก็เพื่อหยอกล้อกันเล่นตามประสาเท่านั้น
“รีบกลับก่อนฝนจะตกดีกว่า” เจโรมเอ่ยแทรกขึ้นพร้อมกับถอดเสื้อแขนยาวของตัวเองมาคลุมลงบนร่างบางของคาร์ลินท่ามกลางสายตาตกตะลึงของเม็ดฝุ่นกับเซเวียร์
“อย่าบอกนะว่านี่คือฉากเจ้าชายขี่ม้าขาวน่ะ” เม็ดฝุ่นพึมพำด้วยสายตาเพ้อฝันก่อนจะถูกคาร์ลินดับฝันนั้นในไม่กี่วินาทีต่อมา
“เจ้าชายเขาทำดีไม่หวังผลประโยชน์กันหรอก นี่มันเจ้ากรรมนายเวรต่างหากล่ะ” เธอบอกพร้อมกับถอดเสื้อโยนคืนเจโรมอย่างไม่ใยดี และไม่ขอรับความช่วยเหลือใดๆ จากเขาอีกนอกจากเดินตามหลังเขาออกจากป่าไปก็เท่านั้น
————————————————————-
เดินพันครั้งที่สองใครชนะดี ส่วนเซเวียร์ก็นะสถานการณ์แบบนี้เธอทิ้งสองสาวฉันไปขี้ได้ยังไง?