ฝันร้ายที่กลายเป็นจริง

1505 คำ
คุณหมออนุญาตให้ญาติเข้าไปดูศพผู้เสียชีวิตได้เด็กสาวในวัย 15 ปีแทบจะไร้เรี่ยวแรงเพราะเธอกำลังแบกความเสียใจเอาไว้มากมาย คนตัวเล็กเดินเข้าไปในห้องเก็บศพของโรงพยาบาลโดยมีพี่แย้มประคองเธอเอาไว้ตลอด “ ฮึก..ฮือ..แด๊ดข๋า ฮือ..” เบลล์ปล่อยโฮออกมาอีกครั้งเมื่อเห็นร่างผู้เป็นพ่อนอนอยู่บนเตียงบนใบหน้ามีผ้าปิดบาดแผลเอาไว้จมูกทั้งสองข้างยังมีผ้าสีขาวยัดเอาไว้มันเป็นภาพที่เจ็บปวดสำหรับเธอมากรอยยิ้มของพ่อมันหายไป ดวงตาที่เคยมองเธออย่างรักใคร่มันก็หายไป อ้อมกอดที่เคยอบอุ่นปลอดภัยไม่มีอีกแล้วหลังจากนี้ โลกที่เคยสวยงามทั้งใบของเธอพังทลายลง ต่อหน้าต่อตา เธอสวมกอดพ่อที่ไร้ลมหายใจด้วยความเจ็บปวดคงไม่มีใครที่จะรับรู้ได้นอกจากตัวของเธอเอง น้ำตาแห่งความเสียใจมากมายไหลออกมาจนผ้าสีขาวที่คลุมร่างพ่อของเธอเปียกชุ่ม “ แด๊ดข๋า หนูกำลังฝันร้ายเหมือนที่ผ่านมาใช่ไหมคะ แด๊ดช่วยปลุกให้หนูตื่นจากฝันร้ายนี้ทีหนูเจ็บปวดทรมานใจมากเหลือเกินค่ะ ฮือ..~ ” เธอเอ่ยพร้อมกับเสียงสะอึกสะอื้นแขนเรียวกอดพ่อของเธอเอาไว้แน่นจนไม่อยากจะปล่อยแต่ทว่าคำร้องขอของเธอกลับไม่เป็นผล “ โธ่..คุณหนูเบลล์ของพี่แย้ม ” พี่แย้มอดไม่ได้เลยที่จะดึงคุณหนูของเธอเข้ามากอดเธอน่ารักสดใสเกินกว่าจะต้องมาเจอกับเหตุการณ์เลวร้ายแบบนี้ พี่แย้มรู้ดีว่า ดร. รักลูกมากแค่ไหนและรู้ดีว่าคุณหนูของเธอก็รักผู้เป็นพ่อมากเช่นกัน “ คุณไม่ต้องห่วงลูกนะคะฉันจะดูแลยัยเบลล์ให้ดี คุณดีกับฉันมากขอบคุณสำหรับความรักที่ดีเสมอมา ขอบคุณที่คอยดูแลเอาใจใส่ ขอให้คุณเดินทางปลอดภัยหลังจากนี้ “ อีกด้านของเตียงมีมุกดายืนอยู่น้ำตาไหลอาบแก้มเธอตลอดเวลาเช่นกัน มันน่าใจหายที่จู่ๆเขาก็มาจากเธอไปกระทันหัน ทั้งที่เมื่อเช้าเธอยังเดินไปส่งเขาขึ้นรถอย่างเช่นทุกวัน หลายชั่วโมงผ่านไปเวลาล่วงเลยมาถึงตี 3 ณ วัดดังแห่งหนึ่ง ศพของ ดร. ถูกนำออกจากโรงพยาบาลมาประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดดัง ดร. จะพาลูกสาวมาทำบุญวันเกิดที่นี่ทุกปีและเป็นความประสงค์ของเธอเองที่อยากจัดพิธีให้พ่อแบบศาสนาพุทธเธอแค่อยากใช้ช่วงเวลา 5-7 วันอยู่กับพ่อของเธอเป็นครั้งสุดท้าย ร่างบางนั่งกอดภาพของพ่ออยู่หน้าโลงศพหลังจากที่เธอจัดดอกไม้ให้พ่ออย่างสวยงามแล้ว “ หนูชอบที่จะจัดดอกไม้ใส่แจกันให้แด๊ดที่โต๊ะทำงานมากกว่ามาจัดดอกไม้ให้แบบนี้ ฮือ..แต่หนูจะตั้งใจทำให้ดีที่สุดเพื่อส่งแด๊ดขึ้นสวรรค์นะคะ ” เบลล์เอ่ยบอกพร้อมกับเสียงร้องไห้ที่เธอไม่สามารถหยุดมันได้เลยเธอก็อยากจะเข้มแข็งเพื่อไม่ให้พ่อของเธอต้องเป็นห่วงแต่นาทีนี้มันช่างยากเย็นมากซะเหลือเกิน มือเรียวเล็กยกขึ้นมันปาดน้ำตาออกจากพวงแก้มก่อนที่เธอจะหันไปมองตามเสียงเรียก “ คุณหนูค่ะ ไปทานอะไรสักหน่อยเถอะนะคะคุณหนูยังไม่ได้ทานอะไรเลยเดี๋ยวจะเป็นลมเป็นแล้งเอาพี่แย้มเป็นห่วง ” พี่แย้มเดินลงมานั่งใกล้ๆกับคุณหนูของเธอและเอ่ยบอกด้วยความเป็นห่วง ผ่ามือบางลูบแผ่นหลังเล็กของฉันเบาๆมันทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาความห่วงใยและความรักของพี่แย้มฉันสัมผัสมันได้เสมอ “ หรือให้พี่แย้มเอาอาหารมาให้ตรงนี้ไหมคะ คุณหนูจะได้ทานข้าวพร้อมกับ ดร. เหมือนเช่นทุกวัน ” คำพูดนั้นมันทำให้น้ำสีใสไหลอาบแก้มนวลอีกครั้งไม่ว่าจะพูดหรือนึกถึงอะไรตอนนี้มันมีแต่อดีตไปหมดแล้วต่อไปฉันคงต้องกินข้าวคนเดียวหรือกับแม่แค่สองคนหัวโต๊ะที่เคยมีแด๊ดนั่งมันไม่มีอีกแล้วใช่ไหม “ ไม่เป็นไรค่ะ พี่แย้มไปกินข้าวกับเบลล์นะคะแล้วแม่ไปไหนเหรอคะ “ ” คุณมุกกำลังคุยอยู่กับตำรวจด้านนู้นนะคะ “ ใบหน้าสวยหันไปมองตามปลายนิ้วของพี่เลี้ยงก็เห็นแม่ของเธอนั่งคุยอยู่กับตำรวจหลายนายตรงเก้าอี้ที่จัดเตรียมไว้รับรองแขกพรุ่งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจตามมาจากโรงพยาบาลแม้เวลานี้มันจะใกล้สว่างแล้วแต่หน้าที่ในการตามหาเหตุแห่งการตายก็ต้องดำเนินต่อไป ทีมพิสูจน์หลักฐานและแพทย์ลงความเห็นตรงกันว่า ดร.เสียชีวิตจากอุบัติเหตุจริงๆแต่อุบัติเหตุครั้งนี้มีคนตั้งใจ จงใจหรือไม่คงต้องสืบหากันต่อไป ร่างบางลุกเดินตามพี่เลี้ยงมายังโต๊ะที่มีชามข้าวต้มตั้งไว้รอ เธอตักข้าวต้มที่คนรถไปซื้อมาให้เข้าปากไปข้าว 1 คำที่กลืนลงคอมีน้ำตาไหลออกมา 1 หยดมันทำให้เธอนึกไปถึงช่วงปิดเทอมที่ไปพักกันที่บ้านภาคเหนือข้าวต้มหมูในมื้อเช้ากับเสียงพูดคุย เสียงหัวเราะดังก้องอยู่ในหูของเด็กสาว “ ทานเยอะๆนะคะคุณหนูจะได้มีแรงสู้ต่อในวันพรุ่งนี้ เหนื่อยอยากกลับไปบ้านไหมคะ ” “ ไม่ค่ะ เบลล์จะอยู่กับแด๊ดที่นี่ ” เธอไม่คิดจะทิ้งหัวใจของเธอให้โดดเดี่ยวอยู่ที่นี่คนเดียวแน่นอน “ ค่ะ รีบทานเถอะนะคะจะได้นั่งพัก ” มันไม่อร่อยมากหรอกนะข้าวต้มชามนี้แต่ที่ฝืนใจกินก็เพราะให้ร่างกายได้มีแรงยืนต่อในวันต่อๆไปเหมือนที่พี่แย้มบอก ในช่วงสายของวันหลังจากจบพิธีทางศาสนาเด็กสาวก็ได้นั่งรถกลับมาที่บ้านเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเธอยังใส่ชุดนักเรียนตั้งแต่เมื่อวานและเมื่อคืนตลอดคืน ทว่าขณะที่เบลล์กำลังพาร่างกายที่แทบไร้เรี่ยวแรงเดินขึ้นไปบนห้องนอนเสียงมือถือราคาแพงของเธอก็ดังขึ้น สายเรียกเข้า… พี่มาวิน ” ค่ะ พี่มาวิน “ ” น้องเบลล์เป็นยังไงบ้างคะ พี่เพิ่งรู้ข่าวจากทีวีนะน้องโอเคไหม “ น้ำเสียงความเป็นห่วงเป็นใยของรุ่นพี่ ม.6 ทำให้เธอปากสั่น คอสั่นไปหมดเธอกลืนก้อนสะอื้นลงคอไปหวังไม่ให้มันดังให้อีกคนในสายได้ยิน “ ค่ะ ขอบคุณพี่วินนะคะ บะ..เบลล์ ฮึก..โอเคค่ะ ” “ น้องเบลล์เสียใจก็ร้องไห้ออกมานะครับ ร้องไห้กับพี่ ” มาวินรุ่นพี่ที่แอบชอบรุ่นน้องมานานถึง 3 ปีเจ็บปวดหัวใจขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินเสียงสะอื้นเล็กๆของน้อง แม้เขาจะยังไม่รู้ว่า รักแท้ คืออะไรแต่น้องก็คือคนที่เขาชอบๆจนกล้าที่จะแหกกฏความกลัววิ่งเข้าไปขอเบอร์ติดต่อ “ ฮือ..พี่มาวินแด๊ดคงเจ็บมาใช่ไหมคะ ” “ น้องเบลล์พ่อจะเจ็บมากถ้าเห็นน้องเอาแต่ร้องไห้เสียใจแบบนี้ คนเก่งของพี่เข้มแข็งให้ได้เร็วๆนะครับ พี่มีกำลังใจให้น้องเสมอ ” “ ขอบคุณนะคะ สำหรับกำลังใจ ” “ สำหรับน้องเบลล์พี่ยินดีเสมอครับ ตอนนี้อยู่ไหน ” “ เบลล์เพิ่งมาถึงบ้านค่ะ มาเปลี่ยนเสื้อผ้า ” “ งั้น ให้พี่ไปรับไหมหรือจะไปเจอกันที่วัดดี ” “ ขอบคุณพี่มาวินมากๆนะคะ เบลล์ไม่กล้ารบกวนหรอกค่ะ ” “ ไม่รบกวนเลยครับ น้องเบลล์อาบน้ำให้สดชื่น พักผ่อนสักหน่อย บ่าย 1 พี่ไปรับ ” “ ค่ะ ขอบคุณนะคะ ” การมีเพื่อนที่สามารถพูดคุย ให้กำลังใจ เยี่ยวยาความเจ็บปวดในหัวใจเธอได้ตอนนี้มันก็คงจะดีกว่าการอยู่คนเดียวแม่ก็คงวุ่นวายกับเรื่องอุบัติเหตุของพ่อแทบจะไม่ได้คุยกับเธอเลย เด็กสาวจึงยอมรับความปรารถนาดีจากรุ่นพี่ ม.6 สายน้ำจากฝักบัวราคาแพงชะล้างความเหนื่อยล้าออกจากร่างกายของเธอได้ไม่มากก็น้อยดวงตาสีเทากลมโตแดงกร่ำเพราะร้องไห้มาอย่างหนักและยาวนานเธอยืนมองใบหน้าเศร้าๆของตัวเองนิ่งอยู่หน้ากระจกอ่างล้างหน้าหลังจากอาบน้ำเสร็จและนึกย้อนไปถึงความฝันในช่วงค่ำของเมื่อวานนี้ เธอเห็นพ่อที่เป็นที่รักเดินมาหาเธอจากในมุมมืดที่ไหนสักแห่งมันค่อยๆชัดขึ้นจนเห็นว่าพ่อของเธอมีแต่เลือดไปทั้งตัวจนทำให้เธอตกใจตื่นขึ้นมาพร้อมกับข่าวร้ายที่ได้รับ ฝันร้ายที่กลายเป็นจริง ^^
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม