“ตามสบาย อาขอเข้าห้องน้ำแป๊บ” ชายหนุ่มก้าวขายาว ๆ ไปยังที่เขาบอก
เมื่ออยู่คนเดียว แพรไหมคว้ามือถือรีบกดหาคุณพ่อ เพื่อจะบอกว่าคุณอาเจกลับมาแล้ว และคุณอายังทำงานอยู่ที่โรงพยาบาล เธอหันหลังและยืนหันหน้าเข้าโต๊ะทำงาน กำลังโทรศัพท์หาคนที่บ้าน แต่แล้วมือถือกลับถูกดึงไปอยู่กับชายหนุ่ม
“ว้าย…คุณอา” ความตกใจทำให้แพรไหมรีบหัน แต่เผอิญสะดุดเท้าตัวเองเกือบหงายหลัง ดีที่แขนแกร่งคว้าเอวคอดไว้ทัน ทำให้หญิงสาวอยู่ในอ้อมแขนของคุณอา
“ระวังสิน้องแพร เดี๋ยวได้เจ็บตัวหัวร้างข้างแตกจนได้” คุณอาหนุ่มเตือนหลานสาว
“ขอโทษค่ะคุณอา คราวหน้าหนูจะระวังค่ะ”
เธอเขินอายเมื่อต้องเผชิญหน้ากับชายหนุ่มแบบใกล้ชิดเช่นนี้ หากเป็นตอนเด็ก ๆ เธอต้องหอมแก้มชายหนุ่ม แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนกัน
ใบหน้าคมมองคนในอ้อมแขน กลิ่นกายสาบสาวตรึงตรา ให้เขาต้องสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ เพื่อสูดดมกลิ่นกายหอม ๆ นี้ ก่อนปล่อยให้เธอเป็นอิสระ
เขากักขังเธอโดยสองแขนเท้าโต๊ะทำงาน อีกคนสะโพกมนเกยขอบโต๊ะไม่มีทางหลบหลีก แพรไหมทำตัวไม่ถูกเมื่อต้องอยู่กับคุณอา
ใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อ สายตาหลบลงต่ำไม่กล้าสู้สายตาคมเข้ม ใจเต้นตุบ ๆ แทบทะลุออกมาข้างนอก ชายหนุ่มเห็นท่าทีเขาถึงกับอมยิ้ม ก่อนชะโงกหน้าไปกระซิบข้างใบหู
“ตื่นเต้นที่เจออาเจเหรอครับน้องแพร”
“ตื่น ตื่นเต้นค่ะ ไม่คิดว่าคุณอาจะมาทำงานที่นี่ค่ะ”
ขณะตอบเธอถึงกับย่นคอ ลมหายใจที่ชายหนุ่มเป่ารดต้นคอ มันทำให้เธอรู้สึกแปลก ๆ บอกไม่ถูก
“ตื่นเต้นมากไหมครับ ที่เจออาเจที่นี่” สายตาคมจ้องคนตรงหน้า แพรไหมเงยหน้ามองหน้าชายหนุ่ม เธอถึงกับฝืนกลืนน้ำลายลงลำคออย่างยากลำบาก
คุณอาเจยามนี้ดูดีมีเสน่ห์เหลือล้น ช่างแตกต่างจากเมื่อก่อนมาก เธอมองอย่างหลงใหล ไม่รู้นานแค่ไหนกัน จนโซนประสาทได้ยินเขาถามขึ้น
“ให้อาเจคิดค่าเสียหายอาเท่าไหร่ดีน้า”
“ค่าเสียหาย อะไรเสียหายคะ” แพรไหมทำหน้างง ๆ สงสัย เขาคิดค่าอะไร แล้วเธอทำอะไรของเขาเสียหาย
“ค่าตัวอาเจไงครับ” ปากหยักกระตุกยิ้มมุมปาก ในความซื่อของหลานสาว
“อ้อ หนูขอโทษค่ะที่เสียมารยาท” เธอหลบสายตาทันที
“ไปกันเถอะ อามีเคสผ่าตัด”
ก่อนที่เขาจะคืนมือถือให้หลานสาว เขาสำรวจความเรียบร้อยให้หญิงสาว มือหนาเปิดประตูแต่เขายืนขวางประตูอยู่ และหันมาบอกหลานสาว
“ของเอาไว้ในห้องอานี่แหละ เสร็จงานค่อยมาเอา”
“ค่ะ” แพรไหมวางของทุกอย่างไว้บนโต๊ะทำงาน ของคุณอารวมทั้งมือถือด้วย
แผนกผ่าตัด
คุณหมอเจเดินนำหน้าหญิงสาว โดยเขาให้เธอเป็นผู้ช่วยในการส่งเครื่องมือ และคอยเรียนรู้ในสิ่งที่เขาลงมือทำ ทุกครั้งที่ชายหนุ่มกรีดคมมีดลงผิวหนัง
แพรไหมหลับตาแทบทุกครั้ง มันเป็นครั้งแรกที่ต้องมาเห็นผิวหนังของคนถูกเปิดออก เลือดไหลนองแบบนี้ ทำเอาเธอแทบเป็นลม ความกลัวเริ่มเกิดขึ้น
ทำให้ชายหนุ่มต้องคอยชำเลืองบ่อยครั้ง มือสั่นเทาคอยยื่นเครื่องมือให้
ยามที่ชายหนุ่มเรียกหา ใจเต้นกระหน่ำบอกไม่ถูก ชายหนุ่มเห็นท่าไม่ดีของหลานสาว จึงสั่งให้ไปยืนข้าง ๆ แทน เปลี่ยนให้พยาบาลมาทำหน้าที่แทน แม้ใจจะเป็นห่วงหลานสาวมากเพียงใด
แต่คนไข้สำคัญยิ่งกว่า เขาต้องใช้สมาธิและความนิ่งในการผ่าตัดครั้งนี้อย่างมาก
การผ่าตัดเคสนี้ใช้เวลาหลายชั่วโมง จนท้ายแล้วทุกอย่างก็จบลงได้ด้วยดี คนไข้ถูกย้ายไปยังห้องพักฟื้นต่อ แพรไหมถูกสั่งให้ล้างไม้ล้างมือให้สะอาด
จากนั้นสองอาหลานออกจากห้องผ่าตัด ก็ปาเข้าไปเที่ยงกว่า ๆ แพรไหมเดินนำหน้าชายหนุ่ม เธอนิ่งเงียบไม่พูดอะไร
จนมาถึงห้องทำงานชายหนุ่ม
“น้องแพร” ปากหยักเรียกหลานสาว
“คะ หนูขอเข้าห้องน้ำได้ไหมคะอาเจ” เธอร้องขอ เหมือนต้องการข่มอาการบางอย่าง
“ครับ” สายตาคม มองตามหลังหลานสาว
เขาสังเกตตั้งแต่ในห้องผ่าตัด เธอนิ่งเงียบผิดปกติ หรือจะคิดว่าเขาดุเธออย่างนั้นหรือ
เจษฎาเคาะประตูห้องน้ำ เมื่อหลานสาวหายเข้าไปนาน ชายหนุ่มยกข้อมือดูเวลา
เห็นว่าบ่ายโมง และทั้งสองยังไม่ได้ทานมื้อเที่ยง เขาเคาะประตูอีกครั้งก่อนประตูจะเปิดออก
“คุณอาเจ” แพรไหมเปิดประตูเจอกับชายหนุ่มที่ยืนกอดอก ไหล่พิงผนังห้องน้ำ
เมื่อถูกสายตาคมเพ่งมอง แพรไหมถึงกับหลบสายตา เธอยืนนิ่งก้มหน้ามองพื้น เจษฎามองออก เขาก้าวเท้ามาหยุดตรงหน้า สองมือหนาจับไหล่บางหญิงสาว
แพรไหมที่น้ำตาคลอเบ้าเงยหน้ามองชายหนุ่ม มันดันไหลลงแก้มนวลอย่างไม่ตั้งใจ
“น้องแพร หนูเป็นอะไรครับ เจ็บหรือปวดตรงไหน บอกอาเจได้นะครับ” น้ำเสียงอันอ่อนโยน นุ่มนวล ทำให้แพรไหมยิ่งสะอื้นไห้หนักกว่าเดิม
ชายหนุ่มเป็นห่วงจึงดึงหลานสาวเข้ามาสวมกอด มือหนายกลูบศีรษะเบา ๆ
ความอบอุ่นตรึงตราในใจ เหมือนคราที่เธอเป็นเด็กน้อยเยาว์วัยครั้งก่อน เธอปล่อยโฮจนแรงสะอื้นไห้ หัวใจที่ว่าแกร่งพลันหล่นวูบ ส่งผลให้ร่างสั่นเทาอยู่ในอ้อมกอดของคุณอา
กลิ่นอายความหอมปะทะจมูกคม ไม่ต่างจากกลิ่นกายชายหนุ่มที่คุ้นเคย สองแขนบางเผลอกอดตอบอย่างช่วยไม่ได้
ชายหนุ่มยังคงกอดหลานสาวไว้แน่น มือหนายังคงตบหลังเบา ๆ เป็นการปลอบขวัญ
“หนูขอโทษที่ทำให้คุณอาไม่พอใจค่ะ” อยู่ ๆ เธอก็บอกในสิ่งที่ต้องการสื่อ
“ขอโทษ ขอโทษอาเรื่องอะไรครับ” ชายหนุ่มผละห่าง แต่มือยังจับที่ไหล่บาง เขาก้มมองหน้าหลานสาว ที่ตอนนี้มันแดงและเปียกชื้นไปด้วยน้ำตา
“ก็ที่หนูทำอะไรไม่ได้เรื่องในห้องผ่าตัดค่ะ” เสียงแหบ ๆ ขึ้นจมูก เพราะผ่านการร้องไห้
เมื่อพอจะรู้ต้นเหตุมาจากเขา เจษฎาจึงอธิบายการทำงานให้หญิงสาวเข้าใจ เขาจริงจังในการรักษาชีวิตคนไข้ เพราะมันอยู่ในช่วงของความเป็นความตายเท่า ๆ กัน คุณหมอหนุ่มอธิบายจนหลานสาวเข้าใจ เธอจึงขอตัวไปหาเพื่อน ๆ