เดเมียนยิ้มใส่นัยน์ตาสีน้ำตาลใสแจ๋วที่กำลังทอประกายตื่นตระหนก
“มองฉันด้วยสายตาพร้อมจะกลืนกินฉันลงท้องถึงขนาดนี้ คิดว่าฉันจะหลับต่อไปได้ยังไงกัน”
“บ้า ดิฉันไม่ได้มองคุณแบบนั้นเสียหน่อย”
ตะวันวาดแหวหน้าแดง ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ได้เกิดขึ้นเพราะวาจาชวนคิดลึกแต่เช้าของเขาเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเพราะเดเมียนกอดกระชับหล่อนอย่างแนบแน่นจนหล่อนและเขาแทบจะสัมผัสร่างกายกันไปทุกส่วนสัด “แล้วก็กรุณาปล่อยดิฉันเสียที ดิฉันหายใจไม่ออก”
หล่อนว่าพลางดิ้นขลุกขลักหวังจะให้เขาปล่อย แต่...โอ้ หล่อนไม่รู้เลยหรือว่าการทำเช่นนี้เป็นการปลุกอารมณ์เขาให้มันพลุ่งพล่านขึ้นมาเสียแล้ว เดเมียนกัดริมฝีปากตนเองแน่น เผลอหลับตาลง ศีรษะที่ปกคลุมไปด้วยเส้นผมสีดำสนิทแหงนเงยขึ้น เรือนกายแกร่งเผลอขยับชิดหญิงสาว สองมือก็ไขว่คว้ากกกอดหล่อนแนบแน่น รับรู้ได้ถึงลมหายใจของหญิงสาวที่ซุกไซ้อยู่บริเวณลำคอแกร่ง จนกายหนุ่มถึงกับสะท้านวูบจนแทบสั่น
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเหมือนภาพฝัน...หากในความเป็นจริง ตะวันวาดเมื่อเห็นเดเมียนมีทีท่าเช่นนั้น ซ้ำร้ายแทนที่จะปล่อยหล่อนกลับกอดหล่อนแนบแน่นจนกระดิกตัวไม่ได้ ท้ายสุดหญิงสาวจึงค่อยๆ ซุกศีรษะตนเองลงกับลำคอแกร่งของชายหนุ่ม รับรู้ได้ถึงร่างกายที่เริ่มสั่นเทาของเดเมียน ตะวันวาดค่อยๆ เผยอ ริมฝีปากออกแล้วแนบมันลงบนลำคอของชายหนุ่มก่อนจะค่อยๆ เลื่อนริมฝีปากลงจนถึงไหล่ตึงแน่นแล้วตะวันวาดก็...กัดจนไหล่หนาเต็มแรง
ร่างสูงสะดุ้งเฮือก ปล่อยมือจากเรือนร่างของหล่อนทันควัน พลางร้องลั่นห้อง
“อ๊ากกก!”
เดเมียนเดินออกมาจากห้องนอนตนเองด้วยใบใหน้าที่บึ้งตึงสุดๆ!
ร่างสูงที่ยัดนี้อยู่ในชุดสูทของแบรนด์ดังที่สั่งตัดเย็บมาเพื่อให้พอดีกับรูปร่างของเขามีสีหน้าไม่พอใจ แม้ไม่มีใครจะได้เห็นบาดแผลที่เป็นรอยฟันเล็กๆนอกจากคนทำที่ประดับอยู่บนไหล่ของเขาได้ แต่เดเมียนก็รู้สึกโมโหอยู่ดี ชายหนุ่มตวัดตามองตัวต้นเหตุแล้วสาวเท้าดุ่มๆ หมายจะตรงเข้าไปเอาเรื่องกับหล่อน แต่ท้ายสุดก็ต้องหยุดความคิดเพียงแค่นั้นเมื่อโทรศัพท์มือถือเครื่องเล็กของเขากำลังสั่น มันเป็นเบอร์ส่วนตัวที่น้อยคนจะรู้ เดเมียนหยิบมันขึ้นมาดูและเมื่อเห็นว่าเป็นใครโทรมาเขาก็เดินหนีตะวันวาดกลับเข้าไปในห้องนอนของตนเองอีกครั้ง แต่ มิวายส่งสายตาอันตรายมาให้หญิงสาว ซึ่งเจ้าหล่อนได้แต่ถอนใจออกมาเฮือกใหญ่
“สวัสดีครับ”
เดเมียนกรอกเสียงทักทายปลายสายด้วยน้ำเสียงเฉยชา...ผิดกับบรรดาข่าวลือทั้งหลายที่บอกว่าเขารักเธอมากและกำลังจะหมั้นกันเร็วๆ นี้เสียด้วยซ้ำ หากเดเมียนไม่เพิ่งเปิดตัวคู่หมั้นตัวจริงของเขาไปเมื่อวานนี้1
“เดเมียนคะ” เสียงหวานใสของแคสแซนดร้า เวอร์รีนเรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงอ้อนหวานกึ่งเศร้าสร้อยช่างน่าสงสารยิ่งนัก หากน่าแปลกที่คนคบกันมากว่าสองปีกลับไม่ได้รู้สึกอะไรเลยแม้แต่น้อยกับน้ำเสียงนั้นของหล่อน “แคทอยากคุยกับคุณ...ได้โปรดออกมาพบแคทนะคะ”
“แต่ว่าผมไม่ว่าง”
เดเมียนปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย ไม่คิดจะเปิดโอกาสให้หล่อนได้พบปะกับเขาอีกต่อไป
และแคสแซนดร้าเองก็พอจะจับได้ถึงความต้องการนั้นของเดเมียน แต่หล่อนจะไม่ยอมแพ้ หล่อนจะต้องทำให้เดเมียนออกมาพบหล่อนให้ได้ เขาติดค้างคำอธิบายกับหล่อน...แคสแซนดร้าไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ ผู้ชายคนนี้ถึงได้ทิ้งหล่อนไปแล้วกำลังจะแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นทั้งที่หล่อนและเขาต่างคบกันมาด้วยดี
หล่อนทำอะไรผิด...หล่อนต้องการคำอธิบาย
“เดเมียน เห็นใจแคทเถอะนะคะ” หญิงสาววอนเสียงพร่า ทำให้เดเมียนรับรู้ว่าเวลานี้หล่อนคงกำลังจะร้องไห้ “โปรดกลับมาเคลียร์เรื่องระหว่างเราให้มันจบเถอะนะคะเดเมียน”
“...”
“อย่าทำกับแคทแบบนี้ แคทรักคุณมาตลอด แล้วแคทก็แน่ใจว่าเรารักกันไม่ใช่หรือคะ?” หญิงสาวถาม แต่คำตอบที่ได้รับก็ยังคงเป็นความเงียบเช่นเดิม
“...”
“แล้วทำไมจู่ๆ คุณถึงทำกับแคทแบบนี้ได้ อย่าเอาแต่เงียบสิเดเมียน ตอบคำถามของแคทมาสิ!”
ท้ายสุดหญิงสาวถึงกับกรีดร้องถามเสียงแหลมทั้งน้ำตา น้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความเจ็บช้ำจากปลายสายไม่ได้ทำให้เดเมียนรู้สึกหวั่นไหวหรือเห็นใจหล่อนแต่อย่างใดแต่เพราะคำถามของหล่อนที่ถามออกมาต่างหากทำให้เขายอมตกลงไปในที่สุด
“ก็ได้...สักประมาณเที่ยงผมจะไปหาคุณที่บ้าน พร้อมกับจะตอบคำถามที่ผมสามารถตอบได้กับคุณ...แคสแซนดร้า”
‘พร้อมกับบอกว่าที่ผ่านมาผมไม่เคยรักคุณเลย...มีเพียงความเหมาะสมแห่งศักดิ์ของตระกูลและฐานะเท่านั้นที่ทำให้ผมคบกับคุณได้นาน จนเราเกือบจะกลายเป็นคนรักกัน แคสแซนดร้า เวอร์รีน’