“เลิกงานแล้วใช่ไหมครับ ตอนนี้พี่หิวข้าวมากเลยน้องหนึ่งช่วยเลี้ยงข้าวพี่ ถือว่าเป็นการตอบแทนเรื่องคราวก่อนได้หรือเปล่า”
คำพูดของคนที่ยืนดักรอตัวเองทำให้น้ำหนึ่งถึงกับขมวดคิ้วเข้าหากัน เธอไม่รู้จริง ๆ ว่าทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้ตามตอแยเธอขนาดนี้ มันดูเหมือนมีอะไรมากกว่าแค่คนผ่านทางเข้ามาช่วยเหลือ น่าสงสัย
ดูท่าทางบุญคุณครั้งนี้คงจะไม่จบง่าย ๆ
“คุณพายุมาดักรอฉันเหรอคะ ?”
“ก็น้องหนึ่งบอกว่า ถ้าพี่รอได้จะคุยด้วย” พายุตอบด้วยใบหน้าอ่อนโยนและดูเป็นมิตร แต่ทำไมไม่รู้น้ำหนึ่งถึงไม่ได้รู้สึกแบบนั้นเลยหรือเธอจะคิดมากไปเองนะ
“ค่ะ ถ้าอย่างนั้นคุณพายุมีเรื่องอะไรจะพูดกับฉันเหรอคะ”
“กินข้าวไปด้วยพูดไปด้วยได้หรือเปล่าครับ”
“ได้ค่ะ งั้นฉันเลี้ยงเองจะได้ถือว่าขอบคุณเรื่องที่ช่วย เราจะได้จบเรื่องนี้กันเถอะ” น้ำหนึ่งตัดสินใจเลี้ยงข้าวอีกฝ่าย จะได้จบ ๆ กันไป
“น้องน้ำนี่พยายามหลบเลี่ยงพี่จังเลยนะครับ... ทำไมครับพี่น่ากลัวมากเหรอ”
ไม่เพียงแค่พูดแต่พายุยังยื่นหน้าเข้ามาใกล้อีกจนตอนนี้ลมหายใจแทบจะเป็นหนึ่งเดียวกัน แต่ดูเหมือนว่าเขาจะคาดการณ์ผิดไปเล็กน้อย ตอนแรกคิดว่าคนตรงหน้าจะหลบหรือผลักเขาออกเสียอีก กลับไม่เป็นแบบนั้นเลยเพราะอีกฝ่ายจ้องตาเขาไม่หลบแม้แต่น้อย
หึ ! จริงสิ แม่สาวกร้านโลกแบบนี้จะมาอายอะไรแค่จ้องตากับผู้ชาย เธอคงผ่านผู้ชายมาไม่น้อย
“เปล่า ช่วยถอยออกไปด้วยค่ะ”
น้ำหนึ่งจ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่เกรงกลัวก่อนพูดบอกไป เธอพยายามที่จะเก็บอาการของตัวเองให้ได้มากที่สุดเพื่อไม่ให้วีนอีกฝ่าย ตอนนี้เธออยากรู้จริง ๆ เขาต้องการอะไร
“พี่ขอโทษนะครับ”
น้ำเสียงที่ดูสำนึกผิดทำให้น้ำหนึ่งถึงกับถอนหายใจยาวออกมาอีกครั้ง
“ขอโทษเรื่องอะไรคะ”
“ขอโทษที่ทำให้น้ำรู้สึกไม่ดี”
“เอาละเลิกพูดกันเถอะค่ะ ถ้าคุณอยากให้ฉันเลี้ยงข้าวเราก็รีบไปกันเถอะ เพราะเดี๋ยวฉันต้องรีบกลับบ้านไปทำงานต่อ”
“อ่า… ได้ครับ เอารถพี่ไปไหม”
“ไม่ต้องค่ะ ร้านอยู่ใกล้ ๆ นี่เอง”
ที่พูดแบบนี้เพราะเธอไม่อยากเข้าใกล้เขามากเกินไป จำได้ว่าที่อยู่ใกล้ตอนนั้นเธอถูกลุงตบเสียเลือดไหล
ร้านข้าวต้มกุ๊ยลุงเปี๊ยกซอย 5
“ลุงเอาข้าวต้มกุ๊ย 2 ผัดหอยลาย 1 ผัดผักบุ้งไฟแดง 1 แล้วก็ปลาทอดอีก 1 จ้ะ”
พอเดินมาถึงร้านน้ำหนึ่งก็รีบเดินตรงมาสั่งเมนูอาหารทันที เธอมากินกับเพื่อนที่ทำงานบ่อย ๆ เวลาถูกเรียกมาช่วยงานสาขาใหญ่เลยดูคุ้นชิน
“อ้าว แม่หนูน้ำหนึ่งเองเหรอ มา ๆ หาที่นั่งเลยนะหนู อาจจะนานหน่อยพอดีวันนี้ผู้ช่วยลุงลาคลอด” ลุงเปี๊ยกเจ้าของร้านที่กำลังวิ่งวุ่นพอเงยหน้ามาเจอลูกค้าสาวประจำก็ยิ้มทักทายก่อนจะหันกลับไปวุ่นวายงานตรงหน้าต่อ
“คุณไปหาที่นั่งก่อนนะคะ” เธอหันไปมองคนที่มาด้วยกันที่ตอนนี้กำลังกดโทรศัพท์ในมืออย่างตั้งใจ
ผู้ชายคนนี้รวยจริง ๆ สินะ ขนาดโทรศัพท์ยังรุ่นใหม่ล่าสุด
เธอไม่รู้หรอกนะว่าเสื้อผ้ากระเป๋าแบรนด์เนมมันดูอย่างไร แต่โทรศัพท์รุ่นไหนแพงไม่แพงก็พอจะดูออกอยู่ เพราะเธอเห็นลูกค้าในคลับบางคนชอบอวดกับเพื่อน ๆ ทำให้เธอได้รู้เรื่องพวกนี้
“แล้วน้ำล่ะครับ”
“ฉันจะช่วยลุงเขาก่อนคะ ถ้าแกทำคนเดียวแบบนี้อีกชั่วโมงเลยมั้งเราถึงจะได้กิน” พูดจบเธอก็มองไปรอบ ๆ ร้าน ตอนนี้ลูกค้าเยอะมากจนเธอเองยังเหนื่อยแทนเลย “คุณไปนั่งตรงนั้นก็ได้ค่ะ”
คราวนี้พายุเดินไปรอด้วยความเฉยชาอย่างไม่อิดออด บางทีเธอก็ไม่เข้าใจผู้ชายคนนี้ หลายครั้งเขาทำเหมือนสนใจในตัวเธอ แต่หลายครั้งก็ทำเหมือนเฉยชาจนน่ากลัว แปลก
“ลุงคะ มาค่ะเดี๋ยวหนูช่วย”
“ขอบใจมากนะแม่หนู”
น้ำหนึ่งพูดจบก็จัดการช่วยเสิร์ฟอาหารลูกค้าที่รออย่างไม่รีรอ
พายุที่นั่งอ่านรายงานผ่านโทรศัพท์ในมืออย่างตั้งใจ เขาเงยหน้าขึ้นอีกครั้งหลังจากสั่งงานลูกน้องคนสนิทเสร็จ เวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง เขามองดูหญิงสาวที่กำลังเดินเสิร์ฟอาหารตามโต๊ะลูกค้าด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง ทุกครั้งที่เขาเห็นหน้าผู้หญิงคนนี้มักจะนึกถึงหน้าของคนรักที่ดวงตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและร่างกายที่เต็มไปด้วยเลือดกับบาดแผล หลายครั้งที่เขาต้องสงบสติอารมณ์ไว้ไม่ให้ยื่นมือออกไปบีบคอเล็ก ๆ นั่นให้ตายคามือ ยิ่งพอคิดว่ายัยนั่นฆ่าคนรักของเขาแล้วยังใช้ชีวิตได้ตามปกติเขายิ่งอยากฆ่าให้ตาย แต่ถึงแบบนั้นก็เลือกจะระงับอารมณ์ไว้ การฆ่าให้ตายมันง่ายเกินไป เขาจะทำให้เธอรู้ว่าการสูญเสียแล้วค่อย ๆ ตายมันเป็นอย่างไร
“ขอโทษนะคะที่ต้องให้รอ เดี๋ยวฉันไปตักข้าวต้มมาให้คุณกิน คุณกินเยอะไหมฉันจะได้ตักให้มากกว่าปกติ” น้ำหนึ่งเอ่ยถาม
“ไม่ครับตักปกติก็พอ”
เพียงแค่ได้ยินเสียงของคนที่ตัวเองแอบมองเมื่อกี้มาหยุดยืนสอบถามอยู่ข้าง ๆ แววตาแห่งความเกลียดชังก็เปลี่ยนเป็นอ่อนโยนทันที รอยยิ้มที่ดูเป็นมิตรเริ่มทำให้เธอรู้สึกว่าเขาคงไม่ใช่คนเลวร้าย
“อร่อยมากเลยนะครับ”
ระหว่างกินข้าวกันอยู่พายุก็พูดขึ้น ขืนเขายังปล่อยเวลาผ่านไปเฉย ๆ ด้วยการไม่สานสัมพันธ์ต่อคงจะเปลืองเวลาแสนสำคัญที่เขาอุตส่าห์ลดตัวมาตามยัยนี่
“ค่ะ ร้านลุงแกในย่านนี้ถือว่าเป็นร้านดังร้านหนึ่งเลยค่ะ” เธอพูดพร้อมกับคีบผัดผักบุ้งในจานเข้าปาก
“หว่า ~ แม่หนูคนสวยชมขนาดนี้ลุงก็เขินแย่สิ อันนี้ลุงแถมฟรีค่าตอบแทนที่ช่วยลุงตอนยุ่ง ๆ”
จานปลาหมึกผัดไข่เค็มถูกวางลงบนโต๊ะทำเอาน้ำหนึ่งถึงกับยิ้มอย่างอารมณ์ดี จานนี้เกือบ 200 บาทแน่ะ และเพราะราคาสูงอย่างนี้พวกเธอเลยไม่เคยสั่งกินสักครั้งที่มา แต่คราวนี้ได้กินฟรี ๆ การช่วยงานลุงคนนี้ก็ไม่ได้แย่เท่าไร ทุกการกระทำของหญิงสาวตรงหน้าอยู่ในสายตาของพายุตลอดเวลา
“พ่อหนุ่มคนนี้เป็นแฟนหนูเหรอ หล่อมากเลยนะ ฝากดูแลแม่หนูคนนี้ดี ๆ นะ พ่อหนุ่ม เธอน่ะเป็นคนดีมาก” คุณลุงเจ้าของร้านเอ่ยชมเปาะ
“พรวด !! แค่ก ๆ มะ… ไม่ใช่นะคะลุง คนนี้นะแค่…”
“ได้เลยครับลุง ผมจะดูแลเธอให้ดีแบบที่ลืมไม่ลงเลยครับ” ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะพูดจบเขาก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน ทำเอาคนที่บอกว่าจะถูกดูแลถึงกับถลึงตามอง
“ดี ๆ งั้นลุงไปก่อนลูกค้าเข้าร้านอีกแล้ว”
“คุณพายุไม่ควรไปตอบรับลุงแบบนั้น”
พอลับหลังที่ลุงเดินจากไป เธอก็รีบออกปากพูดอย่างไม่พอใจอีกฝ่ายทันที
“พี่บอกแบบไปไหนครับ” พายุเลือกที่จะตีหน้าซื่อพูดออกไปด้วยความมึนงงว่าตัวเองพูดผิดตรงไหน
“ก็ที่บอกว่าจะดูแลฉันอย่างดีไงคะ ! แบบนั้นลุงแกเข้าใจผิดหมดว่าพวกเราเป็นแฟนกัน”
“แต่พี่ไม่พูดว่าเราเป็นแฟนกันนะ แค่บอกว่าจะดูแลอย่างดี… เพื่อนก็สามารถดูแลเพื่อนได้นะครับหรือว่า… น้องน้ำหนึ่งอยากให้พี่เป็นมากกว่าเพื่อน”
คำถามของพายุทำเอาน้ำหนึ่งถึงกับหน้าแดงระเรื่อขึ้นมา ก่อนจะอดคิดไม่ได้ว่าผู้ชายตรงหน้าเธออันตรายจริง ๆ
“ไม่ค่ะ… เราจะไม่เป็นอะไรกันทั้งนั้น แม้กระทั่งเพื่อน หลังจากที่มื้ออาหารนี่จบพวกเราก็คงไม่ได้เจอกันอีกแล้ว” น้ำหนึ่งเอ่ยอย่างมั่นอกมั่นใจ ความจริงเธอก็ไม่ได้อยู่สาขานี้ นาน ๆ ทีถึงจะมาช่วยงานเพราะอย่างนั้นการที่เธอเจอเขาวันนี้คงเป็นเรื่องบังเอิญ
“แต่พี่อยากรู้จักหนึ่งให้มากกว่านี้นะครับ เราเป็นแค่เพื่อนกันก็ไม่ได้เหรอ”
“ไม่ค่ะ แค่คนบังเอิญได้เจอดีกว่า... คุณกินต่อได้เลยนะคะ เดี๋ยวฉันขอตัวกลับก่อน ขอบคุณอีกครั้งที่เคยช่วยฉันไว้”
ไม่รอให้อีกฝ่ายตอแยตัวเองต่อน้ำหนึ่งก็เดินไปจ่ายค่าอาหารและออกจากร้านไป
ส่วนด้านพายุที่ถูกทิ้งไว้ก็ไม่ได้คิดจะตามไปเลยแม้แต่น้อย กลับมองน้ำหนึ่งไปด้วยสายตาเย็นชา เขาอุตส่าห์ยื่นมิตรภาพให้เธอแต่เธอเป็นคนปัดมันทิ้งเองนะ
ถ้าฉันจะจับมีดปาดคอเธอก็อย่ามาโทษว่าเป็นความผิดฉันแล้วกันสาวน้อย คอยดูนรกบนดินได้เลย