อย่าคิดฝืนกฎไฮโซ

1047 คำ
ร้านเหล้าสุดหรูหรา ตั้งอยู่บนชั้นดาดฟ้าของตึกสูงใจกลางเมือง โรงแรมในเครือของตระกูลรัตนวงศ์สกุล ผู้บริหารหนุ่มถึงกับปิดร้านเพื่อเลี้ยงรับเพื่อนรักจอมเกเรที่ยอมบินกลับมาจากอเมริกาเมื่อเช้านี้ คืนนี้จึงต้องเลี้ยงฉลองใหญ่ให้กับการรวมตัวอย่างครบถ้วนอีกครั้งของชายหนุ่มทั้งห้าคนจากตระกูลมหาเศรษฐีอันดับต้นๆของเมืองไทย “ไปทำอะไรตั้งห้าปีวะ หรือว่าไปแอบมีลูกมีเมียที่โน่นก็เลยกะจะตั้งหลักปักฐาน” ภีมเอ่ยถามเชิงล้อเล่น บรรดาหนุ่มหล่ออีกสามพากันพยักหน้าเห็นด้วย “เรียนจบแล้วก็ทำงานต่อเลย อยากหาประสบการณ์น่ะ ไม่อยากมาแบบไม่รู้เรื่องอะไรเลย เพราะกิจการของตระกูลฉันมันมีมากมายเหลือเกิน ทั้งห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ไหนจะบริษัทเล็กๆอีกเพียบ เพราะถ้าคิดว่าต้องแบ่งเบาภาระพี่ใหญ่ ฉันก็คงจะต้องแข็งแกร่งไม่น้อยเลยละ” “ก็ดีนะ” ฐากูรพยักหน้า เขาอยู่ในตำแหน่งเพื่อนรักคู่หูซึ่งสนิทมากที่สุดของวิศรุต เขารู้สึกชื่นชอบเพื่อนรักที่ดูสุขุมและเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น แม้ยังเหลือแววเอาแต่ใจตัวอยู่จนเต็มแน่นในดวงตาคมคู่นั้นก็ตาม “แบบนี้ ตำแหน่งกรรมการผู้จัดการจะได้ดูน่าเกรงขามหน่อย ดีใจด้วยเพื่อน แล้วนี่จะเริ่มทำงานเมื่อไหร่ล่ะ” “คงอีกสักพัก ช่วงนี้ขอเคลียร์อะไร ๆให้มันเข้าที่เข้าทางก่อนน่ะ” “นี่ไอ้เล็ก อยากจะถามตั้งนานแล้ว ทำไมปล่อยให้คุณนิดเธอกลับมาก่อนละ ทำไมไม่ชวนเธอไปอเมริกาด้วยกัน หรือว่าเบื่อ” จอมทัพ หนุ่มเจ้าสำราญที่สุดของกลุ่ม ถามด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม “ไม่เคยเบื่อเลย” คนตอบ ตอบด้วยท่าทางกรุ้มกริ่มเช่นกัน พลางหยิบแก้วเหล้าขึ้นจิบเบาๆ “เพราะไม่ค่อยจะได้เจอกันสักเท่าไหร่อยู่แล้ว เราเรียนกันคนละที่น่ะ” “นายตั้งใจจะหลีกเธออยู่แล้ว ไอ้กะล่อน ได้ข่าวว่าควงสาวไม่ซ้ำหน้า” “ข่าวลือ ฉันเรียนหนักจะตายไป ไม่มีเวลาไปทำเรื่องแบบนั้นหรอกน่า” “แล้วตอนนี้ล่ะ พอจะมีเวลาไหม” พูดจบ ภีมก็ส่งสัญญาณบอกบริกรให้เรียกสาวสวยข้ามาในร้าน หญิงสาวรูปร่างสมส่วนปราดเปรียว ราวกับนางแบบ หรือไม่ก็นางงาม เดินมาหย่อนก้นนั่งประกบวิศรุตด้วยเก้าอี้อันเดียวกัน “ไอ้ภีม” วิศรุตกัดฟันกรอดใส่เพื่อนรัก ขณะผู้หญิงที่นั่งอยู่บนตักเขาพยายามจะทำท่ายั่วยวนใส่ “ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะเพื่อน” สามหนุ่มชนแก้วกันเสียงดัง พร้อมกับหัวเราะลั่น มีเพียงฐากูรเท่านั้นที่ยิ้มนิดๆพร้อมกับส่ายหน้าน้อยๆ แต่เพราะเสียงโทรศัพท์ที่ช่วยวิศรุตเอาไว้ได้ “เปลี่ยนตักได้ตามสบายเลยครับ” เธอโน้มหน้ามาจูบแก้มเขาหนึ่งฟอด ก่อนจะเปลี่ยนไปนั่งบนตักของอีกหนุ่ม เบียดชิดกับหนุ่มภีมอย่างสนิทสนม วิศรุตเดินเลี่ยงออกไปยืนคุยโทรศัพท์ที่ริมขอบตึก พูดคุยแค่เพียงไม่นานนักก็วางสาย กำลังจะย้อนกลับไปที่โต๊ะ แต่ฐากูรเดินมาหาเขาเสียก่อน “ไอ้ฐา” “คิดว่าลืมเมืองไทยซะแล้ว” ฐากูรตบบ่าเพื่อนรักเบาๆ พร้อมส่งแก้วเหล้าให้ สองหนุ่มยืนตรงริมตึกต่อ ทั้งคู่ทอดสายตามองไปยังสีสันของมหานครเบื้องหน้าที่สวยงามไม่แพ้ที่ใดในโลก “กิจการของบ้านนาย ได้ข่าวว่าไปได้สวยนี่” “เรื่อยๆน่ะ ยังไม่ถึงที่สุดหรอก คงจะต้องพัฒนาอีกเยอะแหละ ยังไงบ้านฉันก็ไม่รวยเท่าบ้านนายหรอก” เพราะในบรรดาทั้งห้าตระกูล กมลโรจน์มีทรัพย์สินน้อยที่สุด “ต้องพยายามอีกเยอะเลย” วิศรุตยิ้มนิดๆ “แต่นายเป็นลูกโทน ไม่เหมือนฉัน อย่าลืมสิ ฉันยังมีพี่ใหญ่อีกคนให้แบ่งสมบัติ” “พี่ชายนายเป็นลูกติดของคุณป้า ยังไงก็ได้ไม่เท่านายหรอก” “นั่นสินะ เพราะอย่างนี้ไง ฉันถึงต้องแต่งงานตามพินัยกรรม” พูดจบ เขายกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม สายตาบ่งความกังวลกับเรื่องนี้อยู่เหมือนเดิม นั่นเป็นสิ่งที่ฐากูรมองเห็นมาตลอด เขาพอจะรู้ว่าวิศรุตไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่เรื่องที่พินัยกรรมของเจ้าสัวแห่งมหรรณพระบุให้เขาแต่งงานกับผู้หญิงจากตระกูลอรไอยราเท่านั้น หมอนี่เป็นคนที่ไม่ชอบให้ใครบังคับ ค่อนข้างเป็นคนหยิ่งยโส เชื่อมั่นในตนเอง เพราะฉะนั้น หากไม่ใช่เพราะเรื่องมรดก เขาก็คงไม่เลือกทั้งอรวราและนิดนิดา “แล้วนายละ เมื่อไหร่จะพาแฟนมาแนะนำให้รู้จัก” “ยังไม่มี” “พูดเป็นเล่น” ฐากูรนึกถึงใครบางคนที่ซ่อนอยู่ในใจ “ฉันไม่รู้ว่าอย่างพวกเรานี่ จะมีสิทธิ์แต่งงานกับผู้หญิงที่รัก หรือต้องแต่งงานกับผู้หญิงที่เหมาะสมเท่านั้น” คราวนี้ วิศรุตถึงกับเงียบกริบ นั่นเพราะมันเป็นเรื่องที่แทงใจดำเสียเหลือเกิน “นายยังไม่รู้อีกเหรอ อย่างพวกเรานะ ต้องแต่งงานกับผู้หญิงที่สามารถเชิดหน้าชูตาให้พวกเราได้เท่านั้น ต้องเป็นผู้หญิงที่อยู่ในระดับเดียวกัน หรือไม่ก็ต่างกันนิดหน่อย เงินมันก็ต้องต่อเงินสิ” ฐากูรยิ้มอย่างแห้งแล้ง ดวงตากรุ่นความตระหนกแผ่วบาง ก่อนจะถอนหายใจไปในอากาศเย็นๆ “ดีแล้วที่นายคิดอย่างนี้ เพราะคู่หมั้นของนายตอบโจทย์ของนายได้ทุกข้อเลย” “นายเองก็ควรจะมองหาผู้หญิงดีๆนะ อย่าคิดฝืนกฎเลย ไม่มีความสุขหรอก” “แต่ฉันมีความสุข” อยู่ๆฐากูรก็โพล่งออกมา คำพูดเด็ดขาดมั่นใจ แต่สายตานั้นบอกชัดว่ามีความกังวลฝังอยู่ลึกๆ “ฉันพยายามห้ามใจตัวเองแล้ว พยายามมองหาผู้หญิงอื่น แต่ฉันก็ไม่เคยทำได้สักที เพราะใจมันจะวกกลับมาหาทุกครั้ง มาหาใครบางคนที่ทำให้เรายิ้มได้ นายละไม่เคยรู้สึกอะไรแบบนี้บ้างเหรอ” วิศรุตขมวดคิ้วจนมุ่น รู้สึกร้อนวูบขึ้นในอก
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม