2
ภายในรถและฝนที่ตกหนัก
“พี่ธาม...”
“รังเกียจพี่เหรอ”
“ก็ ก็เปล่า...” นัยน์ตาระริกไหวช้อนขึ้นมองก่อนหลุบลงต่ำ
ยิ่งเธอเขินยิ่งน่ารัก ยิ่งเพิ่มความน่าแกล้งในสายตาคนมอง
“พี่ยังไม่เคยกอดชมพูเลย ยังไม่เคยหอมแก้ม ไม่เคยจูบ ดีนะที่น้องยังยอมให้พี่จับมือ”
“ทำไมคะ ดูน่าเบื่อไม่ทันใจเหมือนสาวฝรั่งที่พี่เคยคบเหรอ” คราวนี้ดวงตากวางน้อยเงยสบไม่หลบหลีก หรือเขากำลังประกาศเป็นนัยๆ ว่าความเหนียมอายของเธอมันน่าเบื่อ
“พี่ไม่เคยคบคนต่างชาติ”
จากคนกำลังเขินหน้าแดงกลายเป็นงอนตาปูด แต่ไม่ว่าจะอารมณ์ไหนพวงชมพูก็ไม่เคยไม่น่ารักในสายตาเขาเลย ธนนท์ทั้งคลั่งทั้งหลงเธอ เม็ดฝนที่ถล่มอย่างไม่ลืมหูลืมตาด้านนอก ยังไม่หนักเท่าความคลั่งรักของธนนท์
“ที่พี่จะพูดก็คือ พี่ต้องห่างจากชมพูหลายเดือนเลยนะ ไม่ได้เจอตัวเป็นๆ กันอีกนานเลย ขอพี่กอดสักครั้งได้มั้ย”
“ก็ทำไปแล้วจะต้องขออีกทำไม”
“งั้นขอหอมแก้มด้วยได้มั้ย”
“เมื่อกี้ก็เนียนไปทีหนึ่งแล้ว”
“งั้นขอจูบได้มั้ย จูบแรกของเราสองคนยังไม่เคยเกิดขึ้นเลยนะ เป็นแฟนกันแล้วถ้าไม่ให้พี่จูบแล้วจะเก็บจูบไว้ให้ใคร ไม่ให้จูบวันนี้จะมาร้องไห้เสียใจทีหลังไม่ได้นะ”
“ใครจะร้องไห้เสียใจกัน”
“เดี๋ยววันที่พี่ขึ้นเครื่องกลับอเมริกา ต้องมีคนนอนซมน้ำตาไหลแน่” ธนนท์แกล้งยั่วด้วยยิ้มหวานหยด ส่วนอีกคนเบะปากตวัดตามองค้อน “ขอจูบได้มั้ย”
พวงชมพูกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เสหลบดวงตาทรงเสน่ห์ที่แผ่อานุภาพร้ายจนท้องไส้ปั่นมวน หัวใจดวงเดียวที่มีก็วูบวาบหวั่นไหว เดี๋ยวก็เต้นแรงเดี๋ยวก็แผ่วเบาจนพวงชมพูควบคุมตัวเองไม่ได้
ผ่านไปนานนับนาทีที่ดวงตาสองคู่ตรึงผสานกันโดยไร้การปฏิเสธ หรือคำยินยอมจากหญิงสาว ธนนท์ติดกับดักเสน่หาที่ซ่อนในดวงตาล้ำลึก นิ้วหัวแม่มือสัมผัสไล้เรียวปากนุ่ม เป็นส่วนประกอบบนใบหน้าของพวงชมพูที่ธนนท์ชอบมากที่สุด
ภาพใบหน้าของกันและกันเริ่มพร่าเลือนเมื่อขยับเคลื่อนจนปลายจมูกได้สัมผัส และตามมาด้วยริมฝีปากที่แตะกันแผ่วเบา พวงชมพูรู้สึกจั๊กจี้และวูบวาบ หัวใจกระหน่ำถี่แรง หากไม่ได้เสียงฝนถล่มช่วย เสียงหัวใจเธอคงดังทะลุจนธนนท์ได้ยินแล้วแซวให้อายซ้ำ
ใบหน้าหล่อผละออกเล็กน้อย ตบท้ายด้วยยิ้มละมุนอย่างพอใจ สองมือเปลี่ยนมากุมซีกแก้มแดงเรื่อ พวงชมพูเงยสบโดยไม่เอ่ยรีวิวความคิดเห็น และในขณะที่ทำก็ไม่มีการขัดขืน เขาจึงทึกทักว่าจูบอีกรอบได้
เขาเป็นจูบแรกของเธอ ส่วนเธอไม่ใช่จูบแรกของเขา แต่กล้ายืนยันหนักแน่นว่าเป็นจูบแรกที่สั่นสะเทือนหัวใจธนนท์ได้รุนแรงเหลือเกิน คงเพราะเธอเป็นผู้หญิงที่มีอิทธิพลที่สุดต่อความรู้สึกในชั่วขณะนี้ เขากำลังหลงเธอมากและปรารถนาดูใจกันต่อไปอีกเรื่อยๆ
แรกทีเดียวธนนท์หวังเพียงได้ชิมรสริมฝีปากสวยของคนรักก่อนจากกันไปคนละซีกโลก ไม่ได้คาดหวังถึงอย่างอื่น....อย่างอื่นที่ว่าคือความต้องการโดยธรรมชาติของร่างกาย
ริมฝีปากสองคู่ยังบดเบียดสัมผัสกันโดยพวงชมพูก็ไม่มีทีท่าผลักไส เธอเองก็หลงใหลเคลิบเคลิ้มไปกับรสจูบ สำนึกถูกผิดในสมองโดนฤทธิ์จุมพิตครอบงำ ความวาบหวามซ่านซึมลงกลางใจและแผ่ออกไปสู่ร่างกายภายนอก สมองเธอไม่รับรู้สิ่งใดนอกจากรสสัมผัสจากเรียวปากของเขา
ไม่รู้ตัวสักนิดว่าเบาะที่นั่งอยู่เอนราบลงตั้งแต่เมื่อใด ไม่รู้เลยว่าร่างสูงกำลังคร่อมทับ ไม่ได้อยู่ในลักษณะนั่งจูบกันเหมือนเมื่อครู่
“พี่ชอบชมพูมาก ชมพูล่ะชอบพี่มั้ย”
ริมฝีปากเลิกบดเบียดกันชั่วคราว พวงชมพูจึงเพิ่งรู้ตัวว่าตำแหน่งท่าทางผิดแผกไปจากเดิม ดวงตากวางน้อยกวาดมองคนด้านบน แล้วเลื่อนมองเรือนร่างบุรุษที่กล้ามเนื้อเป็นลอนชัดตั้งแต่หน้าอกไล่ลงจนถึงช่วงวีไลน์ ธนนท์เชยคางเรียวให้ดวงตาสบกันเมื่อเธอไม่โฟกัสที่เขา
“รักพี่มั้ย”
รักเหรอ? มันก็รักแหละ หวั่นไหวมาตั้งแต่ครั้งที่เจอกันบนโลกออนไลน์แล้วด้วยซ้ำ แต่เมื่อครู่เขาพูดว่า ‘ชอบ’ ใช่คำว่า ‘รัก’ เสียที่ไหน ไม่เอาเปรียบไปหน่อยเหรอหากจะให้เธอยอมรับว่ารักเขาก่อน
“ทำไมไม่ตอบ” ก็ไม่รู้ทำไมถึงเกิดใจร้อนอยากได้ยินคำที่เธอไม่เคยเอ่ย ยิ่งเธอเงียบยิ่งทำใจเขาปั่นป่วน ก็ค่อนข้างมั่นใจอยู่บ้างพวงชมพูหวั่นไหวกับตนไม่น้อย แต่เพราะไม่เคยได้ยินเธอเปลือยความรู้สึกออกมามันเลยอดใจแป้วไม่ได้
“หรือชมพูไม่รักพี่”
“ไว้พี่ธามกลับมาคราวหน้าชมพูค่อยบอก”
“ใจร้ายจัง ทั้งที่พี่รักชมพูจนจะบ้า”
รัก...เขาพูดว่ารัก
สาวน้อยยิ้มแก้มปริ แรงสั่นสะเทือนของหัวใจรุนแรงขึ้นอีกเท่าตัว และแม้ได้ยินในสิ่งที่ปรารถนา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอต้องเอ่ยตอบในทันที
“อยู่ท่านี้ไม่เมื่อยเหรอคะ ทำไมเอนเบาะชมพูลงแบบนี้”
“อยู่ท่านั้นนานๆ พี่ก็กลัวชมพูเมื่อย ชมพูกอดพี่หน่อยสิ” คำอ้อนได้ผลเพียงเรียกยิ้มขำปนเขิน เมื่อเห็นเธอไม่ทำตามที่ขอ มือหนาจึงคว้ามือบางวางแหมะบนแผ่นอก เธอจะชักกลับแต่เขาตรึงไว้แน่น
“พี่ธาม...”
“กอดพี่หน่อย กอดหน่อยน่า เดี๋ยวพี่ก็ไม่อยู่แล้วนะ”
“ทำไมชอบพูดย้ำแบบนี้เรื่อยเลย ไม่คิดจะกลับเมืองไทยอีกแล้วเหรอคะ”
“กลับสิครับ ไม่ทิ้งชมพูหรอกนะ แต่พี่อยากให้น้องกอดพี่บ้างนี่นา”
เจอลูกอ้อนตาปริบๆ แบบนี้แล้วพวงชมพูจะใจร้ายอย่างไรไหว เรียวแขนเล็กอ้อมประสานบนแผ่นหลังเปลือย ลงน้ำหนักมืออย่างแผ่วเบา แต่ธนนท์กลับโถมตัวลงมาทำอย่างกับโดนดึงมากอด
สองร่างแนบชิดจนแทบผนึกเป็นหนึ่งเดียว อารมณ์ด้านในโหยหาและปั่นป่วน ต่างคนต่างกลืนน้ำลายขณะมองหน้ากัน ต่างเห็นแววตาที่ราวกับมีคำถามเดียวกันว่า ‘ทำแบบนี้ควรแล้วหรือ?’
ทว่าสำนึกอื่นใดถูกผลักไสด้วยริมฝีปากที่ทาบกันสนิทอีกครั้ง พวงชมพูไม่ปฏิเสธมีเพียงเสียงอึกอักที่คล้ายเป็นการตอบรับรสจูบเสียมากกว่า มือของธนนท์เริ่มไม่นิ่งไต่เลื้อยบนเนื้อเย็นเนียนลออ ลากไล่ไปมาจนแขนเสื้อไม่อยู่ในตำแหน่งเดิม เกาะอกที่กระชับอยู่บนเนินก็หลุดลุ่ยตามไปด้วย ฝ่ามือร้อนล้วงใต้บราเซียร์ก่อนกุมไว้ทั้งเต้า
“อื้อ พี่ธาม”
“ขอพี่นะ”
พวงชมพูไม่ตอบ ดวงตาไหวระริกเงยมองเขา กัดริมฝีปากจนห้อเลือดอย่างชั่งใจ รู้อยู่เต็มอกว่าไม่ควร แต่ทำไมไม่พูดออกไปอย่างเด็ดขาด ทำไมสองมือไม่ยกต่อต้าน ข้างในร่างกายราวกับถูกแผดเผา ทั้งเรียกร้องและต้องการ
สิ่งที่เกิดขึ้นมันคือความรู้สึกแปลกใหม่ เธอทั้งอยากรู้และอยากลอง สัมผัสของเขาหนักแน่นแต่เต็มไปด้วยความอบอุ่น แววตาที่จ้องประสานก็กรุ่นเสน่หาอย่างลึกซึ้ง
และการไม่ตอบของพวงชมพู ธนนท์ก็ทึกทักว่านั่นคือคำอนุญาต ผิดชอบชั่วดีถูกโยนทิ้งไปนอกรถ มือแกร่งร่นชุดสวยไปกองตรงบั้นเอว ปลดตะขอบราด้านหลังออกเพียงเสี้ยววินาที เผยให้เห็นหน้าอกกลมกลึงแต้มไฝเม็ดเล็กตรงเนินอกซ้าย
ดวงตาพวงชมพูขยายตื่น เสียงอึกอักกำลังจะเปล่งแต่ถูกผนึกด้วยเรียวปากร้อน เขารุกเธออย่างเต็มที่ ลากฝ่ามือสัมผัสนวลเนื้อทุกส่วนสัดและลามไปบุกรุกส่วนสงวนในที่สุด
“โอ...พี่ธาม” ความเสียวซ่านจู่โจมจนพวงชมพูไม่เป็นตัวของตัวเอง รุ่มร้อนซ่านเสียว สุ่มเสียงแหบพร่าโดยอัตโนมัติ
“ไม่ต้องกลัวนะ”
นวลเนื้อหอมสะอาดราวกับเธออาบน้ำด้วยกลิ่นดอกไม้ผสมเปลือกสน สดชื่นจนอยากกัดหอมดอมดมอยู่อย่างนั้น ริมฝีปากของธนนท์จับจองทุกตารางนิ้วบนผิวเนื้ออ่อน ครอบปากบนปลายยอดถันเคล้าคลึงดูดอย่างกระหายก่อนไล่ลิ้นลงต่ำตวัดเลียตรงจุดกึ่งกายสาว พื้นที่คับแคบในห้องโดยสารเป็นอุปสรรคก็จริง แต่ไม่มากจนถึงขั้นต้องถอดใจ
พวงชมพูทั้งหายใจหอบทั้งครางเสียงกระเส่าสลับกัน รสรักครั้งแรกเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย ตื่นเต้น กระสันเสียว กังวลกลัว ยิ่งอาวุธของบุรุษชันผงาดปราศจากอาภรณ์กีดขวาง ความรู้สึกของเธอยิ่งพลุ่งพล่านปั่นป่วน ครั้นจะออกปากปฏิเสธก็ไม่ทันการในเมื่อธนนท์ผนึกรวมเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างลึกซึ้ง
“อ๊ะ อื้อ พี่ธาม”
“เจ็บใช่ไหม ให้หยุดไหม”
เธอส่ายหน้ากับคำถามเจือห่วงใย...เธอส่ายหน้าทำไมทั้งที่กำลังรู้สึกผิดต่อพ่อแม่ แต่อีกซีกหนึ่งของใจก็รู้ดีว่าเธอมาไกลเกินกว่าจะกลับไปจุดเดิม ถลำลึกจนปล่อยอารมณ์อยู่เหนือสำนึกทั้งปวง
ช่างเถอะ...นาทีนี้ไม่มีอะไรสำคัญ ไม่มีอะไรต้องคิดอีกแล้ว เธอเสียบริสุทธิ์ไปแล้ว เธอเป็นของเขาแล้ว ความเสียใจค่อยว่ากันทีหลัง
สาวน้อยบิดกายเร่า ซอกขาทั้งฉ่ำและไร้เรี่ยวแรง ปล่อยให้ชายหนุ่มเป็นคนนำทางท่ามกลางพื้นที่คับแคบและฝนที่ไม่เคยซาเสียงลงแม้แต่น้อย บรรยากาศยังมืดฟ้ามัวดิน แม้เป็นช่วงเวลากลางวันแสกๆ แต่มั่นใจว่าไม่มีใครรู้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในรถหรู บริเวณนี้ไร้บ้านเรือนเป็นสิ่งปลูกสร้าง ยิ่งในยามที่ฝนตกแรงยิ่งไม่มีแม้แต่รถราแล่นผ่าน
สองหนุ่มสาวปล่อยตัวปล่อยใจไปกับไฟราคะ อุณหภูมิร่างกายไร้วี่แววลดต่ำ ตรงกันข้ามกลับร้อนฉ่าสวนทางอากาศด้านนอก พวงชมพูหมดความกังวลต่อพฤติกรรมใจแตก ละทิ้งทุกความกังวลและไหลลื่นไปตามน้ำ เขาชวนเปลี่ยนไปอยู่เบาะหลังเธอก็ตามไปไม่คัดค้าน เขาสอนเขาทำอะไรกับเรือนร่างเธอก็ปล่อยใจตักตวงกับความสุขในรสรักครั้งแรก จวบจนหมดแรงเหน็ดเหนื่อย ต่างคนต่างสวมเสื้อผ้าพร้อมอุณหภูมิร่างกายที่กลับมารับรู้ภาวะจริง
เมื่อไฟสวาทมอดลงก็หลงเหลือควันของจิตสำนึก พวงชมพูดึงแขนเสื้อรั้งไว้บนบ่าทั้งสองข้างขณะพ่นลมหายใจหน้าเครียด ธนนท์ที่กลัดกระดุมเม็ดสุดท้ายเสร็จรับรู้อารมณ์ของเธอจึงหันมองเต็มตา เขากลัวเธอจะรู้สึกแย่
“เป็นอะไรครับ”
พวงชมพูให้คำตอบด้วยการส่ายหัวหลุกหลิกและไม่เหลียวกลับไปมองคนถาม เบนสายตาสำรวจเม็ดฝนที่ยังคงปริมาณเท่าเดิมกับตอนที่รถเสียหลักเข้ามาในป่าสน
“พี่ทำให้ไม่พอใจหรือเปล่า” ร่างสูงเขยิบเข้าใกล้พลางคว้ามือเล็กไปกุมไว้ “พวงชมพูพี่ขอโทษนะที่เอาแต่ใจ ไม่ยับยั้งอารมณ์ ขอโทษจริงๆ นะ พี่พร้อมจะรับผิดชอบ”
ถ้อยคำหนักแน่นเรียกพวงชมพูให้หันกลับไปมองอย่างสงสัย “รับผิดชอบอะไรคะ”
“ก็รับผิดชอบชมพูไง พี่ล่วงเกินเราไปแล้ว”
“พี่ธามเพิ่งเคยมีอะไรกับผู้หญิงครั้งแรกเหรอคะ”
“เปล่า ไม่ใช่ครั้งแรก ทำไมถึงคิดว่าครั้งแรก” หรือลีลาเขาดูอ่อนหัดไป?
“ก็พี่พูดเหมือนกับพี่รับผิดชอบผู้หญิงทุกคนที่พี่มีอะไรด้วย”
“ไม่ใช่ซะหน่อย ชมพูเป็นคนแรกที่พี่อยากรับผิดชอบ”
เธอรู้ตัวว่ายังอยู่ในช่วงที่วุฒิภาวะไม่ได้เติบโตเท่าใด พยายามไม่หวั่นไหวหลงคารม แต่มันห้ามกันง่ายเสียเมื่อไร ยิ่งได้สบตาปริมาณความรักก็ยิ่งพอกพูน
ณ เวลานี้เธอเห็นความจริงใจของเขา เชื่อว่าเขารักและอยากรับผิดชอบจริง
“พี่ธามยังเรียนไม่จบ ชมพูก็อยู่แค่มอหก พี่จะมารับผิดชอบอะไรคะ พี่ก็ไม่ได้ผิดคนเดียวนี่คะ”
พอพูดเถรตรงแบบนี้ก็นึกละอายใจเหมือนกัน ทั้งจูบแรก กอดแรกกับผู้ชายที่ไม่ใช่คนในครอบครัว รวมถึงสัมพันธ์ลึกซึ้งครั้งแรกล้วนเกิดขึ้นปุบปับในวันเดียวอย่างไม่ทันตระเตรียมใจ
เพิ่งรู้ว่าตัวเองเป็นคนใจง่ายแค่ไหนก็วันนี้ ทั้งที่ขณะทำมีสติสมบูรณ์ รู้ทั้งรู้ว่าไม่ควรแต่ก็เตลิดไปตามอารมณ์
“งั้นชมพูอย่าทิ้งพี่นะ”
พวงชมพูยิ้มขำกับการออดอ้อน คำพูดนี้เป็นผู้หญิงหรือเปล่าที่ต้องร้องขอ ธนนท์ล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบตลับหนังสีขาวขนาดเล็กยื่นให้เธอ
“อะไรคะ”
“เปิดดูสิครับ”
หนุ่มนักเรียนนอกคะยั้นคะยอหน้าระรื่น พวงชมพูง้างตลับดูอย่างไม่รอช้า รูปลักษณ์กล่องก็พอเดาได้ว่าเป็นเครื่องประดับ แต่ไม่คิดว่าสิ่งที่อยู่ด้านในจะเป็นแหวนจริงๆ พวงชมพูเลิกคิ้วสูงมองเขาอย่างเป็นคำถาม
“สวยไหมครับ”
“ให้ชมพูเหรอคะ”
“ใช่สิ ถ้าไม่ให้ชมพูแล้วจะเอาออกมาอวดทำไม เพชรก็เพชรสีชมพูนะ รู้ไหมว่าเพชรชมพูเป็นหนึ่งในเพชรที่หายากที่สุดในโลก พี่อยากได้มาให้เราอยู่แล้ว”
“ดูจะแพงมากเลยนะคะ เอาให้ชมพูทำไม พี่เก็บไว้ก่อนเถอะค่ะ”
“ก็อยากให้ตอนนี้นี่ รับไว้เถอะนะ มานี่มาเดี๋ยวใส่ให้” ธนนท์ดึงแหวนเพชรจากตลับแล้วบรรจงสวมบนนิ้วนางข้างซ้าย พวงชมพูมองเขาอย่างตกใจพลางสลับมองแหวนบนนิ้ว “พอดีเป๊ะเลย พี่นี่เลือกเก่งเนอะ ดูสิยิ่งเพชรชมพูอยู่บนนิ้วขาวๆ ของชมพูก็ยิ่งเปล่งประกายสวย”
“เอ่อ...”
“ถือว่าพี่ขอจองไว้ก่อนนะ”
พวงชมพูพูดไม่ออก ได้แต่มองคนหน้ายิ้มหวานสลับกับแหวนน้ำงามบนเรียวนิ้ว ส่วนก้อนเนื้อในอกซ้ายก็ไม่เคยได้พักสงบเสียที ยังเต้นกระหน่ำถี่แรงแทบทุกครั้งที่สบดวงตาคู่คม ความรู้สึกเต็มตื้นที่ท่วมท้นในอกหาใช่เพราะได้รับของราคาแพง แต่พวงชมพูเห็นถึงความรักที่เขามีให้ ธนนท์ดึงร่างบางซบอก ประทับจุมพิตบนขมับ ลูบเรียวแขนขับไล่ความหนาวเย็นให้พ้นกายเธอ
“พี่รักชมพูนะ ถ้าพี่กลับไปเรียนต่อชมพูต้องรอพี่นะ ห้ามมีใคร รักระยะห่างมันต้องไม่น่ากลัวสิเนอะ พี่จะคอลหาชมพูทุกวัน และจะกลับไทยทุกช่วงปิดเทอมเลย นี่ถ้าเชียงใหม่กับนิวยอร์กใกล้กันเหมือนกรุงเทพฯ พี่คงมาหาเราทุกเช้าเย็น”
“เวอร์ไปแล้วค่ะ”
“พูดจริงนะ”
“ไว้ชมพูมีอิสระจากพ่อเมื่อไหร่ พี่หมายถึงถ้าคุณพ่อเริ่มปล่อยไม่เข้มงวดกับชมพูมากเกินไป พี่จะส่งตั๋วเครื่องบินให้เราบินไปหาพี่นะ อืม..หรือไม่พี่ก็อาจจะบินมารับชมพูที่นี่เลย”
“พี่ธามรักชมพูจริงๆ เหรอคะ”
“แล้วทำไมถึงคิดว่าตัวเองไม่คู่ควรกับความรักของพี่ แม้สิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นมันฉาบฉวย แต่ความรู้สึกของพี่ไม่ใช่แบบนั้น ชมพูอย่าคิดมากนะ”
“ไม่คิดไม่ได้ ชมพูไม่คิดว่าตัวเองจะใจง่ายขนาดนี้ รู้สึกไร้ค่าอย่างบอกไม่ถูก” แม้เพศรสที่เพิ่งผ่านพ้นไปมอบประสบการณ์รักที่เหนือขั้น แปลกใหม่และรู้สึกดีราวกับกายหยาบไร้น้ำหนักลอยละล่องไปกับสายลม ทว่าความปรีดานั้นไม่อาจกลบความรู้สึกผิดที่มีต่อตัวเองได้
“มันเป็นเรื่องปกติของมนุษย์นะ พี่ชวนชมพูใจแตกเอง อย่าโทษตัวเองแบบนั้นสิ พี่สัญญานะว่าจะมั่นคงกับพวงชมพูคนเดียว”
ภายใต้รอยยิ้มที่พยักหน้าตอบรับซ่อนไว้ด้วยความไม่แน่ใจ พวงชมพูอยากโต้วาทีกับแฟนหนุ่มในหัวข้อความมั่นคงของหัวใจ แต่กลัวเป็นการทะเลาะและอาจทำให้เธอดูงี่เง่า เขาต้องข้ามฟ้ากลับไปเรียนต่อที่มหานครนิวยอร์กแวดล้อมด้วยบรรดาผู้หญิงที่โปรไฟล์สวยเลิศ แน่นอนว่ามีคนที่ดีกว่าเธอมากมายและเขาเองก็ไม่ใกล้เคียงกับคำว่าขี้ริ้วขี้เหร่สักนิด ทั้งหน้าตาดีมีเสน่ห์ ครบเครื่องที่สุดเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะมีได้
แต่เอาเถอะ พนันเสี่ยงกับรักระยะไกลดูสักตั้ง อนาคตใครก็ตอบไม่ได้ มีเพียงความรักของกันและกันเท่านั้นที่จะพิสูจน์ความเที่ยงแท้
“พวงชมพู...พี่ชอบชื่อนี้มากเลย กะว่าก่อนขึ้นเครื่องจะหาซื้อเมล็ดพวงชมพูเอาไปปลูกที่อะพาร์ตเมนต์ที่นู้น”
“ที่บ้านชมพูมีนะคะ เดือนหน้าพ่อกับแม่กำลังจะเปิดธุรกิจใหม่เป็นร้านขายพันธุ์ไม้ ซึ่งก็มีเมล็ดพวงชมพูขายด้วยค่ะ อยากได้จริงเหรอคะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ชมพูเอามาให้”
“ดีเลยครับ พี่จะสรรหาวิธีปลูกให้ได้เลย”
“จะรอดูนะคะว่าปลูกขึ้นหรือเปล่า” เรียวแขนเล็กเลื่อนกอดรอบเอวสอบเมื่อรู้สึกสบายใจขึ้นบ้างแล้ว ยิ่งเอนหน้าซบอกฟังเสียงหัวใจ ก็ยิ่งรู้สึกดีขึ้นอย่างประหลาด “เอ่อ...ว่าแต่...”
“อะไรครับ”
“เมื่อกี้ได้ป้องกันไหมคะ”
“สารภาพว่าไม่ได้ป้องกัน พี่ไม่คิดว่าเราจะมีอะไรกันก็เลยไม่ได้เตรียมตัว”
พวงชมพูดึงตัวเองเป็นอิสระจากอ้อมกอด มองคู่สนทนาดวงตาเป็นกังวล
“พี่ธามถ้าชมพูท้องขึ้นมาจะทำยังไง”
“ถ้าชมพูเครียดเดี๋ยวพี่ไปซื้อยาคุมฉุกเฉินให้นะ ตอนนี้ฝนเริ่มเบาแล้วไปเที่ยวกันต่อมั้ย หรือว่าจะอยู่ในรถต่อดี” ยิ้มแพรวพราวมีเลศนัยเรียกแก้มนวลขึ้นสีแดงเรื่อก่อนตามมาด้วยดวงตาตวัดค้อน พวงชมพูไม่เอ่ยอะไรอีก เปิดประตูลงจากรถแล้วเปลี่ยนไปนั่งข้างคนขับ ธนนท์จึงตามไปทำหน้าที่เดิม
“พี่ธามคะรถนี้เช่ามาใช่มั้ย แล้วกล้องหน้ารถบันทึกเสียงเราด้วยมั้ย”
“เดี๋ยวพี่จัดการให้”
ธนนท์รับรู้ความกังวลของหญิงสาว เขาเองก็ไม่ทันฉุกคิดถึงอุปกรณ์ที่ติดตั้งมาในรถเช่า เสียงกระเส่ายามบรรเลงเพลงรักอาจบันทึกอยู่ในเมมโมรี่ด้วย ธนนท์จัดการล้างข้อมูลการ์ดก่อนเคลื่อนล้อออกไปยังถนนเส้นเดิม