Ep.9
Baibua talk.
สองวันต่อมา~
Rrrrrrrr~ Rrrrrrrrrr~
"อืออออ~" โทรศัพท์ที่กรีดร้องเสียงดังอย่างน่ารำคาญอยู่ข้างๆ หู ทำให้ฉันต้องงัวเงียตื่นขึ้นมาโดยที่ยังไม่ถึงเวลาที่ต้องตื่น
Rrrrrrrrr~ Rrrrrrrrr~
ใครกันนะที่บังอาจโทรมาแต่เช้าขนาดนี้ ไม่รู้หรือยังไงว่ามันรบกวนเวลานอนของคนอื่น ฉันที่ยังมีอาการสมองเบลอจากการนอนไม่พอ เริ่มคลำมือสะเปะสะปะเพื่อหาโทรศัพท์ที่มันยังดังไม่หยุดโดยที่ยังไม่ลืมตา เวลาตื่นนอนตอนเช้าๆ ฉันมักจะเป็นแบบนี้เสมอ ฉันจะเป็นคนที่หวงเวลานอนของตัวเองมาก เพราะชีวิตฉันไม่ได้สุขสบายเหมือนคนอื่น ในแต่ละวันต้องทำงานหนักแถมยังต้องเรียนไปด้วย มันก็เลยทำให้ฉันต้องเหนื่อยมากกว่าวัยรุ่นทั่วๆ ไป
เพราะฉะนั้นเวลานอนคือเวลาเดียวที่ฉันรู้สึกว่าตัวเองได้พักผ่อน ฉันก็เลยจะมีอาการงัวเงียและรู้สึกหงุดหงิดนิดๆ ทุกครั้งที่โดนรบกวนเวลานอน
"ฮัลโหล~" ฉันกดรับและกรอกเสียงที่งัวเงียของตัวเองลงไปทันทีที่หาโทรศัพท์เจอ กดรับไปทั้งๆ ที่ยังไม่ลืมตาและไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครเป็นคนโทรมา
[เธอยังไม่ตื่นอีกเหรอ?] ปลายสายถามฉันกลับมาทันทีที่ฉันพูดจบ
"อืออ~" ส่วนฉันก็ตอบปลายสายกลับไปด้วยน้ำเสียงงัวเงียเช่นเดิม
[...] จากนั้นปลายสายก็เงียบไปไม่ได้พูดอะไรกลับมา
"..." ส่วนฉันพออีกฝ่ายเงียบฉันก็เงียบตาม และที่ฉันเงียบไม่ใช่อะไร เป็นเพราะความง่วงของฉันเอง มันเลยทำให้ฉันนอนหลับไปอีกรอบ หลับไปทั้งๆ ที่ยังคุยโทรศัพท์ไม่รู้เรื่อง หลับไปทั้งๆ ที่ฉันเองก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนโทรเข้ามา...
08.00 น.
วันนี้เป็นวันแรกที่ฉันต้องเริ่มทำงานในตำแหน่งผู้จัดการส่วนตัวของศิลปินดังที่มีชื่อเสียงโด่งดังในระดับ Worldwide
ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าต่อจากนี้ตัวเองจะต้องเจอกับอะไรบ้าง แต่จากที่ฟังๆ เขาพูดวันนั้นก็ไม่น่าจะมีอะไรมากนะ ดูเป็นงานง่ายๆ สบายๆ ก็แค่จัดตารางงานให้เขาในแต่ละวันแล้วก็ดูแลความเรียบร้อยต่างๆ ที่เกี่ยวกับเขาเท่านั้นเอง... แกทำได้สบายๆ อยู่แล้วใบบัว แต่แค่แกต้องอดทนกับความประสาทเสียของเขาเท่านั้นเอง นอกนั้นก็ไม่น่ามีอะไรหรอก...มั้ง!?
"ฮึบ!" ฉันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อเรียกความมั่นใจให้ตัวเอง หลังจากฉันยืนทำใจและยืนให้กำลังใจตัวเองอยู่หน้าบริษัทค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ของประเทศมาได้สักพักแล้ว
ฉันมาถึงนานแล้วละ แต่มันยังไม่ถึงเวลาเริ่มงาน เลยยังไม่อยากเข้าไปเจออีตานั่น กลัวประสาทกินตั้งแต่เช้า ก็เลยขอนั่งทำสมาธิ ทำใจโง่ๆ อยู่หน้าบริษัทก่อนดีกว่า อีกสักพักค่อยจะเข้าไป
และฉันก็นั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยต่ออีกสักพัก จนใกล้ๆ จะถึงเวลาฉันก็เลยต้องจำใจลุกขึ้นและเดินเข้าไปในตึก เอาจริงๆ มันก็ตื่นเต้นอยู่นะ งานนี้ก็ถือว่าเป็นงานที่ท้าทายใช้ได้เลยละ ไม่เคยทำหรอกแต่เคยดูละครมาบ้าง มันก็ไม่น่าจะต่างจากละครเท่าไหร่หรอกหรืออาจจะโหดร้ายมากกว่าก็ได้
"มาสาย" และทันทีที่ฉันเปิดประตูและก้าวเท้าเข้ามาในห้องทำงานที่เป็นห้องส่วนตัวของเขา เจ้าของห้องที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้านายของฉันก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ในขณะที่สายตายังจดจ้องอยู่ที่แท็บเล็ตตรงหน้า
"ตอนนี้ 08.45 เหลือเวลาอีกตั้ง 15 นาทีกว่าจะถึงเวลาเริ่มงาน" ฉันพูดบอกเขาไปด้วยน้ำเสียงปกติ ก็เห็นๆ อยู่ว่าฉันไม่ได้มาสาย ฉันมาก่อนเวลาด้วยซ้ำเถอะ!
"นั่นมันเวลางานของพนักงานทั่วไป แต่เธอไม่ใช่" พูดจบเขาก็เงยหน้าจากแท็บเล็ตขึ้นมามองฉันด้วยสายตานิ่งๆ ซึ่งมันแตกต่างจากทุกครั้งที่ฉันเคยเจอ
"แล้วฉันไม่ใช่พนักงานหรือไง" ฉันถามเขากลับไปอย่างไม่กลัว ก็วันที่ฉันเข้ามาเซ็นสัญญาฉบับชั่วคราวเมื่อวันก่อน ในสัญญาก็ยังเขียนอยู่เลยว่าฉันก็คือพนักงานคนหนึ่งของบริษัทนี้ ถึงแม้มันจะแค่ชั่วคราวก็เถอะ!
"เธอเป็นพนักงานของที่นี่ก็จริง แต่เวลาทำงานของเธอมันไม่ได้เหมือนพนักงานทั่วไปที่จะเข้างานเก้าโมงและเลิกงานห้าโมงเย็น"
"หมายความว่าไง" ฉันเริ่มขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจที่เขาพูด หมายความว่ายังไงไอ้ที่ว่าเวลาทำงานของฉันไม่เหมือนพนักงานทั่วไป
"ก็หมายความว่าเวลาทำงานของเธอมัน...ขึ้นอยู่กับฉัน"
"!?" นี่มันอะไรกันวะเนี่ย!?
"..."
"ทำไมฉันไม่เห็นเงื่อนไขนี้ในสัญญา"
"ฉันว่าสัญญามันก็ชัดเจนอยู่นะ เธอลองอ่านดูดีๆ อีกทีสิ" พูดจบเขาก็เปิดลิ้นชักแล้วหยิบเอกสารสัญญายื่นมาให้ฉันอ่านมันอีกรอบ
"..." ซึ่งฉันก็รับมันมาอ่านอย่างรวดเร็ว
"เจอมั้ย ?" เขาถามขึ้นมาหลังจากที่ปล่อยให้ฉันอ่านได้สักพัก
"ไม่เจอ ฉันไม่เห็นว่ามันจะมีบอกไว้ตรงไหนเลย" ฉันตอบเขาทั้งที่สายตายังจดจ้องอยู่กับเอกสาร หายังไงมันก็หาไม่เจอจริงๆ นะ ไอ้เรื่องเวลางานที่เขาหมายถึงน่ะ
"ตรงดอกจันทร์ข้างล่างไง ได้อ่านหรือเปล่า ?" ดอกจันทร์ข้างล่างงั้นเหรอ พอได้ยินเขาพูดแบบนั้นฉันก็เลื่อนสายตาลงไปอ่านตรงดอกจันทร์ที่เขาหมายถึงทันที...
***เวลาทำงานสามารถปรับเปลี่ยนและยืดหยุ่นได้ตามดุลพินิจของผู้ว่าจ้าง
...ถึงบางอ้อแล้วละ! ฉันเข้าใจแล้ว ก่อนเซ็นฉันก็อ่านตรงนี้นะ แต่ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร แล้วฉันก็คิดว่ามันมีเอาไว้ใช้แค่ยามฉุกเฉินเท่านั้น อย่างเช่นในกรณีที่เขาเลิกงานดึก หรือออกไปทำงานต่างจังหวัดอะไรแบบนี้ ไม่ได้คิดว่าจะต้องใช้แบบไม่มีสาเหตุแบบนี้ด้วย
"แต่ยังไงวันนี้ฉันก็ไม่ผิดนะ เพราะนายไม่ได้แจ้งฉันก่อนล่วงหน้า" ฉันวางเอกสารลงแล้วพูดกับเขา เอาจริงๆ ฉันก็ไม่ได้ผิดหรอก ไม่ผิดเลยด้วยซ้ำ เพราะถ้าเขาต้องการให้ฉันทำงานกี่โมงเขาก็ต้องแจ้งล่วงหน้า ฉันจะได้เตรียมตัวไง
"แต่เมื่อเช้าฉันโทรไปตามเธอแล้วนะ" เขาเอนตัวพิงเก้าอี้แล้วพูดขึ้นมาอย่างสบายๆ
"โทร ? นายโทรหาฉันตอนไหน" ทำไมฉันไม่รู้เรื่อง ถ้าโทรฉันก็ต้องรู้ตัวและตื่นมารับโทรศัพท์แล้วดิ แต่เมื่อเช้านี้ฉันนอนหลับสบายมาก แถมยังตื่นสายนิดๆ อีกด้วย
"ไม่รู้สึกตัวเลย ? แสดงว่าละเมอรับสายสินะ..."
"พูดอะไรของนาย ละมงละเมออะไร ?"
"เปิดโทรศัพท์ดูสิว่ามีสายจากฉันหรือเปล่า ?"
"??" ฉันขมวดคิ้วมองหน้าเขาอย่างไม่ไว้ใจก่อนจะล้วงกระเป๋าหยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมาเปิดดูว่าเขาได้โทรเข้ามาจริงๆ หรือเปล่า
"..."
"!!?" ดะ...เดี๋ยวนะ!? นี่มันอะไรกัน มันมีสายเขาโทรเข้ามาจริงๆ ตอนตีห้า!! แล้วที่สำคัญคือฉันกดรับสายเขาแล้วด้วย แถมยังถือสายคุยกับเขาตั้งเกือบครึ่งชั่วโมงอีกต่างหาก สาบานได้เลยว่าฉันไม่รู้ตัวเลยจริงๆ ตอนแรกคิดว่าตัวเองฝันซะอีก ฝันว่ามีคนโทรมาแล้วฉันก็รับสาย แต่ก็ไม่ได้คุยอะไรกันนะ แค่รับแล้วฉันก็หลับไปอีกรอบ
สรุปคือ..ไม่ใช่ฝัน?...แต่เป็นเรื่องจริง บัวเอ๊ย! ช่วงนี้แกเป็นอะไรของแกวะ! ทำไมถึงได้เอ๋อขนาดนี้นะ เฮ้ออออ~
"เอาเป็นว่าวันนี้วันแรกไม่เป็นไร ฉันก็ผิดเองแหละที่ไม่ได้แจ้งเธอล่วงหน้า" เงียบกันอยู่สักพักเขาก็พูดขึ้นพร้อมกับลุกขึ้นยืนและเดินไปหยิบแฟ้มเอกสารที่อยู่ในตู้แล้วส่งมาให้ฉัน
"?"
"นี่เป็นรายละเอียดงานทั้งหมดและทุกอย่างที่เกี่ยวกับฉันที่เธอต้องรู้"
"..." ฉันรับแฟ้มเอกสารมาถือเอาไว้อย่างว่าง่าย เพราะมันเป็นสิ่งที่ฉันต้องรู้และต้องทำอยู่แล้ว
"ส่วนงานวันนี้และพรุ่งนี้ของฉันอยู่ที่โต๊ะทำงาน งานของเธอวันนี้ก็คือศึกษาทุกอย่างที่อยู่ในแฟ้มนี้ แล้วก็จัดตารางงานของฉันวันพรุ่งนี้ให้เรียบร้อย"
"..."
"เธอสามารถใช้โน้ตบุ๊กหรือแท็บเล็ตของฉันทำงานได้เลยนะ และต่อไปนี้ลูกค้าจะติดต่องานฉันผ่านเธอ ทำให้ดีด้วย"
"รู้แล้วน่า" ทำงานก็ต้องทำให้ดีอยู่แล้วมั้ย พูดแบบนี้แสดงว่ายังไม่รู้จักฉันตอนทำงานน่ะสิ เดี๋ยวได้รู้กันว่าใครกันแน่ที่จะต้องทำให้ดี
"ฉันจะไปซ้อมเต้นที่ห้องซ้อม ส่วนเธอก็นั่งทำงานในนี้ไป ถ้ามีอะไรเดี๋ยวฉันจะโทรเรียก"
เขาพูดจบฉันก็ไม่ได้ตอบอะไร เขามองฉันอยู่สักพักก่อนจะเดินออกจากห้องเพื่อไปซ้อมเต้น และพอเขาเดินออกไปฉันก็เริ่มเปิดอ่านข้อมูลที่เขาให้ฉันมาทันที
วันนี้ก็เหมือนจะไม่มีอะไรมากนะเท่าที่ฟังเขาพูด แต่ก็อดที่จะหมั่นไส้ความขี้เก๊กของเขาไม่ได้ เหอะ! ทำเป็นเก๊กทำหน้าเข้มสั่งงานฉัน! เดี๋ยวได้เจอฤทธิ์นังบัวซะก่อน แล้วจะได้รู้ว่าใครมันจะแน่กว่ากัน!