“เอ่อ น้องชุนหลันข้าว่านี่ไม่ค่อยจะเหมาะ”
“มาเถอะน่า ฟังดนตรีไม่กี่เพลงก็กลับแล้วข้าไม่ได้พาท่านมาหาสตรีเสียหน่อยไม่ต้องกลัวตามมาเถอะ”
“แต่ว่า….เดี๋ยว..”
จวินซานหรงไม่เคยถูกสตรีแตะต้องเช่นนี้มาก่อน เขาไม่ได้นึกรังเกียจแต่ก็ไม่คุ้นเคย ชีวิตองค์ชายอย่างเขาแม้จะพบสตรีมากมายจนเกิดความเบื่อหน่ายแต่ก็ไม่เคยเห็นสตรีเช่นเล่อชุนหลันมาก่อน สุดท้ายทั้งคู่ก็เขามาด้านในของหอซานเหนียงจนได้
“ว้าวท่านดูสิ มองจากด้านนอกว่าสวยแล้ว ข้างในนี้ยังตกแต่งได้อย่างงดงาม ท่านดูบันไดวนนั่นสิยอดไปเลยว่าหรือไม่”
“คุณชายทั้งสองเชิญเจ้าค่ะ”
“ข้าขอโต๊ะที่จะเห็นนักดนตรีที่ชัดที่สุดหนึ่งโต๊ะ”
“แหม... คุณหนูเจ้าคะวันนี้บังเอิญว่าเป็นวันที่อวิ๋นเซียนจะร่ายรำดังนั้นโต๊ะดี ๆ เอ่อ เช่นนั้นข้าจะสั่งให้คนรีบจัดโต๊ะให้พวกท่านเลยเจ้าค่ะ”
“จัดโต๊ะให้ข้าและพี่ชายให้เร็วที่สุดที่สำคัญ.... ข้าเป็นคุณชาย!!”
เงินถุงใหญ่ถูกส่งให้หลี่มาม่าของหอชื่อดัง นางจึงรีบหุบปากและสั่งให้คนจัดโต๊ะเพื่อรับรองแขกพิเศษที่หน้าเวทีขึ้นอีกหนึ่งชุด จวินซานหรงถึงกับกลั้นขำไม่อยู่เมื่อเห็นว่าชุนหลันพยายามยัดเยียดให้ผู้อื่นเชื่อให้ได้ว่านางเป็นคุณชายน้อย แต่เมื่อเข้ามาเขาก็เริ่มสังเกตและมองไปรอบ ๆ
“มาเถอะพี่ซานหรงมานั่งก่อน ท่านเป็นบัณฑิตต่างถิ่นก็จริงแต่ดูแล้วข้าคิดว่าคงไม่ค่อยมาหาความสำราญในที่แบบนี้สินะ เฮ้อ ว่าก็ว่าเถอะก็ไม่ได้ต่างกับงานเลี้ยงในวังเท่าไหร่นัก…”
สายตาของชุนหลันหม่นลงเล็กน้อย ชาติก่อนนางไม่เคยใส่ใจสิ่งรอบตัว เป้าหมายนางมีเพียงหนึ่งเดียวคือวังหลวงแต่ครั้งนี้นางจะไม่คิดถึงคนใจร้ายเช่นหยางอี้เหรินผู้นั้นอีก
“น้องชุนหลัน เหตุใดจึงทำหน้าเช่นนั้น”
“คือว่า...เปล่าเจ้าค่ะ มาแล้ว ๆ การแสดงเริ่มแล้ว”
จวินซานหรงที่เติบโตในวังหลวงไม่ค่อยจะแปลกตากับสถานที่เช่นนี้เพราะในวังหลวงนั้นหรูหรามากกว่านี้แต่เมื่อการปรากฏตัวของสตรีพร้อมกับผีผาที่อยู่ในมือซึ่งค่อย ๆ ล่องลอยลงมาบนผืนผ้าสีขาวชั้นสองก็เริ่มทำให้เขารู้สึกแปลกหูแปลกตากับการแสดงที่ยอดเยี่ยมนี้
“ว้าวท่านดูสิ นางเริ่มบรรเลงแล้ว”
“นาง…”
“แม่นางอวิ๋นเซียน นางรำอันดับหนึ่งของหอซานเหนียงเจ้าค่ะ งดงามยิ่งนักท่านว่าหรือไม่”
“อืม… ใช่ งดงามจริง ๆ ด้วย”
แต่สายตาของเขากำลังมองสตรีที่เอ่ยถามโดยมิได้สนใจนางรำที่พึ่งลงมาจากช่องลอยฟ้าและมานั่งที่เวทีแม้แต่น้อย สายตาที่สดใสเช่นนี้และรอยยิ้มของนางสะกดเขาได้จนไม่ได้สนใจดนตรีตรงหน้า
“ว้าวว ยอดเยี่ยมยิ่งนักเจ้าดูสิจินถิงวิธีการดีดผีผาของนาง…”
เมื่อเริ่มจิบสุราจอกแรกจวินซานหรงก็รีบวางจอกลงทันทีและหันมามองจางหลิง เขาพยักหน้ารับรู้ได้ทันทีและเริ่มเดินออกไป เมื่อหันมามองที่เล่อชุนหลันก็พบว่านางเริ่มหน้าแดง
“น้องชุนหลัน!! นี่เจ้า…เมาหรือ”
“อ้อ ไม่ต้องห่วงพี่ซานหรงข้ามิได้เมาเพราะข้าไม่ได้ดื่มสุรา แค่ดมกลิ่นน่ะ ข้าแพ้สุราเพียงแค่ได้กลิ่นก็เริ่มหน้าแดงและอีกสักพักก็จะขึ้นผื่นแล้วล่ะ ข้าแค่อยากมาฟังดนตรีและดูการแสดง จบเพลงนี้ก็จะกลับแล้ว”
“ข้าว่าเรารีบออกไปจากที่นี่เถอะ เจ้าต้องไปให้ท่านหมอตรวจสักหน่อยนะ”
“นั่นสิเจ้าคะคุณหนูคุณชายจวินพูดถูก พรุ่งนี้มีงานเลี้ยงในวัง...”
“ข้าไม่ไป ข้าบอกท่านพ่อไปแล้วว่าข้าไม่ไป หากข้าไปก็จะเหมือนเดิมอีก ข้าไม่อยากเป็นพระชายาอ๋องเจ้าไม่เข้าใจหรือ”
“คุณหนู ท่านพูดเสียงดังไปแล้วนะเจ้าคะ”
“อ้อ จริงด้วยขอโทษทีข้าก็แค่… ไม่อยากกลับไปเป็นเช่นเดิมอีก คนใจร้ายแบบนั้นปล่อยเขาไปเถอะ”
“หืม น้องชุนหลัน มิใช่ว่าก่อนหน้านี้เจ้าชื่นชอบท่านอ๋องมิใช่หรือ”
“ท่านรู้ได้เช่นไรว่าเคยชอบเขา”
“เอ่อ…. เรื่องนี้คือว่า”
“คุณหนูเจ้าคะทั่วเมืองเหลียงโจวนี้มีผู้ใดที่ไม่รู้ว่าท่านชอบท่านอ๋องมากเพียงใด นับตั้งแต่พิธีปักปิ่นท่านก็เอาแต่ประกาศว่าท่านคือว่าที่พระชายา”
“จินถิง เจ้าจะพูดให้ข้าอับอายต่อหน้าคุณชายจวินไปอีกทำไมกัน”
(นางชื่นชอบน้องแปดถึงเพียงนั้นแล้วเหตุใดจู่ ๆ ถึงเปลี่ยนใจ สตรีสกุลเล่อผู้นี้ช่างน่าสนใจยิ่งนัก)
“นี่ท่านพี่ซานหรง ท่านก็คิดเช่นนั้นใช่หรือไม่”
“หะ หา เจ้าว่าอะไรนะข้า… ไม่ทันได้ฟังน่ะ”
“ข้าถามท่านว่านอกจากเรื่องออกรบแล้วท่านอ๋องผู้นั้นจะสนใจเรื่องใดอีก ต่อให้มีสตรีรายล้อมเขาก็ไม่สนใจหรอก คนตายด้านเช่นนั้นปล่อยให้แต่งงานกับลี่จินเซียนไปเถอะ ไหน ๆ นางก็อยากได้ตำแหน่งนั้นจนตัวสั่นมิใช่หรือ”
“ลี่จินเซียน…”
“บุตรสาวใต้เท้าลี่กรมขุนนางอย่างไรเล่า ท่านอยู่กรมเดียวกับเขาไม่รู้จักเขาหรอกหรือเจ้าคะ”
“เอ่อ คือว่าข้าพึ่งจะมาถึงยังมิได้เข้าไปที่กรมขุนนาง กำหนดทำงานคืออีกสามวันข้างหน้าหลังงานเลี้ยงน่ะ”
“อ้อ งั้นหรือเป็นเช่นนั้นเองแต่ว่านะ หากว่าท่านเห็นลี่จินเซียนก็ไม่แน่ว่าท่านอาจจะชอบนางก็ได้ นางทั้งสวยและโดดเด่นแม้ว่าจะปากเสียไปสักหน่อยก็เถอะ”
“คุณหนู ท่านพูดมากไปแล้ว”
“หรือว่าข้าพูดไม่จริง ปากเสียชอบหาเรื่องแล้วยังชอบรังแกคน นางถึงขั้นใช้ยาพิษ…”
“อะไรนะ ชุนหลันเจ้าบอกว่า”
“เอ่อ…ข้าคงพูดจาเรื่อยเปื่อยเพราะแพ้สุราน่ะพี่ซานหรงท่านก็อย่าได้ใส่ใจเลยนะ วู้…เพลงจบแล้วเรารีบออกไปจากที่นี่กันเถอะเจ้าค่ะ ข้าเริ่มคันแล้วจินถิงเร็ว ๆ เข้ารีบพาข้ากลับจวน”
“เอ่อ… ชุนหลัน”
“พี่ซานหรงเอาไว้ข้าจะแวะไปหาท่านที่โรงเตี๊ยมนะ ไปก่อนล่ะ”
ชุนหลันเผลอพูดเรื่องที่ลี่จินเซียนทำกับนางเอาไว้เมื่อชาติก่อนทั้ง ๆ ที่ในชาตินี้ลี่จินเซียนยังเป็นผู้บริสุทธิ์ หวังว่าสิ่งที่นางพูดจะไม่ทำให้จวินซานหรงคิดจริงจังไปหรอกนะ
“คุณหนู ท่านพูดอะไรน่ะเจ้าคะข้าไม่เคยรู้เลยว่า…”
“จินถิงเจ้าว่าเมื่อครู่นี้ คุณชายจวินจะได้ยินหรือไม่”
“ข้าก็ไม่รู้เจ้าค่ะแต่เขาทำหน้าตกใจคิดว่า…”
“ไม่ได้การแล้วพรุ่งนี้ข้าคงต้องรีบไปอธิบายแต่ตอนนี้เจ้ารีบพาข้ากลับก่อน ข้าคันไปหมดแล้ว”
“ท่านก็ไม่น่าฝืนตัวเอง รู้ทั้งรู้ว่าในหอนั่นมีแต่กลิ่นสุราท่านก็ยังอยากเข้าไป”
จินถิงรีบพยุงคุณหนูของตัวเองกลับออกไปอย่างทุกลักทุเลเต็มที จวินซานหรงเดินตามพวกนางออกมาและมองจนทั้งสองคนเดินกลับไปถึงรถม้าและเคลื่อนตัวออกไปจากถนน
“องค์ชาย”
“ว่าอย่างไร พบความผิดปกติหรือไม่”
“ด้านหลังหอซานเหนียงมีคลังอาวุธและดินปืนพ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่ผิดแน่ ที่นี่เป็นที่ที่เหมาะสมที่สุดเพราะน้องแปดไม่ชอบสตรีและเขาก็ไม่เที่ยวหอคณิกา ฉลาดมากที่เลือกที่นี่เป็นที่ส่งข่าว รีบไปเถอะข้าจะรีบไปพบน้องแปด”
“พ่ะย่ะค่ะ”
วันถัดมา
“อะไรนะ หมายความว่าอย่างไรที่เขาออกไปแล้ว”
“คุณหนูเล่อเรื่องนี้ข้าน้อยก็ไม่ทราบขอรับเห็นว่าจะต้องย้ายไปที่จวนใหม่ก็เลยออกไปตั้งแต่เช้า อ้อแล้วก็คุณชายท่านนั้นฝากนำเงินนี้คืนให้กับท่านบอกเพียงว่าน้ำใจของท่านเขาขอรับด้วยใจ ส่วนเรื่องค่าห้องและอาหารเขาขอจ่ายเองขอรับ”
“อะไรนะ ไม่รับน้ำใจงั้นหรือใช้ได้เลยนี่ จินถิงเจ้ารับไป”
“เจ้าค่ะคุณหนู”
จินถิงรับเงินจากเถ้าแก่มาและเก็บใส่ถุงตามเดิม พวกนางรู้สึกแปลกใจไม่น้อยเพราะเดิมทีสกุลเล่อก็ชอบช่วยเหลือคนอยู่แล้วแต่ดูเหมือนว่าจวินซานหรงจะแตกต่างออกไป
“ออกไปแล้วงั้นหรือ แล้วทำไมเมื่อวานเขาไม่บอกข้าสักคำ”
“คุณหนู เมื่อวานนี้เป็นท่านที่รีบร้อนออกมานะเจ้าคะ”
“นั่นสิเขาออกไปแล้วก็ช่างเถอะ หากมีวาสนาก็คงได้พบกันเองแหละ ไปเดินเล่นกันดีกว่า”
“คุณหนูท่านต้องรีบกลับไป… เอ่อ กลับไปแต่งตัวและเข้าวังเย็นนี้พร้อมนายท่านและฮูหยินนะเจ้าคะ”
“อะไรนะ ก็ข้าบอกแล้วว่าไม่ไปอย่างไรเล่า…. แต่ว่างานนี้นอกจากเป็นงานเลี้ยงแล้วพวกขุนนางก็ต้องเข้าร่วมด้วยใช่หรือไม่จินถิง ข้าจำได้ว่าครั้งก่อนก็เป็นเช่นนี้เพียงแค่ข้าไม่ทำเช่นเดิมก็จะ… ”
จินถิงยืนอ้าปากค้างเพราะนางไม่เข้าใจสักนิดว่าคุณหนูพูดถึงเรื่องอะไร เหตุใดนางถึงได้พูดราวกับว่าเคยไปงานเลี้ยงครั้งนี้มาแล้วทั้ง ๆ ที่งานนั้นจะเริ่มในค่ำคืนนี้
“ช่างเถอะไปก็ไปในเมื่อเลี่ยงไม่ได้ ชีวิตในครั้งนี้ข้าจะเป็นผู้กำหนดเอง!!”