“แต่ว่าท่านอ๋องตรัสว่าอยากหารือเรื่องชายแดนนะพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้ารู้แล้ว เดี๋ยวข้าจะไปหาเขาเอง ข้าบอกน้องแปดไปแล้วว่ามาที่นี่ในฐานะขุนนางใหม่ เขาจะไม่เปิดเผยฐานะของข้าส่วนเจ้าก็จำเอาไว้ด้วยว่าอย่าได้เผลอเรียกเช่นนี้ต่อหน้าผู้อื่นเป็นอันขาด”
“กระหม่อมรับทราบพ่ะย่ะค่ะ แต่นั่นก็มิได้หมายความว่าท่านอ๋องจะยอมให้พระองค์พักโรงเตี๊ยมเช่นนี้ มันไม่ปลอดภัยนะพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าเคยได้ยินหรือไม่ ที่ที่อันตรายคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด”
“แต่ว่า…”
บุรุษหนุ่มยกพัดจีบพับในมือขึ้นเพื่อมิให้องครักษ์ข้างกายเถียงเพราะเขากำลังมองรอยยิ้มของสตรีที่พึ่งแยกกันไปเมื่อครู่
“รอยยิ้มเจ้าช่างสดใสเสียจริง… เล่อชุนหลัน”
“องค์ชาย...”
“อ้อ จริงสิ ต่อไปเรียกข้าว่าคุณชาย หรือไม่ก็ต้องเรียกว่าใต้เท้าจวินแทนก็แล้วกันอย่าลืมเสียล่ะ”
“แต่ว่า…”
“ข้าสั่งเจ้าไม่ต้องถาม ข้ามาในฐานะขุนนางกรมขุนนาง มิใช่องค์ชายหรือองค์รัชทายาทแห่งต้าจินโจว”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“จริงสิจางหลิงเจ้ารู้จักสกุลเล่อหรือไม่ เสนาบดีเล่อขุนนางเก่าข้างกายเสด็จพ่อก่อนจะย้ายมาที่นี่”
“เสนาบดีเล่อหรือว่าพระองค์ทรงหมายถึงใต้เท้าเล่ออันจ้านหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ เห็นว่าวันนี้บุตรชายคนโตที่สอบได้ที่หนึ่งในปีนี้พึ่งจะเข้ากรมคลังได้ เห็นว่าเขามีบุตรีอีกคนหนึ่ง ส่วนชื่อกระหม่อมไม่แน่ใจพ่ะย่ะค่ะ”
“เล่ออันจ้าน… เล่อชุนหลัน ที่แท้นางเป็นบุตรีคนเล็กของเขาสินะ ไปเถอะไปพบน้องแปดกัน”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ตำหนักท่านอ๋อง
“ข้ามาพบท่านอ๋อง”
“ถวาย…”
“เสิ่นกง เสิ่นปา ข้ามาที่นี่ในฐานะขุนนางกรมขุนนาง ต่อไปเรียกว่าใต้เท้าจวินก็พอ”
เสินกงและเสิ่นปาหันมามองหน้ากันก่อนจะคำนับให้และพาจวินซานหรงเดินเข้าไปยังห้องทรงงานของท่านอ๋องที่พึ่งจะมีขุนนางและสตรีคนหนึ่งเดินออกมา
“คารวะใต้เท้าลี่”
“อืม เอ๊ะเจ้าคือ…”
เสิ่นกงและเสิ่นปากำลังยกมือขึ้นมาแตาจวินซานหรงเร็วกว่า เขาคำนับให้ “ลี่จางหย่ง” ก่อนจะแนะนำตัว
“ข้าน้อยขุนนางใหม่นามว่า "จวินซานหรง" แห่งกรมขุนนางคารวะใต้เท้า"
“ที่แท้ก็ขุนนางพึ่งย้ายมาใหม่ หึ มาวันแรกก็รีบมาเข้าเฝ้าเช่นนี้เกรงว่าจะช่างสอพลอไม่น้อยเลยสินะ”
“ใต้เท้าลี่… ระวังคำพูดท่านด้วย”
“หึ ช่างเถอะ ข้าขอตัวก่อนล่ะไปเถอะจินเซียน”
“เจ้าค่ะท่านพ่อ”
“ลี่จินเซียน” ตกตะลึงกับบุรุษรูปงามตรงหน้าไปนิดหน่อยก่อนจะได้สติตอนที่บิดานางเรียกและรีบเดินตามหลังจากไป เสิ่นปาเผลอเอ่ยขึ้นอย่างเหลืออด
“หึ ว่าผู้อื่นสอพลอแล้วเขาไม่ใช่กำลังทำอยู่หรืออย่างไร”
“เสิ่นปา”
“พี่ใหญ่ข้าพูดเรื่องจริง มิใช่ว่าที่มานี่ก็เพราะอยากจะพาบุตรสาวมาใส่พานถวายท่านอ๋องหรืออย่างไร เห็นเช่นนี้แล้วข้านึกอยากให้คุณหนูเล่อบุตรเสนาบดีเล่อมาเป็นพระชายาท่านอ๋องเร็ว ๆ เสียแล้ว”
จวินซานหรงหันมามองเสิ่นปาเล็กน้อยจนเขาหยุดพูดเพราะเกรงกลัวพระอาญาแต่กลับผิดถนัดเพราะองค์ชายกลับตรัสถามเขาด้วยความอยากรู้
“คุณหนูเล่องั้นหรือ”
“เอ่อ... องค์รัชทายาทอย่าได้ถือสาเลยพ่ะย่ะค่ะ เสิ่นปาก็แค่พูดจาเรื่อยเปื่อย”
“น้องแปดมีคู่หมายแล้วงั้นหรือ คุณหนูเล่อผู้นั้น…”
“มิใช่พ่ะย่ะค่ะองค์ชาย คุณหนูเล่อชื่นชมท่านอ๋องมานานแล้วและครั้งนี้ท่านอ๋องคงจะต้องเลือกพระชายาอย่างเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นช่วงนี้จะเห็นพวกขุนนางนำบุตรีเข้าวังมามิขาดสาย แต่วันนี้กลับไม่เห็นคุณหนูเล่อผู้นั้นเลย พี่ใหญ่ท่านเห็นนางหรือไม่”
“ไม่เห็น สงสัยจะไปที่งานเลี้ยงเลยกระมัง”
“งานเลี้ยงงั้นหรือ”
“พ่ะย่ะค่ะอีกสองวันจะมีงานเลี้ยงขุนนางใหม่ เอ่อองค์รัชทายาท เชิญเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
“อ้อ… ได้สิ”
ห้องทรงงาน
“ถวายบังคมองค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ”
“อย่ามากพิธีน้องแปดเจ้ารีบลุกขึ้นอย่าทำเช่นนี้”
“หยางอี้เหริน” เมื่อลุกขึ้นได้ก็โผเข้ากอดพี่ชายในทันที แม้ว่าองค์รัชทายาทจะเป็นพระเชษฐาต่างมารดาแต่พวกเขาก็สนิทสนมกันมากและมักจะออกศึกด้วยกันบ่อย ๆ ท่านอ๋องเกรงว่าองค์ชายสามจะมีปัญหากับตำแหน่งเลยขอเสด็จพ่อย้ายมาที่เหลียงโจวเพื่อให้องค์ชายสามขึ้นเป็นองค์รัชทายาท ส่วนเขารับตำแหน่งชินอ๋องเพื่อครองเมืองที่ใกล้เมืองหลวงแทน
“เจ้าสบายดีนะ นี่คงทำงานหนักเหมือนเดิมเลยสินี่ขอบตาดำคล้ำไปหมดหรือว่าเจ้าป่วย”
“เปล่าพ่ะย่ะค่ะ ข้าก็แค่กังวลเรื่องปัญหาชายแดนมากไปก็เท่านั้นเอง”
“เจ้ากังวลเรื่องปัญหาชายแดน หรือว่ากังวลเกี่ยวกับตำแหน่งว่าที่พระชายาของเจ้ากันแน่”
“พี่สาม ท่าน…”
“ข้าพึ่งจะสวนกับขุนนางใหญ่ของเจ้า ลี่…”
“หึ ลี่จางหย่งกับบุตรสาว ข้าแทบจะหนีพวกเขาไม่ได้เลยนี่ยังไม่นับบุตรของเสนาบดีเล่อ ยังดีที่นางไม่มาวุ่นวายด้วยอีกคน ข้าไม่เข้าใจสตรีพวกนี้เลยเหตุใดจึงยอมเข้ามาในสนามอำนาจและยอมเป็นเครื่องมือของบิดาแทนที่จะเลือกความสุขด้วยตัวของพวกนางเอง”
“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าพวกนางมิได้ชอบพอเจ้าล่ะ”
“ข้าไม่ได้ใส่ใจสักนิด บ้านเมืองสำคัญกว่าดังนั้นเรื่องเหล่านี้...”
“เจ้ามีสตรีในใจแล้วงั้นหรือ”
“เปล่าพ่ะย่ะค่ะ ข้าเพียงแต่คิดถึงแต่บ้านเมืองมิได้สนใจเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ก็เท่านั้นเอง แต่พวกเขาแต่ละคนไม่เอาแต่พูดเรื่องงานสมรสของข้าก็กดดันพาบุตรสาวมาเข้าเฝ้าไม่หยุด”
“แล้วเจ้า… ไม่คิดจะตัดปัญหาเรื่องนี้บ้างหรือ ที่เหลียงโจวนี้ไม่มีสตรีที่คู่ควรกับเจ้าเลยสักคนหรือ”
“เฮ้อ ก็พอมีพ่ะย่ะค่ะ ได้ข่าวว่านางเองก็ถูกใจข้ามานานแต่ว่าตอนนี้ปัญหาปากท้องชาวบ้านและชายแดนที่ไม่สงบนี้มันกวนใจข้าจนไม่อยากคิดเรื่องอื่น มีพวกนางมาก็ใช่ว่าจะช่วยอะไรได้น่าปวดหัวมากกว่าเดิมสิไม่ว่า”
“นี่เจ้า… ไม่ได้ชอบพวกนางเหตุใดไม่บอกพวกเขาไปตรง ๆ”
“พี่สามท่านอย่าลืมสิว่าพวกขุนนางพวกนี้เป็นอย่างไร หากมันง่ายเช่นนั้นท่านจะหาเรื่องหนีมาหาข้าถึงเหลียงโจวนี้งั้นหรือ”
“ฮึก!! แคก แคก”
“หึ ข้าเดาถูกสินะ”
“เจ้า…. ก็ได้ข้าไม่ปิดบัง ข้ายังไม่พร้อมเรื่องสมรสอีกอย่างตามที่เจ้าส่งรายงานไปที่เมืองหลวง ศึกชายแดนตะวันออกเริ่มรุนแรงขึ้นแล้วดังนั้นข้าจึงขอเสด็จพ่อมาที่นี่เพื่อช่วยเจ้า”
“เช่นนั้นเราเลิกคุยเรื่องไร้สาระเถอะ พี่สามข้าอยากให้ท่านมาดูสิ่งนี้ที่ข้าพึ่งจะได้รับมาจากค่ายบูรพาที่ชายแดน”
วันถัดมา
วันที่สองแล้วที่เล่อชุนหลังตื่นขึ้นมาและต้องสะดุ้งสุดแรง นางคงต้องใช้เวลาอีกสักพักในการปรับตัวว่าตนเองในตอนนี้มิใช่พระชายาท่านอ๋องที่อยู่ตำหนักที่แสนเยือกเย็นนั้นอีกแล้ว
“ในเมื่อกลับมาแล้วข้าจะต้องใช้เวลาให้คุ้มค่าสิ เอาล่ะ เริ่มจากสิ่งที่อยากทำก่อนเลย จินถิง!!….”
หอหยินซิ่ง
“พี่ซานหรง ท่านกำลังจะออกไปที่ใดงั้นหรือ”
จวินซานหรงหันมามองสตรีที่เรียกเขาเอาไว้ วันนี้จางหลิงติดตามเขามาด้วย แม้ว่าจะนึกแปลกใจแต่นางก็ไม่ได้ถามมากมายนักเพราะเหล่าขุนนางทั่วไปก็มักจะมีคนข้างกายพวกที่ปรึกษาหรือองครักษ์อยู่แล้ว
“น้องชุนหลัน นี่เจ้าตั้งใจมาหาข้างั้นหรือ แล้วเหตุใดจึงแต่งตัวเช่นนี้”
เขามองนางที่แต่งตัวเลียนแบบคุณชายน้อยในเมือง ผมที่ถูกรวบขึ้นแม้ว่าจะดูเหมือนบุรุษแต่ใบหน้าที่ขาวผุดผ่องและอิ่มเอิบตรงหน้ากับหน้าอกที่ดันออกมาแม้จะมีผ้ารัดเอาไว้แต่ก็ยังมองออกอยู่ดีว่านางไม่ใช่ผู้ชาย
“เป็นอย่างไร ข้าเหมือนน้องชายของท่านหรือไม่”
“น้องชาย?”
แม้แต่จางหลิงก็ต้องเอียงออกมามองนาง มีส่วนไหนที่นางจะเหมือนผู้ชายกันเล่านอกจากชุดที่สวมอยู่นั่นก็แทบจะไม่มีอะไรที่มองดูเป็นบุรุษหรือหนุ่มน้อยเลยสักนิด
“เอ่อ… วันนี้อากาศดีข้าก็เลยคิดจะออกไปเดินเล่นในตลาด...”
“ดีเลยวันนี้ข้าจะพาท่านเที่ยวเอง ไปเถอะพี่ซานหรงข้าพาท่านไป”
“เอ่อ!! เดี๋ยวก่อน…คะ คุณชาย!!”
จวินซานหรงถูกนางดึงแขนและลากออกไปทันที จินถิงที่มองหน้าองครักษ์ก่อนจะรีบวิ่งตามพวกเขาก็ต่างตกใจที่คุณหนูของนางทำกับบุรุษที่พึ่งเคยพบเพียงสองวันเช่นนั้น ซึ่งก่อนหน้านี้ใคร ๆ ก็รู้ว่านางรักนวลและไม่เคยมองผู้ชายคนใดมาก่อนเลยนอกจากท่านอ๋องหยางอี้เหริน
“เดี่ยวก่อนสิ น้องชุนหลันนี่เจ้าอย่าลากข้าเช่นนี้”
แม้จะแต่งเป็นบุรุษแต่ผิวกายที่นิ่มและกลิ่นหอมอ่อน ๆ แบบสตรีก็ลอยมาต้องจมูกขององค์ชายหนุ่มที่เคยบอกว่าสตรีนั้นน่าเบื่อ ที่จริงเขาและน้องแปดของเขาก็มิได้ต่างกัน ทั้งคู่หลงใหลในศาสตราวุธ วิชายุทธ์และสงคราม พวกเขาไม่สนใจสตรีเหมือนกับองค์ชายคนอื่น ๆ เท่าใดนักแต่ครั้งนี้คิดไม่ถึงว่าเพียงแค่ก้าวเข้ามาที่เมืองเหลียงโจวก็จะพบกับเล่อชุนหลันเข้า
“มาแล้วที่นี่แหละข้าอยากมาฟังดนตรีที่ “หอซานเหนียง” ชื่อดังนี้มานานแล้ว”