“คุณหนู ท่านพูดเหมือนกับว่าท่าน…”
“ช่างเถอะไหน ๆ จวินซานหรงก็ไม่อยู่แล้วเช่นนั้นก็กลับเถอะ”
พวกนางเดินกลับไปและต้องแปลกใจเมื่อเห็นว่าจวินซานหรงเดินเข้าไปที่หอซานเหนียงซึ่งนางพึ่งพาเขาเข้าไป
“เดี๋ยวก่อน นั่นมิใช่จวินซานหรงหรอกหรือ”
“ไหนเจ้าคะ… ตายจริงใช่จริง ๆ ด้วยเจ้าค่ะคุณหนูแต่ว่าเหตุใดคุณชายจวินผู้นี้ถึงได้ไปที่นั่นหรือว่า…”
“หึ ผู้ชายก็มักมากเหมือนกันไม่มีผิด ไม่ต่างกันเลยช่างเขาเถอะข้ากับเขามิได้เป็นอะไรกันเสียหน่อย รู้จักแค่ไม่กี่วันคิดว่าเขาจะแตกต่างกับ…”
“คุณหนูเจ้าคะ ท่านชื่นชอบท่านอ๋องมากและท่านอ๋องไม่เคยมาสถานที่เช่นนี้เลยนะเจ้าคะ”
“กลับกันเถอะ เจ้าบอกว่าต้องเตรียมตัวไปงานเลี้ยงในวังมิใช่หรือ”
“เจ้าค่ะ”
พวกนางเดินออกไปแล้วด้วยความรู้สึกขุ่นมัวในใจของเล่อชุนหลันเล็กน้อย รถม้าเคลื่อนตัวเพื่อกลับไปยังจวนเสนาบดีเพื่อเตรียมตัวเข้าวังในค่ำคืนนี้
“พี่สาม ที่นี่น่ะหรือที่ท่านบอกว่า…”
“ใช่ เข้ามาก่อนสิ”
“ต๊ายย ตาย คุณชายรูปงามทั้งสองท่านมาเยือนอีกแล้ว”
“อีกแล้วงั้นหรือ ... หลีกไปพี่สามท่านช่วยข้าด้วย”
หยางอี้เหรินที่ไม่ชอบสถานที่เช่นนี้เอาเสียเลยรีบหลบด้านหลังเมื่อหลี่มาม่าวิ่งมาพร้อมกับเหล่าสตรีอีกนับสิบที่พุ่งเข้ามาหาพวกเขาเพราะพวกนางเห็นว่าบุรุษทั้งสองคนช่างรูปงามและดูดี ไม่เหมือนผู้ชายมักมากที่เคยมาเที่ยวสำราญใจที่นี่
"จางหลิง…”
“เอ่อ เราขอเพียงโต๊ะและนั่งจิบสุราเท่านั้น ขอบคุณแม่นางทั้งหลาย เชิญเถอะ"
“แหมช่างน่าเสียดายยิ่งนักวันนี้มีสตรีมาใหม่…”
“ขอแค่สุราและอาหารสองสามอย่าง ไม่ต้องพูดมาก”
จางหลิงใช้มือกันหลี่มาม่าที่พยายามนำเสนอสตรีให้ทั้งสองแต่เมื่อเห็นสายตาขององครักษ์หนุ่มนางจึงยอมถอยและทำตามคำสั่ง เมื่อสุราและอาหารมาวาง หยางอี้หรงจิบสุราจอกแรกก็วางลงทันที
“อย่าพึ่งวู่วาม อย่าแสดงอาการข้าให้จางหลิงบอกคนของเราตรวจสอบแล้ว”
“พี่สามนี่ท่านมาที่แห่งนี้ได้อย่างไรกัน”
“ข้า… บังเอิญมีสหายน้อยคนหนึ่งพามาน่ะ”
“สหายน้อยงั้นหรือ”
จวินซานหรงพูดพลางยิ้มจนหยางอี้เหรินขมวดคิ้วนึกแปลกใจ
“สุราของที่นี่มาจากแคว้นชุ่น หรือว่าที่นี่จะเป็นที่ที่พวกมันเอาไว้ลอบส่งข่าว”
“ใจเย็น ๆ อย่าพึ่งพูดมากที่นี่จะดีกว่า เจ้าค่อย ๆ ดูไปก่อนให้คนของเราค่อย ๆ แทรกซึมเข้ามาเดี๋ยวก็รู้”
“ฉลาดมากรู้ว่าข้าไม่มาที่แบบนี้จึงได้ใช้มันเป็นที่ส่งข่าวและซ่องสุมอาวุธเพื่อทำลายเหลียงโจว คิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ครั้งนี้หากไม่ได้ท่านและ… สหายน้อยที่น่าสนใจของท่านข้าคงไม่หาแหล่งของข้าศึกเจอง่ายเช่นนี้”
“น้อยคนนักที่จะรู้รสชาติของสุราต่างแดน แต่เจ้ากับข้านั้นแตกต่างเพราะพวกเราออกศึกด้วยกันทั้งเหนือใต้ มาเถอะข้าพาเจ้ามาเพื่อจะดูคนผู้หนึ่ง เมื่อดูการแสดงนี้จบเราก็ต้องรีบกลับแล้วก็ต้องรีบกลับ”
“ใช่ งานเลี้ยงขุนนาง หึ คืนนี้ไม่พ้นที่ข้าจะต้องถูกกดดันจากพวกขุนนางน่าเบื่อพวกนั้นอีกจนได้”
“เจ้าก็รีบเลือกเสียทีสิ”
“มันจะจบเรื่องได้จริง ๆ งั้นหรือ ข้าเกรงว่าจะเพิ่มปัญหาเสียมากกว่า หรือท่านคิดว่าข้าควรจะแต่งบุตรสาวเสนาบดีเล่อเข้ามาเลยดีหรือไม่ล่ะ เพราะว่ามองอย่างไรนางก็เหมาะสมกับข้ามากกว่าผู้อื่นจริง ๆ นั่นแหละ”
จวินซานหรงหันมามองน้องชายที่พูดชื่อของเล่อชุนหลันขึ้นมา เขานึกหงุดหงิดหัวใจไปเล็กน้อยหากว่าน้องชายของเขามิได้เลือกนางเพราะชอบพอนางจริง ๆ นั่นก็น่าเสียดายยิ่งนัก
“เจ้าชอบนางงั้นหรือ”
“พี่สาม เหตุใดท่านมาถามข้าเช่นนี้เมื่อครู่ท่านเป็นผู้ให้ข้าเลือกมิใช่หรือ”
“ไม่ใช่ ข้าหมายถึงเจ้าไม่ได้มองคนอื่นเลยงั้นหรือ”
“ก็มี… แม่นางสกุลลี่อีกคน นางก็ดูงดงามดีแต่เสนอตัวมากไปหน่อยดูน่ารำคาญ ส่วนเล่อชุนหลันข้าไม่เห็นนางมาสักพักแล้วทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้เอาแต่วิ่งตามบิดาและมักจะมาให้เห็นบ่อย ๆ ระหว่างสองคนนี้หากจะให้เลือกเพื่อตัดปัญหา....”
“ตุบ!”
มือหนาของจวินซานหรงตบไปที่ไหล่ของหยางอี้เหรินอีกครั้ง
“พี่สามมีอะไรงั้นหรือ”
“หากเจ้าไม่ชอบนางทั้งสองก็อย่าพึ่งเอาพวกนางเข้ามาเพื่อสร้างปัญหาอีกเลย ระหว่างสองคนนี้ไม่ว่าเจ้าจะเลือกผู้ใดสงครามในราชสำนักเหลียงโจวก็ไม่ได้ต่างไปจากเดิมสักเท่าไหร่หรอก หากว่าเจ้ายังไม่พร้อมจริง ๆ ก็อ้างเสด็จพ่อไปก่อน คนพวกนี้ไม่กล้าถามเรื่องในเมืองหลวงหรอก”
“ข้าเข้าใจแล้ว”
งานเลี้ยงขุนนางใหม่
“อีกเดี๋ยวต้องพบกับขุนนางที่เข้ามาทักทายและข้าต้องเลี่ยงออกไปที่อุทยานและพบกับ…”
“หลันเอ๋อร์เจ้าพึมพำอะไรตั้งแต่เมื่อครู่นี้แล้ว เสียมารยาท”
“ท่านแม่ข้าก็แค่พูดอะไรไปเรื่อยเท่านั้นเจ้าค่ะ”
“ดูทำหน้าเข้าสินี่หลันเอ๋อร์ ไม่อยากแสดงความยินดีกับพี่ชายตัวเองขนาดนี้เลยหรือ”
“พี่ใหญ่ข้าเปล่านะเจ้าคะ”
“เอาล่ะรีบเข้าไปกันเถอะ ท่านอ๋องจะเสด็จแล้ว”
เมื่อนางเดินเข้าไปพร้อมกับเสนาบดีเล่อทุกสายตาก็ดูเหมือนจะจดจ้องมาที่นางทันที ก็แน่ล่ะนางและลี่จินเซียนต้องเป็นที่จับตามองอยู่แล้ว อีกคนเป็นถึงบุตรเสนาบดีและสตรีอันดับหนึ่ง ส่วนอีกคนก็เป็นสาวงามและบุตรท่านโหวซึ่งเป็นพี่ชายพระสนมลี่ของฝ่าบาท
“สายตาของความอยากรู้อยากเห็นนี่ก็ไม่ได้ต่างไปจากเดิม”
“หลันเอ๋อร์!”
“ข้าพูดจริงเจ้าค่ะท่านแม่จะแย้งข้า… ทำไม”
นางหันไปมองผู้คนและพบกับจวินหานเซียวในชุดขุนนางกรมขุนนางสีแดงที่มาร่วมงานเลี้ยงในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน ภาพที่นางพบเขาที่หน้าหอซานเหนียงผุดขึ้นมาเมื่อเขาหันมามองและยิ้มให้นางแต่ชุนหลัน กับเบือนหน้าหนีจนอีกฝ่ายต้องแปลกใจ
"ข้าไปทำอะไรให้นางไม่พอใจล่ะนี่"
“คุณชาย หรือว่าเพราะท่านออกจากโรงเตี๊ยมโดยไม่บอกนางขอรับ”
“เป็นเรื่องนั้นหรอกหรือ ช่างเถอะเอาไว้บอกนางอีกทีก็แล้วกันเหตุใดป่านนี้แล้วท่านอ๋องยังไม่เสด็จมาอีก ส่งคนไปดูสิ”
“ขอรับ”
งานเลี้ยงเริ่มแน่นด้วยผู้คนที่ทยอยเดินเข้ามา ไม่นานลี่จางหย่งและลี่จินเซียนก็เดินเข้ามาในงาน นางโดดเด่นด้วยชุดสีแดงและหว่านรอยยิ้มไปทั่วงาน
“ก็ต้องยอมรับว่านางงดงามจริง ๆ แม้จะร้ายกาจแต่ก็งดงาม”
“หลันเอ๋อร์ เจ้านี่ก็แปลกเอาแต่พูดคนเดียวแม่เริ่มเป็นห่วงแล้วนะ”
“ท่านแม่เจ้าคะ ข้าก็แค่เบื่อขอตัวออกไปสูดอากาศข้างนอกสักหน่อยนะเจ้าคะ”
“อย่าออกไปไกลนักเล่า”
“เจ้าค่ะ ๆ เดี๋ยวข้ามา”
ในที่สุดนางก็หลุดพ้นบรรยากาศที่ชวนอึดอัดนั่นได้เมื่อเดินออกมาที่สวนด้านหลังและค่อย ๆ สูดอากาศสดชื่นของในวังที่นางเคยอยู่มาก่อน
“นึกไม่ถึงว่าจะต้องกลับมาเร็วเช่นนี้”
“น้องชุนหลัน”
เสียงเรียกด้านหลังเรียกนางเอาไว้และเมื่อหันมาก็พบกับรอยยิ้มของชายหนุ่มที่เดินเข้ามาในชุดสีน้ำเงินเข้มเมื่อเห็นนางอยู่ที่สวน
“คุณชายมู่หรง”
“น้องชุนหลันเหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่ไม่เข้าไปในโถงงานเลี้ยง แล้วจื่อหลงเล่า”
“พี่ใหญ่ข้าอยู่ด้านในแล้วเจ้าค่ะ ท่านพ่อท่านแม่ก็อยู่ด้วยข้าก็แค่เบื่อเลยเดินออกมาเดินเล่นเจ้าค่ะ”
“อ้อเช่นนี้นี่เอง เจ้าคงจะเบื่อสินะ”
“ใช่แล้วเจ้าค่ะ อีกอย่างข้าก็ไม่อยากจะพบ…”
นางพูดไม่ทันจบก็ต้องสะดุดและกลืนคำพูดทั้งหมดลงไปทันทีเมื่อผู้ที่เดินมาจากด้านหลังทำให้นางนึกถึงช่วงเวลาที่เลวร้ายก่อนที่นางจะกลับมา เขายังมีสายตาเย็นชาและสีหน้าเรียบเฉยเหมือนเดิมไม่ผิด ผู้ที่มาด้วยฝีเท้าเงียบกริบและคำพูดเถรตรงไร้ความรู้สึก
“ถวายบังคมท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”