พอควันหลงขับรถเข้ามาจอดบริเวณลานจอดรถของคณะแล้ว นาเนียร์ก็เปิดประตูลงจากรถ พร้อมกับเดินเข้ามาที่คณะของตัวเองโดยที่ไม่ได้รอเพื่อนชาย
ซึ่งในตอนที่กำลังเดินเข้ามาในคณะอยู่นั้น ก็เห็นราชาเดินสวนมาพอดี หญิงสาวจึงรีบเดินเข้าไปกางแขนเพื่อขวางเอาไว้
"จะไปไหนสุดหล่อของเนียร์"
"ว่าจะไปโรงอาหาร เธอกินข้าวเช้ามาหรือยัง"
"ยังเลย นี่กำลังจะไปโรงอาหารพอดี งั้นเราไปด้วยกันเลยดีกว่า" หญิงสาวเดินปรี่เข้าไปคล้องแขนเพื่อนสนิทอย่างราชาด้วยความเคยชิน อย่างที่มักจะทำเป็นประจำ เพื่อนชายของเธอเองก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร เพราะพวกเราเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เริ่มสนิทกันแล้ว
"นายจะกินอะไร" พอเดินมาถึงโรงอาหารนาเนียร์ก็พูดขึ้น
"ยังไม่รู้เลย แต่น่าจะเป็นข้าวมันไก่นั่นแหละ"
"ข้าวมันไก่อีกแล้ว กินทุกวันไม่เบื่อหรือไง"
"ก็ไม่รู้ว่าจะกินอะไรนี่นา แล้วเธอจะกินอะไร"
"อยากซดซุปร้อน ๆ "
"จะกินก๋วยเตี๋ยวตั้งแต่เช้าเลยเหรอ ทำไมถึงไม่กินข้าว"
"ก็บอกอยู่ว่าอยากกินซุปร้อน ๆ"
"งั้นก็เอาข้าวต้มสิ ร้านป้านวลทำข้าวต้มโบราณอร่อยนะ เธอเคยกินไหม"
"เคยกินเมื่อนานมาแล้ว แต่จำรสชาติไม่ได้"
"รสชาติดีเลย"
"โอเค งั้นฉันไปร้านข้าวต้มก่อน เดี๋ยวถ้านายได้ก่อนก็ไปหาโต๊ะนั่งรอเลยนะ แต่ถ้าฉันได้ก่อนเดี๋ยวฉันหาไว้เอง"
"อืม"
พอราชาตอบมาแบบนั้น เธอก็เดินปลีกตัวมายังร้านข้าวต้มที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของร้านข้าวมันไก่ที่เพื่อนของเธอยืนอยู่ โดยที่หน้าร้านมีนักศึกษายืนอยู่เพียงแค่คนเดียวเท่านั้น เธอจึงรีบเดินไปยืนต่อแถว
แต่พอสังเกตดี ๆ คนที่ยืนต่อแถวอยู่ด้านหน้าเธอคือคนที่เธอเจอเมื่อคืน ซึ่งพอชายหนุ่มเห็นเธอก็ตกใจพร้อมกับยกมือไหว้ เธอเห็นแบบนั้นก็รู้สึกเอ็นดูมาก
"สวัสดีครับพี่เนียร์"
"สวัสดีค่ะน้องภีม กินข้าวต้มตอนเช้าเหมือนกันเลย เราสองคนใจตรงกันนะเนี่ย"
"ครับ"
"....."
"พี่เนียร์ชอบทานข้าวต้มตอนเช้าเหรอครับ"
"ใช่" หญิงสาวตอบออกไปด้วยความมั่นใจ ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วนี่คือข้าวต้มตอนเช้าในรอบปีของเธอเลยก็ว่าได้ เพราะตัวเธอนั้นไม่ชอบกินอะไรแบบนี้ตอนเช้าเลย
"เหมือนกันเลยครับ ผมก็ชอบกินข้าวต้มตอนเช้า รู้สึกว่าได้ซดซุปร้อน ๆ แล้วรู้สึกมีแรง"
"ได้แล้วจ้าน้องภีม"
ในขณะที่เธอกำลังคุยกับชายหนุ่มรุ่นน้องอยู่นั้น คุณป้าที่เป็นร้านเจ้าของข้าวต้มก็เอ่ยเรียกคนที่เธอคุยอยู่
ซึ่งชายหนุ่มก็รีบหันกลับไปรับถ้วยข้าวต้มมาถือเอาไว้ พร้อมกับยื่นธนบัตรใบสีเขียวจ่ายค่าอาหารเช้าของตัวเอง
"กินที่ร้านนี้บ่อยเหรอ เพราะเพิ่งเข้ามาเรียนได้ไม่นานเอง แต่คุณป้าเจ้าของร้านก็จำชื่อได้แล้ว"
"ตั้งแต่เปิดเทอมมา วันไหนมีเรียนคาบเช้า ผมจะมากินข้าวต้มร้านนี้เกือบทุกวันเลยครับ"
"เชื่อแล้วว่าชอบจริง ๆ ถ้ามากินเกือบทุกวันขนาดนี้" หญิงสาวตอบออกไปด้วยความเอ็นดูเด็กรุ่นน้องตรงหน้า พร้อมกับเพิ่งสังเกตว่าคนตรงหน้าไม่ได้ใส่แว่น
"ไม่ใส่แว่น มองเห็นด้วยเหรอคะ"
"มองได้ไม่ชัดเท่าไหร่ครับ แต่ก็ไม่ได้ลำบากอะไร"
"งั้นเย็นนี้ว่างไหม"
"ครับ?"
"ก็ที่พี่บอกว่าจะพาไปซื้อแว่นไง เราไม่ได้ใส่แล้วพี่สงสาร คงจะทรมานแย่เลย"
"ไม่เป็นไรหรอกครับ ราคาแว่นก็ไม่ใช่ถูก ๆ เดี๋ยวเอาไว้เงินเดือนผมออก ค่อยไปซื้อเอาใหม่เองก็ได้"
"ยิ่งน้องภีมบอกว่าราคาแว่นไม่ใช่ถูก ๆ พี่ก็ยิ่งรู้สึกผิด อย่าปฏิเสธพี่เลยนะคะ" นาเนียร์ทำสายตาออดอ้อนเด็กหนุ่มรุ่นน้อง
"ก็ได้ครับ ผมไม่ปฏิเสธแล้วก็ได้"
"เย่ ๆ แล้วตกลงเย็นนี้ว่างไหม"
"ผมเลิกเรียนเวลาสี่โมงเย็นครับ แต่ถ้าพี่ไม่สะดวกก็หลังจากนั้นไม่เกินหนึ่งทุ่มก็น่าจะได้ เพราะผมมีทำงานที่ร้านหมูกระทะตอนหนึ่งทุ่ม"
"น้องภีมเลิกเรียนก่อนพี่ งั้นมานั่งรอพี่ที่หน้าคณะนะ เพราะวันนี้พี่เลิกเรียนตอนสี่โมงครึ่งเลย เดี๋ยวถ้าอาจารย์ปล่อยพี่จะรีบวิ่งลงมาหาทันที"
"ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้ครับ ผมรอได้"
"คนสวยเอาอะไรดีจ๊ะลูก"
พอได้ยินคุณป้าเจ้าของร้านเรียกตัวเองแล้ว เธอก็รีบเดินไปสั่งเมนูที่ตัวเองจะกิน
"ข้าวต้มโบราณค่ะ"
"หนึ่งถ้วยนะลูก"
"ค่ะป้า ไม่ต้องเอาเยอะนะ แค่กระบวยเดียวก็พอ"
"ได้จ้ะลูก" โดยคุณป้าตอบเธอแล้วก็หันไปตักข้าวต้มใส่ถ้วย พร้อมกับมาวางไว้ตรงหน้าเธอ "ยี่สิบบาทจ้ะ"
พอคุณป้าพูดราคานาเนียร์ก็หยิบธนบัตรใบสีแดงเพื่อจ่ายค่าข้าวต้ม โดยเธอยืนรอเงินทอนไม่นาน แต่พอจะหันหลังกลับมาคุยกับเด็กหนุ่มรุ่นน้องก็ต้องชะงัก เพราะตอนนี้น้องเขาดันไม่อยู่แล้ว
"ไปไหนนะ ทำไมหายเร็วจังวะ" นาเนียร์สอดส่องสายตาเพื่อมองหาเป้าหมายของตัวเอง
"เธอมองอะไรของเธอ"
ในขณะที่ตั้งใจมองอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงเรียกจากด้านหลัง ซึ่งเธอก็จำได้ดีว่าเสียงนั้นคือเสียงของควันหลง
"น้องภีม"
"ใครคือน้องภีม"
"แกไม่รู้จักหรอก น้องเขาเพิ่งเข้ามา"
"เด็กใหม่เธอเหรอ"
"ยังไม่ใช่ แต่อนาคตไม่แน่" หญิงสาวก็สอดส่องของตัวเองต่อไป
"หยุดมองหาเหยื่อได้แล้ว เธอมีสอบตอนเก้าโมงเช้าไม่ใช่เหรอ นี่มันแปดโมงครึ่งแล้วนะ รีบไปกินข้าวได้แล้ว"
ซึ่งพอควันหลงพูดแบบนั้น เธอก็รีบก้มดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือของตัวเองทันที พบว่าเป็นเวลาแปดโมงครึ่งตามที่เพื่อนของเธอพูดไม่มีผิด
"ทำไมเวลามันเดินเร็วจังเลยเนี่ย เมื่อกี้เพิ่งเจ็ดโมงอยู่เลย"
"ไปกินข้าวได้แล้ว ส่วนน้ำไม่ต้องไปซื้อ ฉันเห็นไอ้ราชาซื้อไว้ให้เธอแล้ว"
"อืม" นาเนียร์ตอบควันหลงไป พร้อมกับเดินมายังโต๊ะที่ราชานั่งอยู่
หลังจากที่หญิงสาวรุ่นพี่หันไปสั่งอาหารของตัวเองแล้ว ชายหนุ่มจึงคิดว่าพี่เขาคงไม่มีอะไรจะพูดกับตัวเองอีก จึงเดินปลีกตัวออกมาหาเพื่อนสนิทอย่างโต้งนั่งกินข้าวของตัวเองรออยู่
"เมื่อกี้มึงคุยกับพี่นาเนียร์เหรอวะ"
"ใช่ บังเอิญกินข้าวร้านเดียวกันพี่เขาก็เลยทัก" ภีมตอบเพื่อนไป พร้อมกับนั่งทานข้าวต้มของตัวเอง
"มึงพูดอะไรกับพี่เขา กูเห็นพูดนานเลย"
"พี่เขาก็แค่ถามเฉย ๆ ว่าชอบกินข้าวต้มร้านที่กูซื้อเหรอ กูก็เลยบอกว่าใช่ ก็แค่นั้นแหละ"
"กูอิจฉามึงจังว่ะภีม ที่นางฟ้าอย่างพี่นาเนียร์พูดอย่างสนิทสนมด้วย"
"ก็ไม่ได้สนิทอะไรขนาดนั้นนะ พี่เขาก็แค่ทักปกติ"
"ไม่ปกติเลยสักนิด เพราะจากการที่กูสังเกตแล้วปกติพี่เขาจะคุยเล่นกับพวกเพื่อนเท่านั้น แต่ถ้าเป็นรุ่นน้องก็คือแทบไม่เห็นเลย"
"ที่พูดเหมือนกับรู้จักพี่เขามานานอย่างนั้นแหละ"
"ก็รู้จักมานานน่ะสิ กูรู้จักพี่เขามาตั้งแต่พี่เขาเรียนปี 1 แล้ว"
"รู้จักได้ยังไง มึงก็เพิ่งมาเรียนที่นี่พร้อมกูไม่ใช่เหรอวะ"
"ถึงกูจะพึ่งมาเรียนที่นี่ได้ไม่นาน แต่กูก็รู้จักและเคยเห็นพี่เขามาตั้งนานแล้ว"
"มึงติดตามพี่เขาในโซเชียล?"
"อันนั้นมันก็อีกเหตุผล"
"มึงพูดอะไร กูไม่เข้าใจ"
"คือกูก็ติดตามโซเชียลของพี่เขาเหมือนกัน แต่ที่ว่าเห็นบ่อยก็คือคอนโดของพี่เขาอยู่ติดกับร้านหมูกระทะของแม่กูไง"
โดยพอโต้งพูดออกมาแบบนั้น เขาก็นึกไปถึงคอนโดหรูที่ติดร้านหมูกระทะของแม่เพื่อนเขา "ตึกใหญ่ ๆ ที่ติดร้าน"
"ใช่ ตึกนั้นแหละ แล้วมึงรู้ไหมพี่เขาน่ะ..."
ภีมก็นั่งฟังโต้งพูดเรื่องของหญิงสาวรุ่นพี่ไป ส่วนเขาก็นั่งทานข้าวของตัวเองต่อ