ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา โทรหาคนที่นัดกันไว้วันนี้ว่าจะไปดินเนอร์มื้อค่ำด้วยกัน
‘อืม...’ หญิงสาวยืนนิ่ง สะอึกอยู่ไม่น้อยกับถ้อยคำแรกที่เขาใช้รับสายเธอ ช่างแตกต่างกับผู้หญิงคนนั้นอย่างสิ้นเชิง ดูเย็นชา ไร้อารมณ์ หล่อนพยายามปั้นน้ำเสียงให้ราบเรียบและปกติที่สุด แกล้งถามทั้งๆที่รู้อยู่เต็มอก
“อยู่ไหนละคะ ใกล้ถึงหรือยัง”
‘อืม... วันนี้คงไปไม่ได้ละ บัวโทรไปแคลเซิลโต๊ะเถอะ’ หญิงสาวกำโทรศัพท์ที่ใช้โทรอยู่แน่น น้ำตาเอ่อคลอเมื่อได้ยินคำตอบของเขา
“ทำไมละคะ เมื่อเช้าพี่ยังว่างอยู่เลย”
‘พี่มีนัดน่ะ ไว้มื้ออื่นละกันนะ เดี๋ยวค่อยไปเลี้ยงชดเชย’
“แต่เรานัดกันไว้แล้วนะคะ”
‘ทำไมบัวพูดไม่รู้เรื่องแบบนี้ล่ะ พี่บอกให้เลื่อนไปก่อนไง...ทำอย่างกับว่าเราจะไม่ทานข้าวมื้ออื่นอย่างนั้นล่ะ’
“แต่วันนี้ วันเกิดพี่ บัวอยากฉลองกับพี่ บัวเป็นคนรักพี่ บัวก็อยากอยู่กับพี่นะคะ” เธอยังดึงดันทั้งๆที่รู้คำตอบอยู่เต็มอก ก็ยังอยากที่จะเจ็บปวดให้ถึงที่สุด อยากจะรู้เหมือนกันว่าเขาจะใจร้ายกับเธอได้มากขนาดไหน
‘พี่ว่าบัวงี่เง่าพูดไม่รู้เรื่องละ แค่นี้ก่อนแล้วกัน’ น้ำเสียงเขาคล้ายหงุดหงิดรำคาญใจและไม่คิดรอฟังว่าเธอพูดอะไรอีก กดตัดสายทิ้งทันที
หญิงสาวยืนนิ่งอยู่กับที่ ความเสียใจน้อยใจถาโถม ซัดซาเข้ามาราวกับพายุลูกใหญ่ หากเธอต้องตัดใจจริงๆ เลิกกับเขาจริงๆจะต้องทำเช่นไร เขาก็คงไม่เหนี่ยวรั้งเธอไว้สินะ
อยู่ก็ได้ ไม่อยู่ก็ไม่เป็นไร...เขาคงคิดแบบนี้สินะ มีเธออยู่ หรือไม่มีเธออยู่ใกล้เขา มันไม่มีผลต่อชีวิตของเขาอยู่แล้ว...เพราะเขารู้สินะ ว่าอย่างไรเธอก็ไปไหนไม่รอด เป็นของตายที่เขาไม่เห็นค่า
หญิงสาวปล่อยน้ำตารินไหล ร้องไห้โฮออกมาตั้งแต่วางสายจากเขาจนเวลาล่วงเลยผ่านมานานเท่าไหร่ไม่รู้ เสียงข้อความที่ดังขึ้นทำให้หญิงสาวจำต้องหันไปดูด้วยความสนใจ
ภาพถ่ายหลากหลายอิริยาบถ ทั้งรูปคู่ รูปรวมหมู่หลายคนพร้อมกับแคปชั่นและเช็คอินสถานที่ถูกแคปส่งมาให้เธอดูอย่างเยาะเย้ย จงใจ ไม่ต้องบอกก็รู้ได้ในทันทีว่าเป็นใครที่หวังดีประสงค์ร้ายส่งมาให้เธอดู คงตั้งใจจะเยาะเย้ยให้เธอเจ็บใจ ร้องไห้เจียนคลั่ง ที่เขาเลือกจะเทนัดดินเนอร์กับเธอ แต่ไปร่วมสนุกปาร์ตี้วันเกิดกับผู้หญิงคนนั้นและผองเพื่อนของเขาแทน
รัญลฎามองดูรูปภาพเหล่านั้นนิ่งนาน สายตาเหม่อลอยชั่วครู่ก่อนจะตัดสินใจปิดโทรศัพท์ หันไปเก็บข้าวของของเธอที่พอจะเก็บได้ยัดใส่กระเป๋าเดินทางใบเขื่องที่มีอยู่สองใบ ปาดน้ำตาทิ้งลวกๆ
คนรักกันเขาย่อมต้องแคร์กัน แต่สำหรับเขา นอกจะไม่แคร์เธอแล้ว ยังไม่เคยสนใจความรู้สึกเธอเลยด้วยซ้ำ
หญิงสาวตัดสินใจได้ในทันทีว่าคืนนี้อย่างไรเธอก็ต้องจบความสัมพันธ์กับเขาให้ได้ หล่อนมุ่งหน้าไปยังร้านร้านนั้น ร้านอาหารที่เขาเป็นหุ้นส่วนใหญ่ ที่เธอไม่เคยรับรู้มาก่อน บัดนี้เธอเข้าใจแล้วว่าสำหรับเขา หล่อนเป็นเพียงผู้หญิงที่เขาไม่เคยคิดสนใจหรือให้เกียรติเลยสักนิดในเมื่อรู้ความจริงขนาดนี้แล้ว หล่อนก็ควรตัดใจสักที
ภาพบรรยากาศภายในร้านอาหารที่เธอเห็นผ่านกระจกจากด้านนอกร้าน ทำให้หญิงสาวยืนนิ่งอึ้งสะอึกไปกับความจริงที่ได้ประจักษ์ต่อสายตาตัวเอง สองมือเรียวกำแน่น ปลายเล็บจิกเนื้อเจ็บจนน้ำตาคลอ ก่อนจะสืบเท้าเข้าไปในร้านอย่างช้าๆ หัวใจเธอเต้นรัวเร็ว
“บัว แกจะเข้าไปจริงๆเหรอ” ไอลดาถามเพื่อนย้ำอีกครั้ง หลังจากมองเข้าไปในร้าน ก็อดสงสารเพื่อนตนเองไม่ได้
“ลดา...ฉันว่าเรื่องนี้ให้บัวมันตัดสินใจเถอะ มันเจอมาขนาดนี้ละ อย่าให้มันทนอยู่ต่อเลย” ปั้นแก้มเอ่ยขึ้น พลางเดินเข้ามาโอบไหล่เพื่อนเพื่อหวังปลอบใจ
หลังจากหญิงสาวถูกชายหนุ่มเทนัดที่ตกลงคุยกันไว้ หล่อนจึงตัดสินใจโทรไปหาเพื่อนสนิททั้งสองให้มาหาและ มาเป็นเพื่อน
“อืม ถ้าคิดว่ามั่นใจแล้วว่าทำใจที่จะเดินออกมาได้ ก็ลุยเลยแต่คราวนี้ฉันขอนะบัว...แกต้องเด็ดขาดนะ ไม่งั้นแกก็จะเจ็บซ้ำๆแบบที่ผ่านมาอีก”
“ใช่ ฉันก็ไม่อยากกินอาหารหมาแล้วด้วย มันจุก!” แม้คำพูดจะดูตลกร้ายแต่ก็แฝงด้วยความเป็นห่วงทุกคำ เธอหันมองหน้าเพื่อนทั้งสองก่อนจะฝืนยิ้มให้
“อืม ฉันตัดสินใจละ”
ทุกย่างก้าวที่ก้าวเดิน หอบความเจ็บช้ำทั้งหมดที่มี พร้อมกับรวบรวมสติที่กำลังแตกกระเจิงให้กลับมาที่ตัวเอง ก่อนจะผลักประตูบานนั้นเข้าไป
เสียงดังกรุ่งกริ่งตรงประตู พลอยทำให้ลมหายใจของเธอหยุดชะงัก สูดลมหายใจเข้าลึกๆรวบรวมความกล้า
ก่อนจะก้าวเดินเข้าไปอย่างช้าๆ
ทุกจังหวะย่างก้าว กับเสียงเพลงบรรเลงรายล้อมคละเคล้ากับเสียงพูดคุย สรวญเสรื่นเริง ยิ่งสะกดหัวใจเธอให้แทบหยุดเต้น
“เห้ยใครวะ ลูกค้าเหรอน่ารักชิบหาย” หนึ่งในกลุ่มเพื่อนเขาเอ่ยดังขึ้น พร้อมกับกระทุ้งสีข้างของใครอีกคนให้หันมอง รวมไปถึงชายร่างสูงโปร่งที่อยู่ในเชิ้ตสีน้ำเงินเข้ม กางเกงสแล็คห้าส่วนสีครีม หันมองตามสายตา ก่อนจะชะงักไปนิ่งค้างไปทันที
หลายชั่วอึดใจที่สายตาของคนทั้งคู่สบประสานกัน หยาดน้ำตาที่เพียรสะกดกลั้นเอ่อท้น ภาพตรงหน้าพร่าเลือน ดำมืดด้วยม่านน้ำตาที่กลั่นออกมาจากหัวใจอันโง่งมขาดเขลา
“บัว!” ชื่อนั้นหลุดออกจากริมฝีปากของเขาเสียงเบาดังราวคล้ายละเมอ คาดไม่ถึงว่าเธอจะมาปรากฏกายต่อหน้าเขาเวลานี้ ตรงนี้
มุกรดาที่กำลังสนุกสนานกับผองเพื่อนของเขาและแคทเพื่อนสาวคนสนิทต่างหันมองตาม หล่อนชะงักไปเล็กน้อยเพราะไม่คาดคิดว่าผู้หญิงคนนั้นจะกล้าบุกมาถึงที่นี่ เห็นเงียบๆสนิมสร้อย ไม่สู้คนก็นึกว่าจะนอนกอดหมอนนอนร้องไห้ โศกเศร้าอาดูรอยู่ลำพัง
หล่อนวางแก้วในมือ นัยน์ตาวาววับด้วยความโกรธเคือง เดินมาคล้องแขนชายหนุ่มอดีตคนรัก สายตามองสบประสานกับผู้หญิงคนนั้นด้วยสีหน้าและท่าทีเหนือกว่า ริมฝีปากบางยกขึ้นมุมปากคล้ายเยาะ
“พี่พอร์ช” สุ้มเสียงหวานเอ่ยเรียกสั่นเครือ ท่ามกลางสายตาของทุกคนที่คอยจดจ้องด้วยความสงสัยระคนใคร่รู้ ยิ่งชายหนุ่มเจ้าของชื่อเองนั้นแม้จะตกใจแค่ไหนแต่เขายิ่งไม่สบอารมณ์กว่าใคร หันมองหญิงสาวข้างตัวที่กำลังยึดแขนเขาไว้แน่น หัวใจเขายิ่งอึดอัด
“มาที่นี่ทำไม!” เสียงเข้มเอ่ยถามด้วยสีหน้าเย็นชา แม้จะตกใจมากแค่ไหน เพราะไม่คาดคิดว่าหญิงสาวจะมาหาเขาถึงที่นี่