บทที่4-2

1960 คำ
“นังแยมนี่มันโง่เลยจริงๆ นะแม่ ดูสิ เอาเงินสองแสนมาให้เราใช้เล่นๆ หึ โง่จริงๆ” ขวัญจีราเอ่ยกับขจี ตอนนี้สองแม่ลูกนั่งอยู่ที่โซฟาในห้องนั่งเล่น ขวัญจีราเป็นผู้หญิงรูปร่างหน้าตาดี ผิวขาวรูปร่างสมส่วน ผมยาวสีน้ำตาลอ่อนถูกดัดเป็นลอนใหญ่แล้วปล่อยสยายความยาวเกือบถึงระดับบั้นเอว เธอเป็นผู้หญิงที่แต่งตัวและแต่งหน้าค่อนข้างจัด และก็แน่นอนว่าเป็นที่หมายปองของชายหนุ่มมากหน้าหลายตา แต่หญิงสาวเป็นคนรักสนุก ไม่ชอบผูกมัดและมักจะหว่านเสน่ห์ไปทั่ว และที่สำคัญเป็นคนที่ใช้เงินมือเติบจนเกินตัว และคนที่ลำบากในการรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเหล่านั้นก็คือภวิกา “ขวัญก็ใช้เงินให้เพลามือหน่อยสิลูก สงสารน้องมันบ้าง” ขจีก็รู้สึกลำบากใจอยู่ไม่น้อยที่เป็นส่วนหนึ่งในแผนการของบุตรสาวเพื่อหลอกเอาเงินก้อนใหญ่มาจากภวิกาซึ่งเป็นหลานในไส้ ทั้งๆ ที่ต่อเดือนเธอกับลูกก็เอาเงินของภวิกามาหมดจนเจ้าตัวแทบจะไม่เหลือใช้ แต่ภวิกาก็ไม่ได้ปริปากบ่นเลยแม้แต่น้อย “แม่จะไปสงสารมันทำไม แม่เป็นคนเลี้ยงมันมา มันต้องตอบแทนบุญคุณของแม่ก็ถูกแล้วนี่” “แต่…” “แม่ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ขวัญจะออกไปช้อปปิ้ง” ว่าจบขวัญจีราก็ลุกพรวดพราดออกไป ปล่อยให้ขจีมองตามไปอย่างกังวลเพราะไม่สามารถห้ามปรามบุตรสาวได้เลย ‘ป้าขอโทษนะลูก’ ขจีทำได้เพียงขอโทษขอโพยภวิกาอยู่ในใจ แต่ก็แน่ละ ถ้าจะต้องเลือก อย่างไรเสียเลือดก็ต้องข้นกว่าน้ำวันยังค่ำ “ขอบคุณนะคะที่มาส่ง” ภวิกาขยับยิ้มยามที่เอ่ยขอบคุณสหทรรศเมื่ออีกฝ่ายเดินมาส่งเธอถึงหน้าบ้านพัก “ไม่เป็นไรครับ พี่ยินดี” “ถ้าอย่างนั้นแยมขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะคะ คืนนี้ต้องเข้าเวรดึกค่ะ” “ครับ” เมื่อสหทรรศรับคำภวิกาก็หมุนตัวเตรียมจะเข้าบ้าน แต่ทว่าเขากลับเรียกเธอไว้ “เดี๋ยวครับแยม” “คะ?” ภวิกาชะงักเท้าแล้วหันหน้ามาหาเขา “คือแยมมีไลน์4ไหมครับ เผื่อมีอะไรเราจะได้ติดต่อกันได้” สหทรรศว่าจบภวิกาก็เงียบไป จนเขารู้สึกใจคอไม่ค่อยดี ‘บางทีแยมอาจจะยังไม่ไว้ใจเราละมั้ง’ ภวิกากำลังชั่งใจ ปกติแล้วเธอไม่เคยแลกไลน์กับใครง่ายๆ ยกเว้นเพื่อนร่วมงาน ทั้งแพทย์และพยาบาลที่เอาไว้ปรึกษางานกันในบางครั้งเท่านั้น แต่ไม่รู้สิ ความรู้สึกของเธอบอกว่าคนตัวโตที่อยู่ตรงหน้าเธอน่าจะไว้ใจได้ แค่แลกไลน์คงจะไม่เป็นไร “ถ้าแยมลำบากใจก็ไม่เป็นไรนะครับ” สหทรรศว่า และน้ำเสียงของเขาก็เจือด้วยความผิดหวังนิดๆ จนคนช่างสังเกตอย่างภวิกาจับความรู้สึกนั้นได้ “ไม่ได้ลำบากใจหรอกค่ะ แป๊บนึงนะคะ” ภวิกายิ้มให้เขาแล้วก้มหน้าก้มตาควานหาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋า สะพาย เมื่อพบจึงหยิบออกมา “จำไอดีไลน์ไม่ได้ค่ะ สแกนคิวอาร์โค้ด5เอาก็แล้วกันเนอะ” “ครับ” สหทรรศรีบพยักหน้ารับคำ มือหนาล้วงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงยีนส์ออกมา ปลายนิ้วเรียวเลื่อนหน้าจอเพื่อเปิดโปรแกรมไลน์แชท จากนั้นจึงยื่นโทรศัพท์มือถือของตนไปด้านหน้าเพื่อสแกนคิวอาร์โค้ดที่ภวิกาเปิดไว้รออยู่ก่อนแล้ว เมื่อต่างก็มีไลน์ของกันและกัน ภวิกาจึงเข้าบ้านพัก สหทรรศมองตามจนร่างแบบบางหายเข้าไปในตัวบ้าน เขาจึงค่อยๆ ก้าวเดินออกมาจากตรงนั้น และก็แน่นอนว่าใบหน้าหล่อเหลามีรอยยิ้มเล็กๆ ประดับอยู่บนนั้นด้วย แพทย์หนุ่มไม่ได้ตรงกลับห้องพักในทันที ร่างสูงตรงไปยังห้องทำงานที่ใช้ศึกษาเอกสารเมื่ออาทิตย์ก่อน นอกจากในห้องนั้นจะมีเอกสารต่างๆ อยู่มากมายแล้ว ก็ยังมีหน้าจอมอนิเตอร์ที่รับสัญญาณภาพจากกล้องวงจรปิดจากจุดต่างๆ ของโรงพยาบาล เขาต้องไปดูเผื่อจะพบอะไรที่ผิดปกติบ้าง สหทรรศพาตัวเองเข้ามาในห้องแล้วจัดการกดล็อกประตูอย่างเสร็จสรรพ ตาคู่คมกวาดสายตามองหน้าจอมอนิเตอร์ที่ฉายภาพบอกตำแหน่งต่างๆ ในโรงพยาบาล เมื่อยังไม่พบความผิดปกติใดๆ สะโพกสอบจึงหย่อนลงบนเก้าอี้บุหนังอย่างดี มือหนาขยับเมาส์ไร้สาย ตาคู่คมจ้องหน้าจอมอนิเตอร์คอมพ์รุ่นล่าสุด นิ้วเรียวยาวเคาะที่แป้นพิมพ์เพื่อใส่รหัสล็อกอินเข้าสู่เว็บไซต์ของโรงพยาบาล ในเว็บไซต์ของโรงพยาบาลจะมีแฟ้มงานต่างๆ ของทุกแผนกและก็แน่นอนว่าต้องมีแฟ้มประวัติของพนักงาน ซึ่งแต่ละแฟ้มต้องมีรหัสผ่านในการเรียกดูข้อมูลและก็แน่นอนว่าสหทรรศมีรหัสผ่านนั้น สหทรรศกดเข้าไปในแฟ้มประวัติพนักงาน ค่อยๆ ไล่ไปทีละแฟ้มจนกระทั่งเจอแฟ้มที่ต้องการ ภวิกา สุขสราญ แม้ว่าเขาจะไม่รู้จักนามสกุลของเธอ แต่รูปในชุดพยาบาลที่โชว์หราอยู่บนหน้าจอในตอนนี้ทำให้เขามั่นใจว่านี่คือแฟ้มประวัติของเธออย่างแน่นอน และเขาก็ไม่รีรอที่จะกดเข้าไปด้านใน “นางสาวภวิกา สุขสราญ อายุ 26 ปี สถานภาพโสด” นี่แหละข้อมูลที่เขาต้องการ แพทย์หนุ่มยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะกวาดสายตาอ่านประวัติของภวิกาอีกชั่วครู่จึงกดปิดแฟ้มนั้น นิ้วเรียวยาวเคาะลงบนโต๊ะอย่างเป็นจังหวะราวกับว่ากำลังใช้ความคิดเกี่ยวกับอะไรบางอย่าง และใช้เวลาเพียงไม่นานใบหน้าหล่อเหลาก็ระบายยิ้มกว้าง ตาคู่คมเป็นประกายเพราะเรื่องที่ขบคิดก่อนหน้านี้ได้ถูกคลี่คลายลง สหทรรศยังคงนั่งอยู่ที่เดิมเพื่อดูข้อมูลต่างๆ จากหน้าจอคอมพ์ และบางครั้งสายตาคู่คมก็เหลือบไปยังหน้าจอมอนิเตอร์ที่ฉายภาพจากกล้องวงจรปิด แต่ทว่าก็ไม่พบความผิดปกติใดๆ แพทย์หนุ่มยังคงอยู่ตรงนั้นอีกพักใหญ่ ก่อนจะก้มลงมองนาฬิกาข้อมือที่บอกเวลาสี่ทุ่มตรง เขาควรจะกลับเสียที ร่างสูงขยับตัวลุกจากเก้าอี้ แต่สาวเท้าออกจากจุดนั้นได้เพียงไม่กี่ก้าว เท้าหนาก็ต้องชะงักเมื่อเสียงเรียกเข้าสมาร์ทโฟนส่งเสียงกรีดร้องจนเขาต้องกดรับสาย “ว่าไงหมอภัทร” “ฉันมีเคสของคนไข้อยากจะปรึกษานายหน่อย นายสะดวกหรือเปล่า” น้ำเสียงของวีรภัทรค่อนข้างดูวิตกกังวล อย่างสังเกตเห็นได้ชัดและสหทรรศก็ไม่รีรอที่จะรีบตอบกลับไป “ได้ ไม่มีปัญหา มีอะไรก็ว่ามาเลย” “โอเค ถ้าอย่างนั้นฉันจะส่งภาพเอ็กซเรย์ปอดและรายละเอียดให้นายทางไลน์ รบกวนด้วยนะ” “อืม” สหทรรศก้าวออกมาจากห้องพร้อมดึงประตูปิด ร่างสูงเดินกลับไปที่ห้องพัก ระหว่างนั้นตาคู่คมก้มลงอ่านรายละเอียดข้อมูลที่วีรภัทรส่งมาให้อย่างคร่าวๆ จนกระทั่งเดินมาจนถึงห้องพัก ใบหน้าคมคายครุ่นคิดยามที่นั่งอยู่บนเตียงนอน มือหนายังคงกำสมาร์ทโฟนเอาไว้แน่น การวินิจฉัยคนไข้รายนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก ไม่อย่างนั้นวีรภัทรคงไม่ขอความช่วยเหลือจากเขาอย่างแน่นอน สหทรรศใช้เวลาดูภาพถ่ายรังสีทรวงอกกับข้อมูลอาการของคนไข้อยู่พักใหญ่ จึงตัดสินใจโทร.หาวีรภัทร “ฉันดูภาพเอ็กซเรย์ปอดกับข้อมูลของเคสที่นายส่งมาให้แล้วนะ ฉันคิดว่าคนไข้นายน่าจะเป็นฝีในตับ นายลองทำอัลตร้าซาวนด์เพิ่มหรือไม่ก็ส่งทำซีที สแกน6ไปเลยจะได้ผลที่แน่นอนกว่า ถ้าใช่ จะได้เริ่มยาปฏิชีวนะ” “เออ ขอบใจว่ะ บางทีฉันก็สมองตื้อไปบ้าง ช่วงนี้คนไข้ที่โรงพยาบาลเยอะมาก” วีรภัทรลากเสียงยาว “ตอนแรกฉันว่าจะปรึกษาหมอวิน แต่รายนั้นก็ยุ่งจนแทบไม่มีเวลา มีแต่นายนี่แหละที่พอจะพึ่งพาได้ เพราะดูจะว่างงานมากกว่าชาวบ้านเค้า” ท้ายประโยควีรภัทรแกล้งเหน็บสหทรรศเบาๆ วีรภัทรรู้มาว่าสหทรรศนั้นอยู่โรงพยาบาลเอกชน ทั้งยังเป็นโรงพยาบาลของพ่อตัวเอง ถึงแม้โรงพยาบาลวรกุลอินเตอร์เนชันนอลจะเป็นโรงพยาบาลเอกชนระดับต้นๆ ของประเทศที่มีผู้รับบริการค่อนข้างมาก แต่ถ้าเทียบกับโรงพยาบาลรัฐอย่างเขาแล้วละก็ จำนวนผู้มารับบริการยังคงต่างกันอยู่มาก ซ้ำโรงพยาบาลของรัฐก็มีแต่เคสหนักๆ ทั้งนั้น “ไม่ต้องมาเหน็บฉันเลย อย่างนี้มันน่าช่วยไหม” สหทรรศตอกกลับอย่างไม่จริงจังนัก “ขอโทษคร้าบ ผมล้อเล่น” วีรภัทรรีบแก้ตัวเพราะเกรงว่าอีกฝ่ายจะไม่ยอมช่วยเหลือในคราวต่อไป “ดี รู้จักนอบน้อมถ่อมตนเอาไว้เสียบ้าง ฉันจะได้เอ็นดู” สหทรรศตอบกลับอย่างอารมณ์ดี “ข้าน้อยผิดไปแล้ว ข้าน้อยสมควรตายเป็นอย่างยิ่ง” วีรภัทรกระเซ้ากลับเสียงรื่นเริง ก่อนจะบอกออกไป “แต่ก็ขอบใจ แค่นี้นะ ฉันจะไปดูคนไข้ ไว้เจอกัน” “โอเค ไว้เจอกัน” ถึงแม้ว่าวีรภัทรจะวางสายไปแล้ว แต่สหทรรศยังกำสมาร์ทโฟนเอาไว้แน่น ทีแรกเขาตั้งใจจะไปอาบน้ำและพักผ่อน แต่เมื่อฉุกคิดอะไรบางอย่างได้ นิ้วเรียวยาวจึงเลื่อนหน้าจอสมาร์ทโฟน ก่อนจะกดเข้าไปในโปรแกรมไลน์แชท แล้วกดเข้าไปดูโพรไฟล์ของภวิกา รูปภาพพื้นหลังบนไทม์ไลน์ของภวิกาเป็นรูปทะเลมัลดีฟ ส่วนรูปโพรไฟล์นั้นเป็นรูปเจ้าตัวในชุดไปรเวท ผมยาวสลวยสีดำขลับถูกปล่อยลงมาล้อมกรอบหน้ารูปไข่ ใบหน้าสวยหวานอมยิ้มนิดๆ อย่างน่ามอง และก็เป็นเวลานานกว่าหลายนาทีที่ตาคู่คมจะถอนสายตาออกจากภาพนั้นได้ ริมฝีปากหยักลึกยกยิ้ม แล้ววางเครื่องมือสื่อสารเคลื่อนที่ลง จากนั้นจึงลุกจากเตียงนอน หยิบผ้าเช็ดตัวสีขาวผืนใหญ่แล้วขยับเท้าก้าวเข้าห้องน้ำไป ภวิกาสวมชุดพร้อมสำหรับปฏิบัติงาน ร่างแบบบางเดินออกมาจากตัวบ้านแล้วกดล็อกประตู แต่พอหันออกมาตรงบริเวณทางเดินหน้าบ้าน เท้าเล็กต้องชะงักอยู่ตรงนั้น เมื่อเห็นแผ่นหลังกว้างของใครบางคนยืนพิงอยู่ที่ประตูรั้วบ้านพักของเธอ _____________________________________________ 6ซีที สแกน เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ หรือ ซีที สแกน (CT scans) เป็นหัตถการเพื่อการวินิจฉัยโรคชนิดหนึ่ง โดยเป็นการใช้รังสีเอกซ์มาสร้างภาพ 2 มิติเป็นส่วนๆ ของกระดูก เนื้อเยื่อ และเส้นเลือดในร่างกาย ก่อนที่คอมพิวเตอร์จะนำภาพแต่ละชิ้นมารวมกันเพื่อสร้างภาพ 3 มิติของส่วนต่างๆ ในร่างกาย กล้องที่ใช้ในการทำเอกซเรย์คอมพิวเตอร์นั้นจะมีการหมุนไปรอบๆ ลำตัว ซึ่งแตกต่างกับการเอกซเรย์ที่ใช้กล้องอยู่กับที่ ทำให้เห็นภาพที่ละเอียดชัดเจนมากขึ้น คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันจนแทบจะเป็นปม มือเล็กกระชับสายกระเป๋าสะพายเอาไว้แน่น ร่างกายเกร็งเครียดไปทั้งร่าง แต่ก็เป็นเพียงชั่วครู่เท่านั้น คิ้วเรียวสวยค่อยๆ คลายออกจากกัน ร่างกายเกร็งเครียดในคราวแรกเริ่มผ่อนลง ริมฝีปากบางขยับเรียกชื่อเขาออกไป “พี่เท็น”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม