วันนี้เป็นวันแรกที่สหทรรศได้เริ่มงานในตำแหน่งพนักงานเปล ตอนนี้แพทย์หนุ่มสุดหล่อที่ต้องผันตัวมาเป็นพนักงานเปลที่ยังคงหล่อเหลาเช่นเดิมมีความพร้อมเป็นอย่างยิ่งในการเริ่มงานในวันแรก
ถึงแม้จะไม่ค่อยเต็มใจเท่าไรนัก
สหทรรศมารายงานตัวกับหัวหน้าที่ทุกคนต่างเรียกว่าพี่กังวาน ทันทีที่เขาทราบชื่อหัวหน้างานชั่วคราว เขาแทบจะกลั้นขำเอาไว้ไม่ไหว แต่สุดท้ายเขาก็ทำมันได้ถึงแม้จะค่อนข้างยากลำบากมากอยู่ก็ตามที
และนอกจากจะทราบว่าหัวหน้างานชั่วคราวชื่อเสียงเรียงนามว่ากังวานแล้ว เสียงของพี่กังวานก็ยังกังวานสมชื่อจริงๆ ที่สำคัญพี่กังวานคนนี้ก็เป็นคนที่บิดาของเขาไว้ใจ และแน่นอนว่าพี่กังวานรู้ดีว่าเขาเป็นใคร
สหทรรศเลือกที่จะใช้ชื่อจริงยกเว้นนามสกุลเท่านั้นที่ปลอมขึ้นมา เพราะถ้าใช้ชื่อปลอมเขาคิดว่าต้องมีหลุดอย่างแน่นอน ดังนั้นใช้ชื่อจริงน่าจะเข้าท่าที่สุด
“เท็น เดี๋ยวพาคนไข้ที่จะต้องแอดมิทไปส่งที่ชั้นเก้านะ ใช้รถนั่ง” เสียงพี่กังวานดังขึ้น สหทรรศจึงเข็นรถนั่งไปรับผู้ป่วยที่ยังอยู่ในห้องฉุกเฉินเพื่อไปส่งชั้นเก้าซึ่งเป็นหอผู้ป่วยเด็ก
“พาคนไข้มาส่งครับ” สหทรรศวางเอกสารสำหรับนอนโรงพยาบาลของผู้ป่วยไว้บนเคาน์เตอร์พยาบาล และรอว่าพยาบาลประจำตึกจะแจ้งให้เขาพาผู้ป่วยเด็กที่มีมารดาโอบอุ้มเอาไว้บนตักไปส่งที่ห้องใด
ภวิกาละสายตาจากเอกสารที่อยู่ตรงหน้า ใบหน้าสวยหวานแหงนเงยขึ้น ดวงตากลมโตเป็นประกายเมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาที่คุ้นตา แม้ว่าจะเคยเจอเขาเพียงแค่ครั้งเดียว แต่เธอจำได้ไม่ผิดแน่ ริมฝีปากบางที่เคลือบลิปสติกสีชมพูอ่อนระบายยิ้มนิดๆ ก่อนจะทักออกไป
“คุณเท็นใช่ไหมคะ”
“คุณแยม...”
เมื่อเห็นพยาบาลสาวทักมา ทีแรกสหทรรศก็แปลกใจนิดๆ จนคิ้วหนาย่นเข้าหากัน เขาเคยมาส่งเธอที่นี่ แต่ไม่รู้ว่าเธอเป็นพยาบาลและชุดปฏิบัติงานที่เธอสวมใส่พร้อมหมวกพยาบาลนั่นทำให้เธอดูแปลกตาไปนิดหน่อยจากตอนที่เขาเจอเธอในคืนนั้น แต่พอได้เห็นใบหน้าสวยหวานและรอยยิ้มที่ฝังใจ เขาจึงมั่นใจว่าใช่เธออย่างแน่นอน
“พาคนไข้มาส่งเหรอคะ”
“ครับ” สหทรรศยิ้มรับ
“รบกวนคุณเท็นพาคนไข้ไปส่งที่ห้องเก้าศูนย์หนึ่งด้วยค่ะ”
“ได้ครับ”
เมื่อรับคำ สหทรรศจึงเข็นรถนั่งของผู้ป่วยออกไปจากหน้าเคาน์เตอร์พยาบาล โดยมีภวิกาและรสรินที่เป็นผู้ช่วยเหลือคนไข้ตามไปด้วย เพื่อจัดการพาคนไข้ลงเตียงและประเมินอาการแรกรับ
หลังจากที่ผู้ป่วยได้นอนบนเตียงเรียบร้อยแล้ว สหทรรศที่หมดหน้าที่จึงเดินออกมานอกห้อง ใจจริงเขาก็อยากคุยกับภวิกาอยู่เหมือนกัน แต่ในเวลางานแบบนี้คงไม่สะดวกมากนัก ร่างสูงพ่นหายใจแรงๆ อย่างแสนเสียดาย และหวังว่าครั้งหน้าเขาจะมีโอกาสได้คุยกับเธอมากกว่านี้ เท้าหนาขยับไปตามทางเดิน มือทั้งสองข้างก็ยังกระชับรถเข็นนั่งที่ปราศจากผู้ป่วยเอาไว้แน่นและดันมันไปด้านหน้าพร้อมจังหวะการก้าวเดิน แต่เขาเดินออกมาได้เพียงแค่ไม่กี่ก้าว เท้าก็ต้องชะงักลง เมื่อเสียงหวานที่จำได้อย่างแม่นยำว่าเจ้าของเสียงนั้นคือใครดังขึ้น
“เดี๋ยวก่อนค่ะคุณเท็น”
“ครับ” สหทรรศชะงักเท้าแล้วหันมามองร่างแบบบางที่กำลังเดินเข้ามาใกล้มากขึ้นทุกที จนเธอมาหยุดอยู่ตรงหน้า เว้นระยะห่างจากเขาพอประมาณ ใบหน้าเรียวสวยกำลังระบายยิ้มกว้าง เห็นแล้วดีต่อหัวใจดวงโตๆ ของเขาชะมัด
“พอดีแยมอยากจะเลี้ยงมื้อเย็นเป็นการขอบคุณที่ช่วยแยมเอาไว้ในคืนนั้นน่ะค่ะ แยมก็คิดอยู่นะคะว่าจะตอบแทนคุณเท็นยังไงดี โชคดีจริงๆ ที่ได้เจอคุณเท็นที่นี่ ว่าแต่คุณเท็นสะดวกหรือเปล่าค่ะ แต่ถ้าไม่ก็เอาไว้…”
“สะดวกมากครับ” ภวิกายังไม่ทันพูดจบประโยคเลยด้วยซ้ำ สหทรรศก็รีบตกปากรับคำราวกับเกรงว่าอีกฝ่ายจะเปลี่ยนใจ
“โอเคค่ะ ถ้าอย่างนั้นเจอกันตรงม้านั่งหน้าโรงพยาบาลนะคะ สักประมาณหกโมงเย็นก็แล้วกัน แยมจะพาไปกินของอร่อย รับรองว่าคุณเท็นต้องติดใจแน่นอนค่ะ” ภวิกาขยับยิ้มนิดๆ ยามที่สนทนากับอีกฝ่าย
อาหารน่ะเขาคิดว่าไม่เท่าไร แต่ติดใจคนชวนนี่แหละ แพทย์หนุ่มคิดในใจ
“งั้นก็...โอเคครับ”
“แยมขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ”
“ครับ”
สหทรรศยิ้มรับ จากนั้นทั้งคู่จึงแยกย้ายกัน ยามที่ก้าวเดินออกจากจุดนั้น แพทย์หนุ่มระบายยิ้มแทบจะตลอดเวลา อย่างน้อยการเข้ามาสืบคดีให้บิดาก็คงไม่น่าเบื่ออย่างที่เขาคาดการณ์เอาไว้ตั้งแต่แรก
การทำงานในตำแหน่งพนักงานเปลของสหทรรศในวันแรกนั้นยังไม่ได้ข้อมูลอะไรเลยเกี่ยวกับงานที่บิดามอบหมายให้ แต่ที่เขาได้นั่นก็คือกำลังจะได้กินมื้อเย็นกับผู้หญิงที่เขากำลังให้ความสนใจ
เรื่องงานของบิดาเอาไว้ก่อนก็ได้ เรื่องเย็นนี้คือเรื่องสำคัญที่สุด
ร่างสูงอยู่ในชุดลำลองแบบสบายๆ เสื้อยืดสีดำกับกางเกงยีนส์ขายาวสีเข้มและรองเท้าผ้าใบสีดำคาดขาวคือชุดที่สหทรรศเลือกสวมใส่ในวันนี้ ถึงแม้จะเป็นเพียงชุดที่แสนธรรมดา แต่เมื่อผู้สวมใส่คือสหทรรศ ภาพที่เห็นจึงดูดีอย่างไม่น่าเชื่อและแพทย์หนุ่มก็ดูไม่ต่างจากนายแบบที่หลุดออกมาจากนิตยสารเลยสักนิด สาวๆ หลายคนที่เดินผ่านบริเวณที่เขานั่งอยู่เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ต้องหันมามองแพทย์หนุ่มจนเหลียวหลัง แต่คนถูกมองไม่ได้ใส่ใจเพราะเขากำลังตั้งหน้าตั้งตารอคอยภวิกาอยู่
เป็นภวิกาคนเดียวเท่านั้น
สหทรรศรออยู่เพียงชั่วครู่ ร่างแบบบางของภวิกาก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา สหทรรศลุกขึ้นเต็มความสูง แล้วพาตัวเองมายืนเคียงข้างเธอ ทั้งคู่ยิ้มให้กัน
“แยมไม่มีรถหรอกนะคะ และร้านที่เราจะไปก็อยู่ไม่ไกล เดินแป๊บเดียวเดี๋ยวก็ถึงค่ะ คุณเท็นโอเคไหมคะ”
“ได้ครับ ไม่มีปัญหา”
“คุณเท็นเพิ่งเข้ามาทำที่นี่เหรอคะ ขอโทษที่ถาม เพราะแยมทำงานที่นี่มาหลายปีแล้ว ไม่เคยเจอคุณเท็นมาก่อนเลยค่ะ อ้อ…แล้วก็เรียกแยมเฉยๆ ก็พอค่ะ ไม่ต้องเรียกแยมว่าคุณหรอกนะคะ” ภวิกาเอ่ยขึ้นยามที่ทั้งคู่เดินย่ำเท้าไปตามฟุตปาธเพื่อไปยังร้านอาหารที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลมากนัก
“ครับผม ถ้าอย่างนั้นแยมเรียกพี่ว่าพี่เท็นก็แล้วกันนะครับ ไม่ต้องเรียกคุณ”
“ค่ะพี่เท็น ว่าแต่พี่เท็นยังไม่ได้ตอบคำถามของแยมเลยนะคะ” ใบหน้าเรียวสวยเอียงคอมองคนตัวสูงอย่างน่ารัก เล่นเอาคนมองอย่างสหทรรศใจเต้นคร่อมจังหวะอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
‘แยมจะน่ารักเกินไปแล้ว’
“ใช่ครับ พี่เพิ่งเข้ามาทำงาน แต่มาได้อาทิตย์กว่าๆ แล้วนะครับ”
“งั้นเหรอคะ”
ภวิกาแอบแปลกใจอยู่นิดหน่อย ถ้าเธอจำไม่ผิด คืนนั้นที่เขามาส่งเธอ รถที่เขาขับก็คือปอร์เช่ เคย์แมน ถึงแม้ว่าเธอจะไม่เคยมีรถยนต์เป็นของตัวเอง แต่เธอก็พอจะทราบว่ารถหรูขนาดนั้นราคาหลายล้านบาท บางคันก็เฉียดสิบล้านบาทแล้วแต่รุ่น แต่ช่างเถอะ นั่นมันเรื่องส่วนตัวของเขา
“อ๊ะ…ถึงพอดีเลยค่ะ ร้านที่แยมจะพาพี่เท็นมากิน”
สหทรรศมองตามสายตาของภวิกา เห็นป้ายพื้นสีขาวตัวอักษรสีน้ำเงินพร้อมโลโก้เครื่องดื่มน้ำอัดลมยี่ห้อหนึ่งตั้งอยู่ที่หน้าร้าน
‘ร้านลาบสารคาม’
สหทรรศแอบครางในใจเบาๆ อาหารประเภทนี้เขาก็เคยกินมาอยู่บ้าง แต่บอกตรงๆ ว่าเขาไม่ค่อยถนัดอาหารรสจัดจ้านมากนัก พูดง่ายๆ ก็คือเขากินเผ็ดไม่ค่อยได้ แต่ถ้าจะบอกออกไป เขาก็เกรงว่าคนพามาจะเสียน้ำใจ ร่างสูงสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ก่อนจะก้าวตามภวิกาเข้าไปในร้าน
“พี่เท็นกินอะไรดีคะ” ภวิกายื่นรายการอาหารให้คนตัวสูง แต่แพทย์หนุ่มส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะตอบกลับ
“แยมสั่งเลยครับ พี่…อะไรก็ได้”
สหทรรศแอบปาดเหงื่อบนใบหน้าเบาๆ เมื่อได้ยินรายการอาหารที่ภวิกาสั่ง ลาบหมู ส้มตำปูปลาร้า ต้มแซบ ซุปหน่อไม้ และตับหวาน
ทั้งๆ ที่อาหารยังไม่ทันได้มาอยู่ตรงหน้า สหทรรศกลับรับรู้รสชาติเผ็ดร้อนที่คุกคามช่องปากของเขาได้อย่างไม่น่าเชื่อ มือหนายกมือขึ้นปาดเหงื่อของตัวเองอีกครั้ง ก่อนจะส่งยิ้มแห้งๆ ไปให้ภวิกาที่หันหน้ามาหาเขาอย่างพอดิบพอดี
อาหารที่สหทรรศคิดว่ามีรสจัดจ้านไม่ได้น่าหวาดกลัวอย่างที่เขาคาดการณ์เอาไว้ เพราะรสชาติอาหารที่วางอยู่ตรงหน้าไม่ได้เผ็ดร้อนมากนัก
“แยมเดาเอาน่ะค่ะ ดูท่าแล้วพี่เท็นคงจะไม่ชอบกินเผ็ดสักเท่าไหร่ แยมเลยสั่งเผ็ดน้อยหน่อย พอกินได้ใช่ไหมคะ” ภวิกาถามยามที่ตักลาบหมูวางลงบนจานของสหทรรศ
“ครับ พี่กินได้” สหทรรศยิ้มรับ มือหนาตักอาหารที่ภวิกาตักให้เข้าปากแล้วเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย
“ถ้าอย่างนั้นก็กินเยอะๆ เลยนะคะเดี๋ยวแยมตักให้”
ไม่ใช่แต่ภวิกาเท่านั้นที่เป็นฝ่ายตักอาหารใส่จานให้สหทรรศ แต่แพทย์หนุ่มเองก็ปฏิบัติเช่นเดียวกัน ทั้งคู่ช่วยกันจัดการอาหารตรงหน้าจนเกลี้ยง ก่อนจะเป็นภวิกาที่รับผิดชอบอาหารมื้อนี้ สหทรรศอยากจะอาสาเป็นเจ้ามือเอง แต่เมื่อฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขาจึงไม่ได้ทำแบบนั้น
ถ้ามื้อนี้เขาเป็นคนจ่าย มื้อหน้าก็จะไม่มีข้ออ้างมากินอาหารกับเธออีก
เพราะฉะนั้นเอาไว้ครั้งหน้า เขาจะเป็นเจ้ามื้อเอง