หลังเลิกงานภวิกาตรงดิ่งมาหาขจีที่บ้านซึ่งตั้งอยู่ในชุมชนแออัดแห่งหนึ่ง บ้านหลังนี้เธอคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี เพราะอาศัยซุกหัวนอนมาตั้งแต่วัยเด็ก ทว่าตั้งแต่ที่เธอเริ่มทำงานก็ไม่ค่อยได้กลับมานอนที่นี่บ่อยนักเนื่องจากเธอต้องเข้าเวรหรือการขึ้นปฏิบัติงาน ซึ่งตารางการปฏิบัติงานของพยาบาลอย่างเธอจะแบ่งเป็นทั้งหมดสามเวร เวรดึกจะเริ่มปฏิบัติงานตั้งแต่เวลาเที่ยงคืนจนถึงแปดโมงเช้า เวรเช้าเริ่มตั้งแต่แปดโมงจนถึงสี่โมงเย็น และเวรบ่ายเริ่มตั้งแต่สี่โมงเย็นจนถึงเที่ยงคืน แต่ในความเป็นจริงนั้น ช่วงเวลาเลิกงานจะไม่ได้เลิกตรงเวลานัก เพราะจะเลิกงานหรือที่เรียกกันในหมู่ของพยาบาลว่าการออกเวรได้ก็ต่อเมื่อส่งต่ออาการของผู้ป่วยที่อยู่ในความดูแลจนเรียบร้อยเสียก่อนจึงจะสามารถออกเวรได้ รวมทั้งบางครั้งเธอต้องปฏิบัติงานยาวถึงสิบหกชั่วโมง ส่วนใหญ่เธอจึงเลือกที่จะพักในบ้านพักที่เป็นสวัสดิการของโรงพยาบาล จริงๆ แล้ว บ้านพักที่เป็นสวัสดิการของโรงพยาบาลนั้น มีไว้สำหรับเจ้าหน้าที่ที่มีครอบครัวได้อยู่อาศัย จะถือว่าเป็นความโชคดีของเธอก็ว่าได้เพราะตอนที่เธอเข้ามาทำงานแรกๆ หอพักหญิงเต็มและเธอก็ได้อยู่บ้านพักมาจนถึงทุกวันนี้
บ้านของขจียังพอมีพื้นที่อยู่บ้าง เพราะบริเวณบ้านถูกล้อมเอาไว้ด้วยรั้วไม้ระแนงสูงเกือบๆ หนึ่งร้อยห้าสิบเซนติเมตร ตัวบ้านเป็นบ้านสองชั้น ชั้นล่างเป็นแบบปูน ส่วนชั้นบนนั้นเป็นไม้ที่ถูกฉาบด้วยโทนสีขาวทั้งหลัง ซึ่งด้านบนจะมีห้องนอนทั้งหมดสามห้อง แต่ก็ไม่ได้กว้างขวางมากนัก แต่ก็ยังพอหายใจได้อย่างสะดวก และห้องนอนชั้นบนห้องหนึ่งก็คือของเธอ ที่เหลือเป็นของขจีและขวัญจีราแบ่งกันคนละห้อง
ภวิกาผลักประตูเข้ามาด้านใน เห็นขจีนั่งอยู่ที่โซฟาชั้นล่าง ส่วนขวัญจีรานั้น เธอพยายามกวาดสายตาไปรอบๆ แต่กลับไม่เห็นแม้กระทั่งเงาของเจ้าตัว
‘พี่ขวัญคงออกไปข้างนอกละมั้ง’
“สวัสดีค่ะป้าขจี” ภวิกายกมือไหว้ผู้สูงวัยกว่า พออีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมาเห็นเธอเจ้าตัวถึงกับยิ้มกว้าง
“นั่งก่อนสิลูก” ขจีตบที่นั่งข้างๆ ตัว ภวิกาจึงพาร่างแบบบางของตัวเองไปนั่งตรงตำแหน่งนั้นตามที่อีกฝ่ายต้องการ
“ป้าเรียกแยมมามีอะไรรึเปล่าคะ”
“เพิ่งมาถึงเหนื่อยๆ นั่งก่อนนะลูก เดี๋ยวป้าไปเอาน้ำมาให้”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ” ภวิกาห้ามเอาไว้ไม่ทัน เพราะหลังจากที่เอ่ยจบร่างท้วมของป้าขจีก็ลุกพรวดพราดไปจากโซฟา กลับมาอีกทีพร้อมขวดน้ำและแก้วในมือ
“ดื่มน้ำก่อนลูก” มืออวบยื่นแก้วน้ำที่มีน้ำเกือบเต็มแก้วมาให้ ภวิกาจึงรีบรับเอาไว้แล้วยกขึ้นดื่มไปหนึ่งอึกเพื่อไม่ให้คนเอามาเสียน้ำใจ จากนั้นจึงวางแก้วลงที่โต๊ะกระจกทรงสี่เหลี่ยมที่ตั้งอยู่ด้านหน้า
“ป้าขจีมีอะไรจะคุยกับแยมเหรอคะ”
“เรื่องนั้นไงลูกที่ป้าโทร.หาแยมเมื่อสองวันก่อน จริงๆ แล้วป้าไม่อยากจะรบกวนแยมเลยนะ แต่ป้าเดือดร้อนจริงๆ” ขจีว่า สีหน้าก็แสดงถึงความวิตกกังวลอย่างชัดเจน
“แยมเข้าใจค่ะป้า แต่แยมไม่มีเงินเก็บเลย แล้วเงินตั้งสองแสนบาทแยมไม่มีหรอกค่ะ” ใจจริงภวิกาอยากจะแย้งเหลือเกินว่าเงินทั้งหมดของเธอก็ให้ป้าขจีกับพี่ขวัญไปหมดแล้ว จนเธอเหลือเงินติดกระเป๋าสตางค์เพียงไม่กี่บาท แต่ก็เอาเถอะ พูดออกไปก็จะผิดใจกันเปล่าๆ อย่างน้อยป้าขจีก็เป็นผู้มีพระคุณ และเป็นญาติผู้ใหญ่เพียงคนเดียวที่เธอเหลืออยู่
“แยมช่วยป้าไม่ได้จริงๆ เหรอลูก” คนพูดทำท่าจะร้องไห้ ภวิกาเห็นเข้าก็ใจคอไม่สู้ดีนัก
“ร้องไห้ทำไมคะป้า” ภวิกาคิดว่าที่ขจีต้องการเงินจำนวนสองแสนบาทนั่นก็เพราะจะเอาไปให้ขวัญจีราเที่ยวอย่างที่เคย ก่อนหน้านี้ขจีเคยขอเงินก้อนใหญ่จากเธอเพื่อเอาไปให้ขวัญจีราบินไปเที่ยวต่างประเทศ ซึ่งนั่นก็เป็นเงินก้อนใหญ่ก้อนสุดท้ายของเธอ และตอนนี้เธอก็ไม่มีจะให้แล้วจริงๆ
“ครั้งนี้มันจำเป็นจริงๆ นะลูก ฮือๆ” น้ำตาเริ่มไหลออกมาอาบแก้มของคนเป็นป้า มืออวบอูมเอื้อมไปหยิบกระดาษทิชชูที่วางอยู่บนโต๊ะกระจกทรงสี่เหลี่ยมขึ้นมาซับน้ำตาเบาๆ ภวิกาเห็นภาพนั้นแล้วอดสงสารไม่ได้
“ป้าบอกแยมได้ไหมคะว่าจะเอาเงินตั้งมากมายขนาดนั้นไปทำอะไร”
“คือ…แยมอย่าโกรธป้านะลูก ป้าไม่ได้ตั้งใจจริงๆ คือป้าเอาโฉนดที่บ้านไปจำนองเอาไว้ เจ้าหนี้บอกว่าถ้าไม่เอาเงินไปให้ภายในวันพรุ่งนี้เขาจะมายึดบ้าน ป้า…ป้าเป็นหนี้เพราะป้าเข้าบ่อน แต่ป้าไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะ ฮือๆ” ขจีคร่ำครวญ ส่วนภวิกานั้นถึงกับหน้าซีดเผือด เธอไม่ทราบมาก่อนเลยจริงๆ ว่าป้าขจีของเธอติดการพนัน
“แต่ป้าคะ โฉนดที่ดินรวมกับตัวบ้านก็ไม่ใช่น้อยๆ นะคะ แค่สองแสนเขามายึดไปไม่ได้หรอกค่ะ” ภวิกาถอนหายใจอย่างหนักหน่วงกับปัญหาที่ต้องเผชิญในขณะนี้ แต่ราคาโฉนดที่ดินรวมกับตัวบ้านอย่างน้อยๆ ก็เฉียดล้าน หนี้แค่สองแสนบาท อย่างไรเจ้าหนี้ของป้าขจีก็ไม่น่าจะมายึดเอาไปได้
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ก็เสี่ยขาวเจ้าของบ่อนที่ป้าเป็นหนี้เขาน่ะบอกว่าถ้าภายในพรุ่งนี้ป้าไม่เอาเงินไปให้เขา เขาจะคิดดอกเบี้ยเพิ่มเท่าตัว จากสองแสนเป็นสี่แสน และจากสี่แสนเป็นแปดแสน จนกว่าป้าจะเอาเงินไปให้และถ้าทบต้นทบดอกขนาดนั้น เสี่ยขาวก็ต้องยึดโฉนดไปได้แน่ๆ ถ้าแยมไม่ช่วย ป้าก็ต้องเสียบ้านหลังนี้ไป สมบัติชิ้นเดียวในชีวิตของป้า ฮือๆ”
“อย่างนั้นเรียกว่าโกงกันนี่คะ”
“ฮือๆ ป้าก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไง แยมก็รู้ว่าเสี่ยขาวเป็นคนมีอิทธิพลแถวๆ นี้ เราไปต่อกรกับเขาไม่ได้หรอก แยมต้องช่วยป้านะลูก” ร่างท้วมของขจีสะอื้นฮัก น้ำตาก็ไหลราวกับทำนบที่ใกล้จะพังเต็มที เห็นอย่างนั้นภวิกาก็อดที่จะสงสารผู้มีพระคุณไม่ได้
“ใจเย็นๆ ก่อนนะคะป้า” ภวิกาดึงมืออวบอูมมากุมเอาไว้อย่างต้องการจะปลอบประโลม แต่กลับไม่ได้ทำให้ขจีคลายสะอื้นลงได้เลย
“ฮือๆ แยมต้องช่วยป้านะลูก ต้องช่วยป้านะ”
“ค่ะป้า แยมจะช่วย แต่ป้าต้องสัญญามาก่อนว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก”
“จ้ะ ป้าสัญญา”
ภวิกาออกมาจากบ้านของขจีหลังจากที่เธอรับปากว่าจะช่วยเจ้าของบ้านก็คลายสะอื้นลงราวกับมีปุ่มกดหยุดทำงานอัตโนมัติ แต่นั่นยังไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เรื่องสำคัญต่อจากนี้นั่นก็คือเธอต้องหาเงินจำนวนสองแสนบาทนั่นมาให้ได้ภายในวันพรุ่งนี้ต่างหาก
หนทางเดียวที่เธอจะทำได้นั่นก็คือคงต้องรบกวนผู้มีพระคุณอีกครั้ง ทั้งที่เธอไม่อยากจะทำเลยก็ตาม มือบางหยิบสมาร์ทโฟนออกมาจากกระเป๋าสะพาย เลื่อนหน้าจออยู่ชั่วครู่ เมื่อเจอหมายเลขที่ต้องการจึงกดโทร.ออก
“คุณลุงคะ แยมมีเรื่องจะรบกวนค่ะ”
หาดจอมเทียน พัทยา
“นี่ หมอเท็น นายว่างนักหรือไงถึงได้บังคับขู่เข็ญพวกฉันให้ติดสอยห้อยตามมาด้วยแบบนี้” วีรภัทรบ่นอย่างไม่จริงจังนัก ตอนนี้พวกเขากำลังนั่งอยู่บนเตียงผ้าใบริมหาดจอมเทียน เพิ่งจะเดินทางมาถึงเมื่อชั่วโมงที่แล้ว และเขาเพิ่งก็จะแลกเวรออกได้อย่างฉิวเฉียดตอนที่สหทรรศโทร.มาบอก
“ร่างกายของฉันต้องการทะเล”
ร่างกายของมันต้องการทะเล แล้วเขากับวินธัยต้องรับผิดชอบด้วยหรือไรกัน
เฮอะ บ่นไปก็เท่านั้น ในเมื่อตอนนี้เขากับวินธัยก็อยู่ที่หาดจอมเทียนกับสหทรรศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“นายจะบ่นอะไรนักหนาหมอภัทร ค่าใช้จ่ายทั้งหมดฉันก็เป็นคนจัดการ ดูอย่างหมอวินสิ ยังไม่เห็นบ่นอะไรสักคำ”
คนที่ถูกพาดพิงวางลูกมะพร้าวน้ำหอมที่เปิดฝาและมีหลอดเสียบไว้ในมือลง ก่อนจะหันมาบอกเสียงไม่ดังนัก แต่ได้ยินชัดเจนกันทุกคน
“บ่นไปก็เท่านั้นแหละครับ สุดท้ายผมก็ต้องมากับพวกคุณอยู่ดี” วินธัยเป็นคนพูดน้อยต่อยหนัก เล่นเอาสหทรรศกับวีรภัทรสะอึกไปนิด ก่อนจะหันมาสบตากันพลางส่ายหน้าเบาๆ กับคำเหน็บแนมของวินธัย
“โดนเลยไหมล่ะ” วีรภัทรขมุบขมิบปากบอกสหทรรศ
“เออ รู้แล้ว” สหทรรศรับคำแบบส่งๆ ไป “โน่น ถ้านายเซ็งมากขนาดนั้น เก้านาฬิกา สามสิบสี่ ยี่สิบสี่ สามสิบห้า แบบที่นายชอบ”
วีรภัทรหันไปตามที่สหทรรศบอกในทันที ก่อนจะรำพึงรำพันด้วยความพออกพอใจ เมื่อเห็นสาวสวยในชุดบิกินี่สามคนกำลังเดินนวยนาดบนผืนทรายนุ่มๆ ริมชายหาดและหนึ่งในนั้นก็รูปร่างตามที่สหทรรศบอกเอาไว้อย่างไม่มีผิดเพี้ยน
“อืม แบบนี้ค่อยรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย”
หลังจากที่วีรภัทรว่าจบเป็นสหทรรศและวินธัยที่หันมาประสานสายตากัน ก่อนจะส่ายหน้าอย่างระอาใจกับท่าทางของวีรภัทร