บทนำ
"เดี๋ยวกานต์! จะไปไหน"
ขจรศักดิ์รีบวิ่งไปเข้าคว้าแขนหญิงสาวเอาไว้ เมื่อเห็นว่าเธอกำลังจะเดินถึงรถแท็กซี่ ก่อนหน้านี้ที่เธอเดินนำเขาออกมา เธอไม่ได้เดินไปยังอาคารจอดรถของโรงแรมที่ใช้จัดงาน แต่เธอกลับเดินออกมาหน้าโรงแรม และเดินตรงไปยังแท็กซี่ที่เพิ่งมาจอดส่งผู้โดยสารเมื่อสักครู่
"ปล่อย"
กานต์พิชชาสะบัดแขนให้หลุดจากการเกาะกุม บอกตามตรงว่าตอนนี้เธอรังเกียจและขยะแขยงผู้ชายคนนี้เป็นที่สุด
"ไม่ปล่อย แล้วนี่จะไปไหน เรายังไม่ได้คุยกันเลยนะ" ขจรศักดิ์ดึงเธอให้ออกห่างจากรถแท็กซี่ แล้วโบกมือไล่ให้รถคันนั้นขับออกไป
"ปล่อยเดี๋ยวนี้! เท่าที่จำได้เราไม่มีอะไรให้ต้องคุยกันแล้วนะ" เธอพยายามสะบัดแขนออกจากมือเขาอีกครั้ง ทว่าก็ยังไม่เป็นผล
"กานต์ ฟังพี่ก่อน เรื่องวันนั้นพี่อธิบายได้"
เธออยากจะหัวเราะออกมาดัง ๆ หากไม่ติดว่ากลัวคนที่เดินผ่านไปผ่านมาจะมองเธอว่าเป็นบ้า "อธิบายอะไรเหรอคะ ? ถ้าจะมาอธิบายว่าคุณเอากับยายนั่นท่าไหนบ้างหรือตอนเอารู้สึกยังไง ฟินแค่ไหน ก็ไม่ต้องนะคะ ฉันไม่ได้อยากฟัง"
เหอะ! ก็เห็นเต็ม ๆ สองตาขนาดนั้น ยังมีอะไรให้ต้องอธิบายอีก
"โธ่ ไม่เอาสิ ไม่งอนนะคะ เรื่องนั้นพี่ขอโทษ พี่ไม่ได้ตั้งใจ"
ไม่ได้ตั้งใจ!? กานต์พิชชาแค่นเสียงหัวเราะในลำคอ มองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างสมเพช นี่เธอเคยตาบอดไปรู้สึกดีกับผู้ชายอย่างนี้ไปได้อย่างไรกันนะ โคตรหน้ามืดเลย
"ปล่อย ฉันไม่ได้งอนอะไรคุณ เพราะฉะนั้นไม่ต้องมายุ่งกับฉันอีก เราไม่มีอะไรต้องยุ่งเกี่ยวกันอีกแล้วค่ะ"
"เนี่ย ไม่งอนอะไร กานต์งอนพี่อยู่ชัด ๆ"
กานต์พิชชาถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายกับความพูดไม่รู้เรื่องของคนตรงหน้า "พอเถอะค่ะ ถือว่าฉันขอนะคะ ขอให้เราจบกันด้วยดี เรื่องที่คุณนอกใจฉัน ฉันจะไม่บอกใคร จะไม่ทำให้คุณและครอบครัวคุณเสียชื่อเสียงเลย"
ใช่! ไม่มีใครรู้เรื่องที่ขจรศักดิ์นอกใจเธอ แม้แต่มารดาของเขาและเธอก็ไม่มีใครรู้ นอกจากเพื่อนสนิทแล้วกานต์พิชชาก็ไม่ได้บอกเรื่องนี้กับใครเลย เพราะหากเธอบอกสาเหตุจริง ๆ ที่เลิกกันกับทุกคน ปัญหาที่ตามมาอาจสร้างความรำคาญให้เธอได้ เธอจึงคิดว่าจบกันไปเงียบ ๆ แบบนี้แหละดีแล้ว
"กานต์คะ พี่ขอโทษจริง ๆ ยกโทษให้พี่นะ พี่รักหนูคนเดียวนะคะ"
"แต่ฉันไม่ได้รักคุณค่ะ" เธอบอกพร้อมมองหน้าเขาด้วยแววตาจริงจัง เพื่อบอกให้เขารู้ว่าเธอรู้สึกอย่างที่พูดจริง ๆ ทว่าเขายังคงดื้อดึง ไม่ยอมฟังที่เธอพูด
"พี่ไม่เชื่อค่ะ ตอนนี้หนูยังรักพี่ แต่หนูแค่งอนพี่ หายงอนพี่นะคะ"
"เฮ้อ!" เห็นความดื้อดึงของชายหนุ่มตรงหน้า กานต์พิชชาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาแรง ๆ แสดงออกชัดเจนว่าเธอกำลังรำคาญ หญิงสาวไม่ได้พูดอะไรนอกจากถอนหายใจ พร้อมกับพยายามแกะมือเขาออกจากแขน แต่เขาก็ไม่มีท่าทีจะปล่อยเธอไปง่าย ๆ
"พี่ต้องทำยังไงหนูถึงจะยกโทษให้พี่ หรือหนูอยากได้อะไรไหม กระเป๋า รองเท้า นาฬิกา เครื่องสำอาง พี่ซื้อให้หนูได้หมดเลย ยกโทษให้พี่นะคะ"
เธอชินเสียแล้วล่ะ กับการที่เขามักจะซื้อของให้เธอเพื่อกลบเกลื่อนความผิดของตัวเอง ทุกครั้งที่ทะเลาะกันเล็ก ๆ น้อย ๆ เขามักเป็นแบบนี้เสมอ เธอไม่ได้อยากได้ของพวกนั้นเลย แต่ทุกครั้งที่ผ่านเธอจะรับของที่เขาซื้อให้ เพื่อให้เรื่องมันจบ ๆ ไป เพราะเห็นว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร แต่ครั้งนี้เธอตั้งใจแล้วว่าจะตัด ก็ต้องตัดให้ขาด
"ค่ะ ฉันยกโทษให้"
ขจรศักดิ์ยิ้มกว้างทันที เพราะคิดว่าง้อเธอสำเร็จ ทว่าประโยคต่อมากลับทำให้เขาหุบยิ้มทันที
"แล้วให้มันจบที่ตรงนี้ ไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกันอีก"
"นี่ไม่คิดจะยอมให้พี่จริง ๆ ใช่ไหมกานต์" น้ำเสียงเขาแข็งขึ้น มือที่จับแขนเธออยู่ก็บีบแน่นขึ้นเช่นกัน
"โอ๊ย! ฉันเจ็บนะ"
"พี่ว่าวันนี้เราคงคุยกันไม่รู้เรื่องแล้วละ"
เขาบอกพร้อมดึงแขนเธอให้เดินตามเขาไปยังอาคารจอดรถที่อยู่ด้านหลังของโรงแรม กานต์พิชชาพยายามยื้อสุดแรง ทว่าแรงผู้หญิงจะไปสู้กับแรงผู้ชายได้อย่างไร ในเมื่อสู้ด้วยแรงไม่ได้ทางเดียวที่เธอทำได้ตอนนี้คือสู้เขาด้วยเสียง
"นี่! จะพาฉันไปไหน ปล่อยนะ ฉันจะกลับบ้าน!"
"ไปคอนโดฯ พี่"
"ไม่ไป ปล่อยนะ!"
จะไปให้โง่เหรอ หากเขาคิดจะทำอะไรบ้า ๆ ขึ้นมา เธอจะมีแรงสู้เขาได้เหรอ อย่างไรเธอก็จะไม่ยอมไปกับเขาเด็ดขาด
"ไป! ยังวันนี้เราต้องคุยกันให้รู้เรื่อง"
"ฉันพูดทุกอย่างชัดเจนแล้ว คุณนั่นแหละที่พูดไม่รู้เรื่อง! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ฉันจะไม่ไปไหนกับคุณทั้งนั้น ถ้าคุณไม่ปล่อยฉันจะร้องให้คนช่วย!"
ต่อให้มันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ หรือกลายเป็นข่าวหน้าหนึ่งในวันพรุ่งนี้เธอก็ไม่สนแล้ว ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมฟังที่เธอพูด แล้วยังรั้นที่จะเอาแต่ใจอยู่แบบนี้ เธอก็จะไม่ไว้หน้าใครแล้วเหมือนกัน!
"ก็ลองดูสิ เธอก็รู้ว่าพี่ทำอะไรได้มากกว่าที่เธอคิด"
สรรพนามที่เคยแทนเธอว่า ‘หนู’ หายไป เนื่องจากตอนนี้ขจรศักดิ์อยู่ในอารมณ์ขุ่นมัว และเริ่มหมดความอดทนที่ไม่ว่าเขาจะตามง้อเท่าไร หญิงสาวก็ไม่ยอมคืนดีด้วยง่าย ๆ
"อย่าคิดว่ามีแบ็กหลังใหญ่โตแล้วฉันจะกลัวคุณนะ"
หญิงสาวตอบกลับอย่างไม่ยอมแพ้ พยายามไม่แสดงอาการเจ็บปวดตรงแขนที่ถูกบีบให้เขาได้รับรู้ ทว่าพอเห็นว่าหญิงสาวไม่อ่อนลง ขจรศักดิ์ก็ยิ่งเพิ่มแรงบีบแขนเธอแรงขึ้น จนเธอต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ
"โอ๊ย!"
"อย่ามาเก่งกับพี่ เธอจะไปคอนโดฯ กับพี่ดี ๆ หรือจะให้พี่ฉุดเธอไป" แล้วที่ทำอยู่ตอนนี้ไม่เรียกว่าฉุดหรือไง
"ถ้าจะให้ไปดี ๆ ก็ปล่อยแขนฉันสิ ฉันเดินเองได้"
กานต์พิชชารู้ตัวว่าสู้เขาไม่ได้ จึงยอมอ่อนให้ในที่สุด ด้วยรู้สึกเจ็บแขนตรงที่เขาจับและออกแรงบีบมาก และคิดว่าพรุ่งนี้มันต้องเป็นรอยช้ำแน่นอน เพราะตอนนี้มันเริ่มแดงขึ้นมาแล้ว
"พูดง่าย ๆ แบบนี้ตั้งแต่แรกก็สิ้นเรื่อง"
ขจรศักดิ์ยกยิ้มที่มุมปากอย่างผู้ชนะ ยอมปล่อยเธอแต่โดยดี ทว่ามันกลับไม่เป็นอย่างที่คิด เพราะทันทีที่เขาปล่อยกานต์พิชชาก็รีบสะบัดแขนอย่างแรง แล้วรีบวิ่งหนีไปจากตรงนั้นทันที
"ฉิบ! อีนี่"
ชายหนุ่มสบถถ้อยคำหยาบคายออกมาอย่างหัวเสีย ก่อนจะรีบสาวเท้าวิ่งตามหญิงสาวที่วิ่งออกไป
ไม่รู้ว่าคิดถูกคิดผิดที่เธอตัดสินใจวิ่งหนีเขาออกมาแบบนี้ เพราะถ้าเทียบกันแล้ว เขาสูงกว่าเธอตั้งหลายเซนติเมตร และแน่นอนว่าขาเขายาวกว่าเธอมาก แล้วไหนจะชุดราตรีรัดรูปที่เธอใส่อยู่นี่อีก
เหลืออีกไม่กี่เมตรร่างเพรียวก็จะวิ่งถึงรถแท็กซี่ที่จอดเทียบริมฟุตปาธหน้าโรงแรม ทว่าพอเธอหันกลับไปมองข้างหลัง เหลืออีกเพียงไม่กี่ก้าวขจรศักดิ์ก็จะสามารถเข้าถึงตัวเธอได้แล้ว
คำนวณดูคร่าว ๆ ต่อให้เธอวิ่งไปถึงแท็กซี่ตอนนี้ ก็ไม่มีทางรอดพ้นจากเขาได้ เพราะกว่าเธอจะเปิดประตูและเข้าไปนั่ง เขาก็คงคว้าประตูเอาไว้ได้ทัน แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นเธอก็จะไม่ยอมจนมุมเด็ดขาด อย่างไรเธอก็ต้องรอดพ้นจากเขา และไม่ทันได้ระวัง ในจังหวะที่เธอกำลังจะหันหน้ากลับมาตั้งใจวิ่งต่อ ร่างของเธอก็ปะทะเข้ากับร่างแกร่งของใครสักคน
ปึก!
"อ๊ะ!" หญิงสาวร้องขึ้นมาด้วยความตกใจเพราะเกือบล้มลงไปกองที่พื้น หากชายหนุ่มตรงหน้าไม่คว้าเอวเธอเอาไว้ก่อน กานต์พิชชาหลับตาแน่นในวงแขนของชายหนุ่มที่เธอยังไม่เห็นหน้า ในหัวกำลังคิดว่าเธอคงหนีขจรศักดิ์ไม่พ้นแล้วแน่ ๆ ลำพังแค่วิ่งก็เกือบจะไม่ทันอยู่แล้ว ยังมาวิ่งชนใครก็ไม่รู้จนเกือบเสียหลักล้มลงไปอีก
"คุณเป็นอะไรหรือเปล่า"
เจ้าของวงแขนแกร่งเอ่ยถาม แล้วปรายตาไปมองขจรศักดิ์ที่ยืนอยู่ไม่ไกลด้วยสายตาเรียบนิ่ง
กานต์พิชชาส่ายหน้าและขยับตัวออกห่างชายหนุ่มตรงหน้าเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองขจรศักดิ์ที่ยืนอยู่ข้างหลัง
"กานต์ มาหาพี่" ขจรศักดิ์พูดขึ้นพร้อมสืบเท้าเข้ามา หมายจะคว้าแขนของอดีตแฟน ทว่าปรัชญ์กลับคว้าเอวเธอเข้ามาแนบชิดอีกครั้ง การกระทำของเขาทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจเป็นอย่างมาก "ปล่อยแฟนผมเดี๋ยวนี้ คุณไม่มีสิทธิ์มากอดแฟนผม"
เจ้าของนัยน์ตาสีเข้มไม่สนใจสิ่งที่ขจรศักดิ์พูด เขาก้มมองหญิงสาวที่อยู่ในวงแขนครู่หนึ่งแล้วเอ่ยถาม
"นั่นใคร" ปรัชญ์ถามพร้อมกับพยักพเยิดหน้าไปยังคนที่ยืนอยู่ข้างหลังเธอ
"แฟนเก่า"
"เขาจะทำอะไรคุณ"
"เขาจะพาฉันไปที่คอนโดฯ ของเขา แต่ฉันไม่อยากไป"
กานต์พิชชาตอบชายหนุ่มตรงหน้าไปตามตรง หันกลับไปมองคนที่เป็นแฟนเก่าอย่างไม่ไว้ใจ ก่อนจะหันกลับมาพูดกับปรัชญ์อีกครั้ง
"คุณช่วยฉันหน่อยได้ไหม"
"แล้วผมจะได้อะไร" เขาถามอย่างใจเย็น เขาช่วยเธอได้ และแน่นอนว่าเขาไม่ช่วยใครฟรี ๆ
"แล้วคุณอยากได้อะไร"
"แต่งงานกับผม"
!!!