6

1593 คำ
ในเมื่อแม่ก็ไม่อยู่ เอกนรีเองก็เลยไม่คิดจะอยู่บ้านนานไปกว่านั้น ถึงแม้จะนัดเพื่อนบ่ายสามโน่น แต่เธอก็มารอที่ห้างนัดหมายตั้งแต่สิบเอ็ดโมง ตรงดิ่งไปยังร้านกาแฟที่นัดหมายกัน หลังจากนั่งรอไปสักพักพร้อมกาแฟที่เพิ่งได้วางลงบนโต๊ะตรงหน้า เพื่อนรักหนึ่งเดียวในวงการบันเทิงเพราะคบกันมานานตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยก็ทำการโทร.มายกเลิกนัด เทเธอทิ้งเป็นที่เรียบร้อย เอกนรีมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก จ้องมองแก้วกาแฟเขม็งเหมือนส่งสายตาให้คนปลายสายพลางโวยวายอย่างรับไม่ได้ที่โดนเทในเวลานี้ “กุ๊กไก่ แกจะเบี้ยวนัดเพื่อนแบบนี้ไม่ได้นะ” “เอาน่า” ปลายสายทำเสียงอ่อนข้อสุดๆ มาให้ “ขอโทษๆ งานมันเข้า” แม้จะเข้าใจ แต่เอกนรีก็หงุดหงิดใจอยู่ดี “พอไปเป็นนางเอกหน่อยเทเพื่อนเหรอไก่ ใช่ซี่ เพื่อนมันไม่สำคัญนี่ เพื่อนมันไม่สำคัญเท่าผู้ชาย!” เธออดโวยวายจิกกัดไม่ได้ จำได้นะว่ายายเพื่อนซี้เคยเพ้อถึงนักแสดงชายที่เล่นเป็นพระเอกคู่กันอยู่ว่าหล่ออย่างโน้นนิสัยดีอย่างนี้ เห็นน่ารักเรียบร้อยแอ๊บแบ๊ว แต่จริงๆ เพื่อนเธอแรดหลบในจะตาย คงจะรีบเทเธอเพื่อใกล้ชิดผู้ชายมากกว่าละสิ “ลี่ อย่าดราม่า เพื่อนมาทำงานโว้ย ใครจะไปรู้ว่าต้องมาถ่ายซ่อมวะ” อีกฝ่ายเถียงเสียงหงุดหงิด แต่ไม่รู้ละ ทำไมช่วงนี้ใครๆ ถึงได้เทเธอ เธอไม่เข้าใจ “นี่อุตส่าห์ได้วันชีทเดย์ ฉันเก็บชีทเดย์ไว้เพื่อมากินปูดองเกาหลีกับแก แต่แกมันนังคนทรยศอะไก่ เพื่อนเสียใจมาก ณ จุดจุดนี้” เอกนรีคร่ำครวญหวนไห้ เนี่ย ประเด็นสำคัญคือเรื่องนี้ อาหารที่เธอต้องได้กิน สุดท้ายก็จะอดเพราะเพื่อนเหรอ แล้วให้กินข้าวคนเดียวในร้านอาหารที่คนพลุกพล่านล้านแปด เธอก็ไม่ได้อยากโดนดราม่ามโนอะไรอีก แม้ว่าเธอจะโสดในเลเวลปั่นเรือเป็ดคนเดียวได้ แต่คนอื่นๆ ไม่พร้อมใจจะมองว่าเธอควรโสดนี่ เธอต้องการเพื่อนเป็นไม้กันหมา ต้องการคนที่พร้อมจะกินปูดองโดยไม่ห้ามปรามกัน แน่นอนว่าพี่เป้ยพามาไม่ได้ เธอมีอีกฝ่ายเป็นเพื่อนอีกคนในชีวิตที่สนิทที่สุดเวลานี้ แต่ความเป็นเพื่อนก็แพ้ผู้ชายจนได้ เธอเสียใจ ปลายสายถอนหายใจใส่เธอเหมือนเบื่อจะพูด ก่อนจะเอ่ยตัดบทแล้วกดวางสายไปดื้อๆ “ผู้กำกับเรียกเข้าฉากแล้ว แค่นี้นะ” “นังก่ายยยยยยย” เอกนรีได้แต่ร้องคร่ำครวญ ตอนนี้ถูกเทแล้วอย่างเป็นทางการ เอาละ คิดสิลี่ จะไปกินคนเดียวหรือจะกลับบ้านไปนอนเหมือนซ้อมตายรอแม่กินข้าวเย็นด้วยกันดี... .................. ภูธเรศตัดสินใจไม่เข้าออฟฟิศอีกแห่งแต่กลับบ้านแทน เพราะได้รับข้อความจากคุณแม่ส่งมาบอกว่าตอนนี้ท่านกลับมาถึงบ้านแล้วตั้งแต่เมื่อคืน หลังจากที่ไปเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์มาสิบห้าวัน พอเขาเดินเข้าบ้าน สาวใช้ก็ยอบตัวทักทายเรียงราย แต่เขาไม่สนใจใคร ชายหนุ่มตรงไปยังห้องนั่งเล่นตามคำบอกของหนึ่งในคนนั้น แล้วจึงเห็นว่าคุณแม่อยู่ในห้องนั่งเล่นจริงๆ ด้วย “น้องภูมาแล้วเหรอคะลูก” คุณแม่ส่งยิ้มอย่างอ่อนโยนให้เขาซึ่งทรุดลงไปนั่งข้างๆ ชายหนุ่มยิ้มตอบรอยยิ้มนั้น “คุณแม่...” เขาถูกเลี้ยงดูโดยฝั่งบิดาเป็นส่วนใหญ่ มีช่วงเวลาสั้นๆ ราวๆ หนึ่งปีกว่าๆ ที่ได้กลับมาอยู่เมืองไทยกับคุณแม่ แม้จะต้องห่างกันเพราะพอคุณแม่กับป๊าของเขาเลิกกัน คุณก็แม่ตัดสินใจย้ายกลับมาอยู่เมืองไทยถาวร แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกว่าขาดความอบอุ่น คุณแม่ไปหาเขาอยู่บ่อยๆ แม้ไม่ทุกเดือนแต่ก็บ่อยที่สุดเท่าที่ท่านจะทำได้ เขารักคุณแม่ พอๆ กับรักป๊า แต่ต้องยอมรับว่าส่วนหนึ่งที่เขาเลือกย้ายกลับมาอยู่กับคุณแม่เพราะว่าท่านไม่เหลือใครนอกจากเขา ส่วนป๊ายังมีญาติอีกหลายคน รวมถึงมันคือข้อตกลงระหว่างเขากับป๊าตอนที่ท่านให้เขาเลือกเมื่ออายุสิบสองว่าเขาจะอยู่กับใครหลังจากอายุยี่สิบห้าปี และเขาเลือกคุณแม่... “แม่ไม่ค่อยได้เจอหน้าลูกเลย ทำงานหนักเกินไปหรือเปล่าคะลูก นมจิตรบอกแม่ว่าลูกไม่ค่อยกลับมานอนที่บ้านด้วย” คุณแม่จ้องหน้าเขาราวกับสำรวจพร้อมกับยกมือขึ้นลูบใบหน้าเขาด้วยท่าทีห่วงใย โดยเฉพาะใต้ตาที่ดำคล้ำในช่วงเวลานี้เพราะเขามีเรื่องให้ต้องคิดมาก “ผมทำงานหนักไปหน่อยน่ะครับ” ภูธเรศจับมือคนเป็นแม่มากุมไว้แทน “งานทางโน้นก็เยอะด้วย ยังไงป๊าก็ยังให้ผมช่วยงานอยู่” เพราะหลังๆ เขาเริ่มเข้ามาเป็นหนึ่งในผู้บริหารของซีซีกรุ๊ปแล้วเพื่อช่วยงานคุณแม่ซึ่งเป็นประธานบริหาร “แม่ทำลูกลำบากหรือเปล่าคะ ถ้าลูกอยู่ทางโน้นอาจจะดีกว่า” ถึงอย่างไรก็ต้องยอมรับว่าซีซีกรุ๊ปของเธอยังเทียบไม่ได้กับหยางเอนเตอร์ไพรส์ เธอดีใจที่ลูกเลือกเธอ แต่ก็กังวลว่าเขาจะเลือกผิดหรือเหนื่อยเกินไป ตรงนี้อย่างไรก็เป็นของเขา แต่สิทธิ์ที่ภูธเรศควรจะต้องรักษาไว้ทางโน้นก็มี หรือเธอควรให้ลูกกลับไปอยู่ทางนั้นก่อน และดูเหมือนว่าภูธเรศก็คงเข้าใจความกังวลของคนเป็นแม่ เขายิ้ม ส่ายหน้าให้ท่านช้าๆ ก่อนจะตอบอย่างหนักแน่น เป็นคำตอบเดิมนับตั้งแต่เขาเลือกจะกลับมาอยู่ที่เมืองไทยเมื่อปีก่อน “ไม่หรอกครับ ผมเลือกเอง ตราบใดที่ผมยังทำงานให้ป๊าด้วย เขาก็ไม่ขัดข้องที่ผมจะเลือกกลับมาอยู่กับคุณแม่” “แต่ถ้าลูกเหนื่อย...” “ผมเหนื่อยไม่เท่าคุณแม่หรอกครับ” เขายิ้มกว้าง รู้ดีว่าการดูแลซีซีกรุ๊ปนั้นไม่ง่ายเลย แล้วคุณแม่ที่ต้องรับสืบทอดกิจการนี้ต่อจากคุณตานั้นต้องเหนื่อยเป็นสองเท่าเพราะท่านเป็นผู้หญิง ฉะนั้นเทียบกับเขาที่เกิดมาโดนฝึกฝนเรื่องอย่างนี้อยู่แล้วย่อมลำบากกว่ามาก “คุณแม่ไม่ต้องห่วงนะ ไหนเล่าให้ผมฟังหน่อยว่าไปสวิสมาสนุกไหมครับ” ชายหนุ่มเปลี่ยนเรื่อง และสีหน้าของคุณแม่ก็ดีขึ้นเช่นกัน เขารู้ว่าท่านดีใจมากแค่ไหนที่เขาเลือกจะอยู่กับท่าน “ก็ดีจ้ะ สวิสก็สวยเหมือนเดิม” คุณแม่ตอบ เพราะอันที่จริงท่านก็ไปที่นั่นบ่อย สมัยเขายังเรียน ถ้าว่างเขาก็บินไปกับท่านด้วยเช่นกัน “ไม่มีอะไรมาอวดผมจริงๆ เหรอครับ” เขาถามเสียงหยอกเย้า คุณแม่ของเขาเป็นนักช็อปมือหนึ่ง ไม่มีทางที่จะไม่มีอะไรมาอวดเขา แล้วไปสวิตเซอร์แลนด์ก็ไม่ได้แค่ไปเที่ยว แม่เขายังไปซื้อของด้วย คุณแม่มองค้อนเขาอย่างหมั่นไส้ที่โดนรู้ทัน ก่อนจะยอมตอบคำถามง่ายๆ “แม่ซื้อนาฬิกามาฝากเราสองเรือน เดี๋ยวค่อยมาดูนะ แล้วก็...น้องแก้ว ลูกสาวคุณหญิงญาณา น่ารักมากๆ เลยค่ะลูก แม่อยากให้ภูกับน้องรู้จักกันเอาไว้ ตอนนี้ภูก็สามสิบแล้ว ควรมองหาใครสักคนที่ควรจะอยู่กับภูได้แล้วนะคะ” ภูธเรศถึงกับชะงักไปเนิ่นนาน เขามองใบหน้าสวยของท่านแล้วก็รู้ดีแก่ใจว่าท่านคิดจะทำอะไร นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้ยินชื่อของน้องแก้ว...หลายทริปที่แม่เขาไปและกลับมามักจะพูดเช่นนี้เสมอ แรกๆ พอเขายิ้มเฉยๆ คุณแม่ก็ไม่พูดอะไร แต่กลับมีครั้งนี้ที่แสดงออกอย่างเด่นชัดว่าต้องการให้เขาทำอะไรกับน้องแก้วของคุณแม่ ภูธเรศยอมคุณแม่ของเขาเสมอมา ทว่าไม่ใช่เรื่องนี้...ขอเพียงเรื่องนี้เรื่องเดียวที่เขาไม่คิดจะทำตามคำสั่งของใคร “คุณแม่ครับ...” “...” คุณแม่มองเขาด้วยสีหน้าสงสัย เนื่องจากเขาเปลี่ยนท่าทีเป็นจริงจัง ภูธเรศยิ้ม ก่อนจะตอบปฏิเสธคุณแม่ด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ภูมีคนที่ชอบแล้วครับ” เขาเห็นคุณแม่ชะงักไปนิด แต่ก็ยังเก็บอาการได้ดี “ใครเหรอคะ” คุณแม่ถามออกมาในที่สุด ขณะที่ผู้เป็นแม่มองเขาด้วยสายตาสงสัย ทว่าท่านยังไม่แสดงท่าทีอะไร แต่นั่นก็ทำให้เขารู้สึกกดดันจนแทบหายใจไม่ทั่วท้องอยู่แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่มีทางเปลี่ยนใจหรอก... “ถ้าภูพร้อม ภูจะพาน้องมาพบกับคุณแม่นะครับ” ชายหนุ่มบอกขณะที่คุณแม่มองเขาแล้วยิ้ม แต่เป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความกดดันที่ทับอยู่ในหัวใจของเขา “คงเป็นคนที่เหมาะสมกับเราใช่ไหมคะน้องภู” “ครับคุณแม่” ภูธเรศตอบรับ ถ้ามองจากภายนอกก็ไม่ แต่ถ้ามองด้วยหัวใจของเขา ...ไม่ว่าทางไหนก็เหมาะสมกับเขา เพราะใจเขารักคนคนนี้... “...” “ภูคิดว่าเหมาะสมกันครับ” เขาจะใช้ความพยายามทั้งหมดที่มี...ทำให้มันเหมาะสมเอง ..........
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม