7

2432 คำ
เอกนรีตื่นเช้าขึ้นมาด้วยอาการสับสนงุนงง เมื่อได้ยินคำตอบย้ำอีกครั้งจากพี่เป้ยที่โทร.มาหาเธอก่อนเวลานัดตั้งสามชั่วโมงเพื่อบอกเรื่องสำคัญ “แคนเซิลงานเหรอคะ” หญิงสาวถามด้วยความประหลาดใจ อีเวนต์บ่ายสามโมงที่ห้างนั้นนัดกันมานานแล้ว คนจ้างก็สนิทกับเธอดี จู่ๆ เหตุใดถึงแคนเซิลงานเธอ และบอกตามตรงว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรก นับตั้งแต่งานของซีแซด ไม่สิ ตั้งแต่ก่อนหน้าแล้วที่งานเธอลดลง มันลดลงจนน่าใจหาย ตอนแรกเธอไม่เอะใจ กระทั่งถี่เกินไปจนคิดว่ามันเริ่มจะผิดปกติแล้ว “จ้ะ” “มันเกิดอะไรขึ้นอะพี่เป้ย” หญิงสาวถามผู้จัดการส่วนตัวและพี่ที่สนิทกันที่สุดคนหนึ่งด้วยความสับสนมึนงง ช่วงนี้ยกเลิกงานเธอก็ยังพออยู่ได้หรอก แต่ถ้าเกิดวันหนึ่งยกเลิกทั้งหมดล่ะ เธอจะทำอย่างไรดี... เธอยังต้องกินต้องใช้ แม่ก็ยังต้องได้เงินไปเปย์ผู้ชายอยู่นะ... ถ้าวันหนึ่งไม่มีงาน เธอสองแม่ลูกจะเอาอะไรกิน “พี่ก็ไม่รู้อะหนู” พี่เป้ยตอบมาด้วยน้ำเสียงสับสนจนใจไม่แพ้กัน “นี่จู่ๆ หลายเจ้าก็แคนเซิลเยอะเลย พี่ก็พยายามถามแล้วนะ แต่ไม่รู้ทำไมถึงกลายเป็นอย่างนี้ แต่พี่ว่ามันแปลก เขาอึกอักๆ กันอะ ยิ้มแหยๆ แล้วเอาแต่ขอโทษ” เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้น่าจะมีปัญหาแน่นอน เอกนรีถอนหายใจอย่างหงุดหงิดงุ่นง่าน เธอนิ่งเงียบไปนานก่อนจะถามพี่เป้ยด้วยน้ำเสียงเยียบเย็นว่า “แล้วเขาเอาใครมาแทนหนู” คราวนี้พี่เป้ยสะบัดเสียงตอบได้ทันควัน “จะใครล่ะจ๊ะ ก็ยายน้องปุยนุ่นนั่นแหละ” ปุยนุ่น...อดีตเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดของเธอในวงการ ฉากหน้าคุยกันได้ ลับหลังแทบจะตบกัน ปุยนุ่นมันอิจฉาที่เธอดังกว่า งานเยอะกว่า ค่าตัวแพงกว่า มันไต่เต้าจากสายงานเซ็กซี่ หลังๆ พยายามจะอัปเกรดให้ตัวเองดูดีด้วยการเดินตามรอยเท้าเธอ และอาศัยที่ว่าตัวเองยอมมีเสี่ยเลี้ยง ให้พวกผู้ชายคุ้มหัวแล้วแย่งงานเธอไป แต่ใช่ว่าคนบนโลกนี้จะตาบอดไปหมด #ปุยนุ่นเจ้าแม่เสิ่นเจิ้น เคยเป็นแฮชแท็กร้อนแรงมาหลายระลอกเพราะคนในทวิตเตอร์เห็นพฤติกรรมของนางแล้วก็เอามาแฉกันว่านางพยายามมากแค่ไหนในการลอกเลียนแบบเธอ ตั้งแต่พฤติกรรม เสื้อผ้าหน้าผม ยันตามแย่งผู้ชายที่เข้ามาจีบเธอ มองมาจากดาวอังคารคนก็รู้ว่าอีนี่มันขี้ลอก แถมนิสัยขี้อิจฉาสันดานเสียอย่างปิดไม่มิด มันก็ทำให้คนพร้อมจะให้ข่าวลือออกไป สร้างความขุ่นเคืองหงุดหงิดให้ปุยนุ่นหลายครั้ง นางคิดว่าเธอเป็นคนปั่นอยู่เบื้องหลัง ซึ่งเอกนรีได้แต่ยักไหล่ เรื่องนี้เกี่ยวกับเธอที่ไหน กรรมตามสนองเองแล้วพาล ถ้าคนมันดีจริงใครมันจะไปมีอะไรให้แฉล่ะจริงไหม แน่นอนเอกนรีสะใจที่นางโดนแฉ เธอก็แค่อยู่เฉยๆ แต่ใครถามก็พร้อมจะทิ่มแทงเปิดเผยบ้างให้คนไปขบคิดเอาเอง แต่ว่าคนสันดานแย่แบบมันก็มีวาสนาของคนแย่ๆ อยู่ ปุยนุ่นนางก็ยังได้ดีเพราะคอยเกาะผู้ชายที่มีอิทธิพล ส่งเสริมให้นางได้งานการดีๆ ทำ โดยเฉพาะงานไหนแย่งเธอได้ก็พร้อมจะเยาะเย้ยถากถาง สันดานไพร่จริงๆ สงสัยงวดนี้งานกะทันหันแน่นอน ปุยนุ่นนางเลยยังไม่ส่งข้อความมาเย้ยหยันเธอ แต่ก็เดาได้แหละว่าอีกไม่นานก็คงมีข้อความตามมา “ตอนนี้มันคบใครคะ” เอกนรีถาม ได้ยินพี่เป้ยทำเสียงเหมือนจะขากเสลดก่อนจะตอบ “เสี่ยวีระชัย” เอกนรีถึงกับบางอ้อ เธอร้องอ๋อยาวๆ เนื่องจากเมื่อปีก่อนเธอก็ถูกเสี่ยนี่ตามตื๊อ เขามีชื่อในวงการก่อสร้าง ลูกสาม เมียห้า น่ากลัวฉิบ เป็นคนเลวร้ายที่แม้จะมีข่าวว่าทำผิดกฎหมาย แต่สุดท้ายก็ลอยตัวมาได้แม้จะโดนคนด่าทั้งประเทศอยู่นับเดือนก็ตาม ทำอย่างไรได้ คนมันมีเงิน โชคดีที่เธอเข้าถึงยาก เสี่ยนี่มันรำคาญหาว่าเธอเล่นตัวก็เลยไปคั่วคนใหม่ง่ายๆ ตอนนั้นได้ยินว่าเป็นอีกคน แต่ตอนนี้กลายเป็นนังอดีตเพื่อนรักของเธอไปเสียแล้ว “เสี่ยนี่เจ้าชู้มั่วมากนี่นา ไม่นานนุ่นมันต้องโดนเขี่ยทิ้ง ไม่ได้อยากแช่ง แต่เกลียดคนแบบนี้มาก ต่อหน้าแอ๊บแบ๊วเป็นคนดี ลับหลังคือนางโมรายื่นมีดแทงข้างหลังคน!” เอกนรีบอกสิ่งที่คิดไปตามตรง แต่ความโมโหก็ทำให้เธอเผลอกราดเกรี้ยวใส่คนที่พูดถึงจนได้ พี่เป้ยที่อยู่ปลายสายถึงกับร้องอูยแล้วปลอบให้เธอใจเย็น “ใจเย็นๆ ค่ะลูก calm down ลูกเอ๊ย...” เอกนรีที่โมโหจนหน้าร้อนหัวร้อนไปหมดได้แต่หายใจฟืดฟาดพยายามใจเย็น “อือ ใจเย็นอยู่ พยายามไม่เอาพิมเสนไปแลกเกลืออย่างมัน แต่พูดแล้วยังเจ็บหลังที่มีมีดปักอยู่เลย เหมือนเกิดมาเพื่อให้เขาขึ้นบนหัว สมกับที่คนด่าว่าหนูนมโตกว่าสมอง กัดคนอื่นไม่ได้กัดความควายของตัวเองนี่แหละเจ้ ก็โง่เองให้คนแบบนี้ไต่ขึ้นไปเหยียบหัว ส่งงูพิษให้เป็นหงส์ก็มีแต่หนูนี่แหละ อยากแทงมันคืนนะ แต่กลัวกรรม ทุกวันได้แต่กราบพระสวดมนต์สงบใจ อยากแช่งมากนะเพราะไม่ใช่คนดี แต่ก็ไม่อยากมีอะไรผูกพันกับคนแบบนี้ไปถึงชาติหน้า แต่มันก็เหมือนผี วนเวียนเข้ามาแทงหนูอยู่ได้ ได้เสี่ยเลี้ยงดีแล้วไม่ใช่หรือไง จะกลับมาแย่งงานหนูทำไมอีช็อกการีเนี่ย!” ตอนท้ายเธอแทบจะตะโกน ยิ่งพูดก็ยิ่งขึ้น อันที่จริงอย่างไรงานนี้เธอก็ได้ค่าผิดสัญญาจากฝ่ายนั้น เธอไม่ผิดแต่พวกเขายกเลิก ทว่ายกเลิกบ่อยๆ แบบนี้มันก็ไม่โอเคไง เกิดคนไปเต้าข่าวขึ้นมาว่าเธอแย่จนผู้จัดงานหลายคนเทแบบนี้ทั้งๆ ที่เธอถูกก็มีแต่เธอนี่แหละที่จะเสีย ทั้งๆ ที่เธอโดนแย่งงานไปแท้ๆ พี่เป้ยได้ยินเธอด่าอย่างที่นานๆ จะเดือดขนาดนี้ถึงกับร้องวี้ดว้ายตกใจไปไม่เป็น แล้วพยายามทำให้เธออารมณ์เย็นขึ้นมา “ปากจัดมากลูก เพลาๆ เถอะลี่ อย่าเอาใจไปผูกกับตีนมัน ช่วงนี้ถือว่ามันกำลังขึ้น แบ็กดี ป๊ะ วันนี้ว่างแล้ว พี่ก็ว่าง ผัวขอไปวิ่งมาราธอนที่บุรีรัมย์ เดี๋ยวพาไปไหว้พระทำบุญ ปีชงนี่เรา ไหว้พระเก้าวัดที่อยุธยาแล้วกินกุ้ง จากนั้นเย็นๆ ก็แวะหาพี่หมอด้วงดีไหม ไปเช็กดวงดู เผื่อจะชีวิตดีขึ้น” คำชวนของพี่เป้ยทำให้เธอที่ว่างงานแล้วตอบรับในทันที “ไปค่ะ เดี๋ยวชวนแม่ด้วย” “เออดี ไปๆ งั้นอีกชั่วโมงพี่ไปรับที่บ้าน” “ค่าเจ้” เอกนรีไม่สามารถนอนได้อีกต่อไป ตัดสินใจรีบไปอาบน้ำแต่งตัว แล้วค่อยชวนแม่ออกไปด้วยกัน ดี อย่างน้อยเธอก็จะได้กินกุ้งและไหว้พระขอพรไล่กาลกิณีออกไปจากชีวิต! .................. ทว่าเอาเข้าจริงกลับมีแต่เธอและพี่เป้ยที่ออกไปด้วยกันสองคน แม่สมัครใจรออยู่บ้านเพราะวันนี้มีเพื่อนแวะมาหา เธอเลยออกไปตะลอนไหว้พระที่เปลี่ยนพิกัดจากกินกุ้งแม่น้ำอยุธยาเป็นไหว้พระเก้าวัดในเมือง แล้วจบที่ปูดองเกาหลีร้านแถวสุขุมวิทแทน จากนั้นก็พาไปบ้านพี่หมอด้วงเพื่อดูดวงประจำปีเสียที ปีนี้ชงหนักจนเธอยอมใจ เพิ่งผ่านพ้นปีใหม่ไม่ถึงเดือนแท้ๆ ทั้งๆ ที่เธอคิดว่าตัวเองอาจจะโชคดีเพราะได้งานใหญ่ของซีแซด แต่หลังจากนั้นก็ดวงตกฮวบเฉยเลย หลังจากเปิดไพ่ดูเรื่องโน้นเรื่องนี้กันอยู่เกือบชั่วโมง ส่วนอีพี่เป้ยขอตัวไปวิดีโอคอลกับผัวงุ้งงิ้งไม่เข้ามาฟังด้วย พอเธอเริ่มปรึกษาพี่หมอด้วง หมอดูที่เธอตามดูดวงมาตลอดตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัยก็บอกถึงวิธีแก้ชงเพื่อให้ดวงเธอดีขึ้นมาว่าเธอควรจะแต่งงาน “หา พี่หมอด้วงว่ายังไงนะ” เอกนรีแทบจะร้องลั่นด้วยความตกใจ แม่เจ้า พี่หมอด้วงพูดอะไรกันนะ เธอว่าเธอฟังผิดมากกว่า “มีผัวน่ะค่ะ” พี่หมอด้วงพูดพลางหัวเราะคิกคัก ตาจ้องไพ่สลับหน้าเธอเป็นประกาย “ดวงหนูนี่ชงแล้วดีนะ คือเรื่องการงานก็ไม่ดีจริงนั่นแหละ แต่ปีนี้ดวงเนื้อคู่มาเด่นมาก เขามาแล้วจ้า ถ้าเจอแล้วชีวิตจะพลิก พลิกประดุจหลังตีนเป็นหน้ามือ” “ไหนบอกดวงหนูผู้เป็นกาลกิณี” เธอยังจำได้นะ ตั้งแต่ครั้งแรกที่ดูดวงด้วยกันมาเลยก็ทักอย่างนี้ แล้วอะไรจู่ๆ มาพลิกกันเล่า พี่ด้วงสะบัดหน้าค้อนใส่เธอแล้วรีบแก้ตัวว่า “ไม่ๆ พี่บอกว่าเว้นคุณเนื้อคู่ไง ถ้าเขามาก็คือทุกอย่างดีหมด อิจฉาน้องลี่นะเนี่ย ดูสิ ดวงบอกว่าเนื้อคู่หนูนี่หน้าตาดีมาก ฐานะก็รวยมาก เป็นคนผิวขาวมาก แล้วเขาจะดีกับหนูมากคือเขาพร้อมจะช่วยส่งเสริมให้หนูดีขึ้นไปอีกอะลูก ผัวรักผัวหลงนะเนี่ยเรา อมถนอมไว้ในปากได้เขาคงทำ” ไม่เพียงแค่พูด อีกฝ่ายยังใช้นิ้วชี้จิ้มไพ่ยิกๆ จนแทบทะลุ หน้าดูก็รู้ว่าเขินจริงจังมาก เขินไปทำไม...ทั้งๆ ที่ไม่เคยรู้จักหรือเห็นสักนิดเดียว “มีผัวแล้วก็ทำงานไม่ได้สิคะ” เอกนรีเอ่ยทักท้วง อาชีพอย่างเธอขึ้นอยู่กับแฟนคลับล้วนๆ แล้วแฟนคลับเธอร้อยละเก้าสิบชอบที่เธอโสดด้วยนะ “หนู...” พี่หมอด้วงลากเสียงยาว มองเธอด้วยสายตาริษยา “มีผัวแบบเนื้อคู่หนูพี่ก็ไม่ทำงานแล้ว เอาเวลาไปให้ผัวเลี้ยงแล้วทำลูกดีกว่า” เอกนรีไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดีกับคำแนะนำแสนจริงจังนี้ เธอเลยได้แต่ส่ายหน้าดิกให้พี่หมอด้วงก่อนจะเอ่ยคัดค้านอย่างอ่อนอกอ่อนใจ นี่ถ้าไม่ใช่เพราะพี่หมอด้วงนั้นแม่นเหมือนตาเห็น อะไรที่แนะนำทำนายมาตรงเป๊ะๆ เธอจะสะบัดหน้าใส่จริงๆ ด้วย นี่อะไร มาบอกให้เธอแต่งงานมีผัวไปซะ งานไม่ดีก็ช่าง ผัวดีก็พอ โอย...ทุกวันนี้กวาดตาแลไปทั่วแผ่นดินสยามยังหาผู้ชายคนนั้นไม่เจอเลยเหอะ เธอจะไปแต่งงานได้อย่างไรกัน “อย่าเพิ่งนอกเรื่องสิคะ” หญิงสาวเอ่ยทักท้วง “หนูถามถึงวิธีแก้ชงปีนี้อะพี่หมอด้วง นี่เครียดจนตีนกาจะขึ้นก่อนวัยอันควรแล้วนะคะ” ไม่เพียงแค่พูด เธอยังยื่นหน้าพร้อมแตะหางตาให้พี่หมอด้วงดูชัดๆ แม้ในความเป็นจริงเธอจะไม่มีตีนกา ซ้ำยังหน้าเด็กกว่าวัยก็ตามที แต่เหมือนพี่หมอด้วงจะไม่คิดหาวิธีอื่นให้เธอเลยนอกจากเน้นย้ำหนักแน่น “อืม...จริงๆ คือแต่งงานอะ” “...” “ถ้าหนูแต่งงาน ชีวิตปีนี้จะดีขึ้นจริงๆ เชื่อพี่” “ต้องแต่งงานอย่างเดียวเหรอคะ” เอกนรีถามพลางขมวดคิ้วอย่างเป็นกังวล ปกติถ้าเธอร้องขอจริงจัง พี่เขาก็จะยอมดูให้ ทว่าเรื่องนี้กลับยืนยันหนักแน่นว่ามีแต่วิธีนี้ เขย่าเสียจนเธอถึงกับใจเสีย หรือต้องแต่งงานจริงๆ ถึงจะช่วยได้เท่านั้น “ชีวิตหนูช่วงนี้ตกมากอะ อะไรก็ไม่ดีหมด แต่ถ้ามีผู้ชายคนนี้เข้ามา อย่างที่พี่บอกคือมันพลิกเลย แล้วก็จะดียิ่งขึ้นไปอีก” “แล้วหนูจะไปหาจากไหนเนี่ย จะไปรู้ได้ยังไงว่าใครเนื้อคู่ไม่เนื้อคู่” หญิงสาวถึงกับโอดครวญ พี่หมอด้วงเงียบ จ้องมองไพ่ก่อนจะร้องครางอืมยาวๆ แล้วบอกให้เธอลองจั่วไพ่ขึ้นมาอีกใบ จากนั้นก็บอกเธอว่า “เออ แต่ดูเหมือนเขาจะแบบ คนต่างชาติ ไม่ก็เป็นพวกอยู่ต่างประเทศนานๆ หรือเคยอยู่อะไรงี้ ช่วงนี้ผู้ชายรอบตัวหนูคนไหนเข้าเค้าแบบนี้ไหม ดวงบอกว่าเขาเข้ามาแล้วนะ เนี่ย รู้จักกันแล้วด้วย” ไม่เพียงแค่พูด พี่หมอด้วงยังจิ้มไพ่ยิกๆ และลักษณะเฉพาะที่เจาะจงตีแคบลงมาหน่อยก็ทำให้เธอถึงกับชะงัก “ลูกครึ่งอะไรงี้ได้ไหมคะ” เธอถามออกมาในที่สุด เมื่อคิดถึงผู้ชายที่วนเวียนในชีวิตเธอเกือบทั้งหมดในช่วงเวลาที่ผ่านมา แล้วมันมีอยู่คนหนึ่งที่เข้าเค้านี้ เสียแต่ว่า...เธอรู้จักเขาแต่ชื่อ และเขาคือผู้ชายที่เคยให้ข่าวว่าจะจีบเธอ จีบเธอกลบเกลื่อนตัวตนของตัวเองน่ะสิ... “ได้นะ” พี่หมอด้วงพยักหน้ารับ “ลูกครึ่งนี่แหละ เชื่อพี่ ถ้ามีก็จีบคนนี้เลย เนื้อคู่หนูแน่นอน พี่รับประกันเลยน้องลี่!” แม้เธออยากจะเถียงว่าคนคนนั้นแนวโน้มเป็นพี่สาวมากกว่าเนื้อคู่ แต่ก็เงียบเอาไว้ดีกว่า “เอางั้นเลยเหรอคะ แล้วถ้าหนูไม่ได้อยากแต่งงานอะไรงี้” หญิงสาวลองถามถึงทางรอดของตัวเองบ้าง และคำตอบของพี่หมอด้วงก็ปิดประตูเธอทุกอย่าง ทำให้ได้แต่กุมปากกุมคอด้วยความตื่นตระหนกตกใจกับความร้ายแรงของชีวิตและปีชงปีนี้ “ชีวิตหนูจะยิ่งลำบากมากกว่านี้อีก นี่ดวงมันบอกมาน่ะจ้ะ การแต่งงานถึงจะช่วยให้หนูมีชีวิตดีขึ้น ถ้าเจอคนที่เป็นเนื้อคู่ก็ไม่ควรปล่อยให้โอกาสเสียไปนะ คนนี้ดีจริงๆ พลาดจากคนนี้บอกเลยว่าไม่มีคนที่ดีในชีวิตอีกแล้วค่ะลูก เชื่อพี่ด้วงได้เลยค่ะ รับประกัน!”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม