ภูธเรศนั่งจิบกาแฟมื้อเช้าของตนเองเงียบๆ ขณะไถไอแพดเพื่อเช็กข่าวในเช้าวันนี้ รวมถึงอีเมลจากลูกน้องของเขาที่ส่งมาจากทางเมืองจีนไปด้วย
ปกติยามเช้าเขาจะดื่มกาแฟอย่างเดียวและใช้เวลาช่วงนี้ในการเสพข่าวพร้อมวางแผนงานที่จะทำในวันนี้ไปด้วยเพียงลำพังและสงบสุข บางครั้งถ้าไม่คิดถึงเรื่องงาน เขาก็จะทอดตามองไปยังด้านนอกเพนต์เฮาส์หรูบนชั้นแปดสิบสามของตนเอง หันหน้าไปทางย่านพระรามเก้า เพราะบ้านของใครบางคนอยู่ตรงนั้น และใช้เวลาคิดถึงเธอเงียบๆ เป็นความสุขเรียบง่ายที่เขาชอบ
แต่วันนี้ย่อยยับหมดแล้วความสงบ เพราะไอ้คนที่อยู่ชั้นแปดสิบสองซึ่งจัดได้ว่าเป็นเพื่อนบ้านและเพื่อนสนิทบุกขึ้นมาทำลายแต่เช้า
“นี่ภู” อีกฝ่ายไม่เพียงแค่เรียกเท่านั้น ยังยื่นตีนมาถีบขาเขาใต้โต๊ะด้วย “ถามจริงๆ เถอะวะ ว่าไอ้ที่เกิดเรื่องกับน้องลี่ทั้งหมดนี่ไม่ใช่แผนการของมึง”
ไอ้ที่ถ่อมาหาแต่เช้าหลังจากหายหน้าไปเป็นวันเพราะต้องการรู้เรื่องสินะ
เมื่อวานมีข่าวนิดๆ หน่อยๆ ลือออกมาว่าเอกนรีกำลังมีปัญหาเรื่องงาน เพราะเจ้าของงานหลายงานเริ่มเทเธอ ภูธเรศรู้อยู่แล้วเพราะเขาสนใจทุกอย่างที่เป็นเอกนรี
แต่ไม่เข้าใจว่าเพื่อนเขาจะตามเสือกไปทำไม ในเมื่อตัวจริงกลับมาแล้ว สายเสือกอย่างมันก็ควรเลิกสนใจน้องเสียที เพราะเขาไม่ได้ใช้มันแล้วเนี่ย!
“แล้วมึงคิดว่ายังไงล่ะจักร”
เขาย้อนถามกลับ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยอมต่อปากต่อคำกับคนขี้เสือก สงสารมัน...
“จะไปคิดอะไรวะ” จักรินทร์ตอบอย่างหงุดหงิดที่เพื่อนทำเหมือนจะเปิดแต่ก็ปิด “ก็คิดว่าเป็นที่มึงแน่ๆ ไม่มีใครวางแผนได้ซับซ้อนแล้วก็ชั่วช้าได้เท่ามึงแล้วภู”
แผนยาวนานสิบปี เบี้ยใบ้รายทางเยอะแยะขนาดนี้ ก็มีมันคนเดียวนี่แหละที่คิดได้
ถึงตัวอยู่ไกล แต่ใจเผด็จการก็ยังส่งเขามาคอยสอดส่องดูแล ไม่มีเขาก็ยังจ้างคนไปอยู่ข้างๆ ส่งข่าวมาทุกเม็ด แล้วอย่างนี้จะไม่ให้คิดว่าเป็นมันไปได้อย่างไรกัน
“ไอ้นี่”
มันทำเป็นปรายตามองเขากลบเกลื่อน ทำเหมือนตัวเองไม่ใช่ตัวร้ายเบื้องหลังทั้งๆ ที่มันน่ะลาสต์บอสเลยทีเดียว จักรินทร์มองเหยียดนิดหน่อยก่อนจะบอกว่า
“ก็ไม่จริงเหรอวะ เอาละ บอกกูมาสิ ความจริงเป็นอย่างไรครับ”
เขาขยับตัวคาดคั้นอย่างคึกคัก
คราวนี้ดวงตาเรียวสวยคมกริบมีประกายขบขัน ก่อนจะตอบคำถามนั้นด้วยท่าทีเท่บาดใจ
“ครึ่งนึงฝีมือกู อีกครึ่งไม่ใช่”
อื้อฮือ...เขาก็นึกว่าเป็นเพราะมันวางแผนให้น้องลี่งานลดลง เพื่อที่น้องจะได้ไม่ต้องทำงานหนัก แต่นี่ไม่ได้มีแค่มันเหรอ ใครกล้าเล่นงานน้องลับหลังมันแล้วยังมีชีวิตรอดวะเขาอยากรู้
“อีกครึ่งฝีมือใครวะ”
“...”
“อย่าเสือกยิ้ม ตอบสิไอ้บ้านี่”
ลูกชายนายธนาคารและหลานชายนายพลเตะเปรี้ยงใส่เพื่อนสนิทอีกครั้ง ไม่แรงไม่เบา มันสบถด่าเขาสองสามคำพร้อมหุบยิ้มก่อนจะตอบเขาว่า
“มึงเดาไม่ได้ก็โคตรโง่นะจักร มึงช่วยกูปั่นมาขนาดนี้...”
“นี่มึงอย่าบอกนะว่าเป็น...”
จักรินทร์ตาโต เพราะเดาออกได้ว่าตัวละครลับที่ทำให้ไอ้ภูไม่ทำอะไรนั้นคือใคร
ก็จะใครล่ะ ถ้าไม่ใช่แม่มันน่ะ...
คุณหญิงแม่หูตากว้างไกลจะตาย เขาไม่เชื่อหรอกว่าท่านจะไม่รู้ว่าไอ้ภูมันชอบใคร โอเค ก่อนหน้านั้นไม่รู้ แต่พอเขาไปช่วยส่งสัญญาณเมื่อหลายอาทิตย์ก่อนตอนงานเปิดตัวรถยนต์ของซีแซดรุ่นล่าสุด ก็คงรู้แล้วละว่าใครคือคนที่ไอ้ภูมันรัก
และนี่อาจจะเป็นสัญญาณกดดันที่คุณหญิงแม่ของไอ้ภูส่งหาน้องลี่ แต่ดันบังเอิญเข้าทางไอ้ภูพอดี มันถึงได้ไม่เดือดร้อนที่น้องลี่โดนรังแกเรื่องงานแบบนี้ ทั้งๆ ที่มันคือมือมืดที่คอยช่วยปกป้องน้องลี่มาแต่ไหนแต่ไรแท้ๆ
ไอ้นี่มันวางแผนจะทำอะไร เขาได้แต่คิดแล้วก็สงสัย แต่รู้ดีว่าถามไปก็ไม่ได้คำตอบ เพราะเพื่อนก็ไม่เคยบอกเขาหรอกว่าวางแผนอะไร ที่เขารู้เพราะเดาได้เองล้วนๆ เนื่องจากเก่ง หล่อ และฉลาดมาก แถมบ้านก็ยังรวยอีกต่างหาก
................
ทั้งๆ ที่วันนี้เขาอยากใช้เวลาพักผ่อนที่นานๆ ทีจะมีสักวันแท้ๆ ก่อนจะต้องไปออกงานอะไรสักงานในตอนเย็นเป็นเพื่อนคุณแม่ แต่เมื่อโดนคุณแม่โทร.มาขอร้องให้ช่วยไปรับแก้วกัลยา ลูกสาวของเพื่อนสนิทซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่พักของเขา ภูธเรศซึ่งไม่ค่อยขัดคำสั่งของแม่ก็ยอมทำตามคำขอร้องนั้น ขับรถไปรับหญิงสาวจนได้
หลังจากอยู่ไทยมาเกือบปี ตอนนี้เขาก็ขับรถในกรุงเทพฯ ได้คล่องแล้ว แม้ว่าส่วนใหญ่จะใช้คนขับรถมากกว่าเพราะเบื่อรถติดก็ตาม
เขามาถึงที่หมาย ซึ่งเป็นห้องเสื้อที่อีกฝ่ายคงจะมารับชุดเพื่อไปงานเย็นนี้ แต่ดูเหมือนแก้วกัลยาจะต้องรีบไป เพราะเธอจ้างช่างอะไรไว้แล้วและจองห้องพักที่โรงแรมที่จัดงานเพื่อแต่งตัวที่นั่น ภูธเรศซึ่งถูกสั่งให้มาดูแลหญิงสาวเลยจำใจต้องโทร.เปิดห้องที่นั่นเช่นกัน แล้วสั่งให้ผู้ช่วยส่วนตัวของเขาเตรียมชุดไว้ให้เช่นเดียวกัน
ตอนที่เขาเดินเข้าไปในร้านนั้น ก็เห็นแก้วกัลยากกำลั่งนั่งรออยู่ก่อนแล้ว พอเธอเห็นเขาก็รีบลุกขึ้นยืนทักทายทันที
“สวัสดีค่ะคุณภู”
“ครับคุณแก้ว”
ภูธเรศทักทายหญิงสาวพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ ตามมารยาท แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่หญิงสาวจำเป็นต้องรู้
“ขอโทษนะคะที่ทำให้คุณภูต้องเสียเวลามารับแก้วแบบนี้ แก้วบอกคุณหญิงป้าแล้ว แต่ท่านไม่ยอมฟังเลยค่ะ” เธอเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเกรงใจเป็นอย่างมาก หลังจากที่จัดการธุระทั้งหมดเสร็จเรียบร้อย
เขายิ้ม ไม่ได้หันไปมองคนที่ขึ้นมานั่งข้างๆ
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ยังไงก็ต้องไปงานเดียวกันอยู่แล้ว”
แต่ถึงอย่างนั้นแก้วกัลยาก็ยังคงเต็มไปด้วยความเกรงใจอยู่ดี
“เอ่อ...งั้นแก้วต้องรบกวนด้วยนะคะ”
“ยินดีครับ งั้นเราไปกันเถอะครับ”
เขาเอ่ย ไม่ได้ชักชวน แต่แค่บอกให้รับรู้ก่อนจะค่อยๆ พารถเคลื่อนไปบนท้องถนนที่มีรถอีกมหาศาลอยู่บนนั้น
“ขอบคุณอีกครั้งนะคะที่มา”
แก้วกัลยายังบอกอย่างเกรงใจ ใบหน้าสวยหวานนั้นจ้องมองเขาอยู่แทบจะตลอดเวลา แม้ภูธเรศจะไม่หันไปมองแต่ก็รู้สึกได้
เขาเหยียดยิ้มอันเยียบเย็นของตนเองออกมา ก่อนจะตอบรับเสียงทุ้มนุ่ม
“ไม่เป็นไรครับ”
เพราะสำหรับเขาแล้ว ผู้หญิงคนอื่นสวยมากแค่ไหนก็ไม่เคยอยู่ในสายตา
คนพิเศษของเขาแต่ไหนแต่ไรมาก็มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น...
ต่อให้คนอื่นจะดีกว่า ผู้สนับสนุนมากกว่า แต่ทุกอย่างล้วนไร้ค่า เพราะเขาไม่มีตาไว้มองใครอีกต่อไปแล้ว...
................