9

1445 คำ
หลังจากพาแก้วกัลยามาถึงโรงแรม ภูธเรศก็แยกกับเธอแล้วตามผู้ช่วยคนสนิทซึ่งรออยู่ไปยังห้องพักของตนเองเพื่อเตรียมตัวเข้างานเลี้ยงเช่นเดียวกัน เมื่อถึงเวลางาน เขาก็เดินเข้างานพร้อมกับผู้ช่วยที่วันนี้ติดตามมาด้วย ชายหนุ่มกวาดตามองไปทั่วห้องจัดเลี้ยงแห่งนี้ ซึ่งบรรจุแขกได้ราวๆ สองพันคน ก็พบว่ามารดาของเขาอยู่ในงานแล้ว และตอนนี้ท่านกำลังสนทนากับเพื่อนของท่าน ชายหนุ่มจึงเดินตรงเข้าไปหาผู้เป็นมารดา ซึ่งพอเห็นเขาก็ขอตัวจากกลุ่มเพื่อนตรงมาหาเขาเช่นเดียวกัน “ลูกภู” “คุณแม่” “น้องแก้วน่ารักไหมลูก” คำถามของมารดาทำให้เขายิ้มจางๆ ตรงมุมปากและมองท่านอย่างรู้ทันว่าท่านต้องการอะไรถึงส่งเขาไปหาแก้วกัลยาในบ่ายวันนี้ “น่ารักครับ” เขาตอบไปตามตรง อันที่จริงแก้วกัลยาไม่ได้แค่น่ารัก แต่หญิงสาวคือคนสวย เผลอๆ อาจจะสวยกว่าใครบางคนด้วยซ้ำ แต่เขาไม่ได้รักใครเพราะความสวยนี่... “ถ้าอย่างนั้นลูกก็ลอง...” ภูธเรศแตะแขนมารดา และนั่นทำให้ท่านหยุดพูด เขายิ้มมากขึ้นระหว่างเรียกท่านด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “คุณแม่ครับ...” “จ๊ะ...” “ผมรู้นะครับว่าคุณแม่ทำอะไรและคิดอะไร” “...” คุณแม่ของเขาชะงักไปเพียงนิดเดียวจนแทบจะจับสังเกตไม่ได้ด้วยซ้ำไป แต่ไม่ยอมพูดอะไร เขาจึงส่ายหน้าให้ท่านช้าๆ แล้วปฏิเสธออกมาอย่างหนักแน่น “แต่ผมไม่สนใจน้องแก้วครับ” ฉะนั้นการจับคู่ของเขากับแก้วกัลยาไม่ว่าอย่างไรย่อมไม่เป็นผลสำเร็จ เขากับคุณแม่จ้องตากันอย่างวัดใจ และคุณแม่คงรู้ดีว่าเขาไม่ได้พูดเล่น นั่นไม่รวมถึงว่าท่านคงรู้อะไรๆ มาบ้างแล้วนั่นแหละ ท่านจึงเป็นฝ่ายยอมแพ้ในเกมนี้ก่อน “ภูจะเลือกผู้หญิงคนนั้นจริงๆ เหรอลูก” ภูธเรศยิ้มอ่อนโยนมากขึ้น “คุณแม่อาจจะเดาผิดก็ได้นะครับ จักรก็แค่พูดไปเล่นๆ” ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังแบ่งรับแบ่งสู้ ไม่ตอบรับแต่ก็ไม่ปฏิเสธว่าสิ่งที่ท่านคิดเป็นจริงหรือไม่ แม้ว่ามันจะเป็นจริงก็ตามที... คุณแม่เม้มริมฝีปากแน่นกับคำพูดโยกโย้ของเขา แล้วจึงเป็นฝ่ายเผยไพ่ของตนเองออกมาเอง “เรื่องจักรกับลูกไม่มีทางเป็นความจริง แต่เรื่องพริตตี้คนนั้นแม่ว่ามันมีเค้า...” “...” “แม่เป็นแม่ของลูกนะคะ เราอาจจะเพิ่งได้กลับมาอยู่ด้วยกัน แต่แม่คือแม่ของลูกนะคะภู” “...” “และแม่ขอโทษจริงๆ ที่แม่รับผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ อัครวัฒน์จะต้องไม่ได้ผู้หญิงแบบนั้นมาร่วมนามสกุล” สีหน้าขึงขังและการปฏิเสธอย่างเด็ดขาดทำให้ภูธเรศได้แต่ทอดถอนใจ เขาพอเดาได้อยู่แล้วว่าทำไมคุณแม่ไม่ชอบน้อง แต่การพูดจากันครั้งแรกก็ไม่คิดว่าจะมีปฏิกิริยารุนแรงเช่นนี้ “น้องเป็นคนดี” เขาแก้ตัวแทนคนที่พูดถึงเสียงอ่อย ทว่านั่นก็มากพอแล้วที่จะบอกให้คุณแม่ของเขารู้ว่าคนไหนคือตัวจริงสำหรับเขา แน่นอนว่านั่นย่อมไม่ใช่ข่าวลือของเขากับจักรินทร์ มารดาของเขาเหยียดยิ้มทันทีเมื่อได้ยินคำแก้ตัวนั้น “คนดีที่ไหนจะมีแต่ข่าวแย่งผู้ชายจนขึ้นโรงพักตั้งแต่อายุสิบแปดกันคะลูก แม่ก็ยอมรับว่าผู้หญิงคนนั้นสวยจริงๆ แต่...” “คุณแม่ก็คิดไปไกลเหมือนกันนะครับ” ภูธเรศขัดขึ้น “ตอนนี้อาจจะเป็นผมที่รู้จักน้องคนเดียวก็ได้ น้องกับผมไม่เคยคุยกันด้วยซ้ำไป...” เขาบอกความจริงกับผู้เป็นมารดาออกไป ซึ่งแน่นอนว่าเขาเชื่อว่าแม่ของเขาก็รู้เช่นกัน ตลอดสิบเดือนที่เขาย้ายกลับมาอยู่เมืองไทย เขากับน้องไม่เคยเฉียดใกล้กันเลย ส่วนอดีตนั้น...ไม่มีใครเชื่อมโยงได้หรอกว่าเขากับน้องรู้จักกันมาก่อน เขามั่นใจ “ถ้าอย่างนั้นแม่คิดว่าภูลองให้โอกาสน้องแก้วดีไหมคะ” แม่ของเขาหรี่ตาแคบลงด้วยสีหน้าจับผิด แต่ปากก็เอ่ยขอร้องอย่างอ่อนหวาน “จริงๆ แม่ไม่ต่อต้านเลยนะถ้าภูจะเลือกใคร คนธรรมดาที่ไหนก็ได้ แต่สำหรับแม่...เอกนรีไม่เข้าตาจริงๆ นะคะ” คำพูดกึ่งปลอบกึ่งขู่นั้นทำให้ภูธเรศได้แต่ยิ้ม ทว่าไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธใดๆ ทั้งสิ้นกับความต้องการนี้ของผู้เป็นมารดา ทั้งๆ ที่ใจของเขารู้ดีว่าไม่มีทาง... ไม่มีทางที่เขาจะปล่อยมือจากน้องหรือให้ใครมาขัดขวางหรอก... ใครหน้าไหนก็ทำอย่างนั้นไม่ได้! ................. ตอนที่เดินล่องลอยออกมาจากบ้านของพี่หมอด้วงและนั่งรถโดยมีพี่เป้ยคอยขับรถให้นั้น เอกนรีซึ่งกำลังคิดสะระตะต่อสู้กับตนเองอย่างหนักว่าควรจะทำอย่างไรดีถึงกับเงียบกริบอยู่นาน กระทั่งเมื่อเริ่มได้สติและพี่เป้ยก็เซ้าซี้ถามบ่อยๆ ว่าดูดวงแล้วเป็นอย่างไรบ้าง หญิงสาวเลยเล่าดวงและหนทางการแก้ปัญหาให้พี่เป้ยฟัง อีกฝ่ายฟังแล้วฮือฮาตื่นเต้นเหมือนจะเป็นฝ่ายต้องแต่งงานเสียเอง ขณะที่เอกนรีกลับมีสีหน้ากลัดกลุ้มไม่รู้จะหาทางออกอย่างไร “หนูจะไปหาผู้ชายแบบนั้นได้ที่ไหนอะเจ้ โอ้โฮ รอบตัวตอนนี้หาเข้าตาแบบนั้นไม่ได้สักคน” เธอคร่ำครวญ ถึงใจจะแว่บคิดมาได้คนหนึ่ง ทว่ามันเป็นไปไม่ได้หรอกมั้ง เขาเป็นเกย์... ถ้าเธอขอเขาแต่งงานได้ก็ดีสิ... ทว่าพี่เป้ยได้ยินเธอคร่ำครวญก็ค้อนตาแทบกลับ “ล้อเล่นน่าลี่ แกชี้นิ้วสุ่มขึ้นมาก็ได้แล้วมั้ง” ผู้ชายจีบแม่นี่ยาวตั้งแต่กรุงเทพฯ ถึงตีนดอยสุเทพขนาดนี้ ยังจะกล้าบอกไม่มีคนเข้าตาอีก! เอกนรีหัวเราะเสียงแห้ง ก่อนจะเอ่ยทีเล่นทีจริงว่า “เออ จริงๆ ก็มีเข้าเค้าคนนึง แต่มีข่าวว่าเป็นเกย์ไงเจ้” “ใครวะ” อีกฝ่ายถามขณะตบไฟเลี้ยวแล้วหักเลี้ยวซ้ายไปอย่างช้าๆ ตามประสาที่การจราจรติดขัดตลอดกาลทุกเส้นสายในเมืองกรุง “ผู้บริหารซีแซดคนนั้นไง” เอกนรีตอบ “ที่เป็นเกย์กับลูกชายเจ้าของธนาคารอะ แล้วลากหนูลงน้ำซวยเป็นข่าวอยู่หลายวันเลย” คิดแล้วก็เจ็บใจ ฉะนั้นเลยจำเขาได้เป็นพิเศษ คราวนี้พี่เป้ยหัวเราะคิกคักอย่างชอบอกชอบใจ เห็นได้ชัดว่าคิดออกแล้วว่าเธอหมายถึงใคร “ให้พี่ไปจีบแทนได้มะ ถ้างั้น” “พี่เป้ย! ไหนว่ารักผัวไงยะ” “ก็รัก” พี่เป้ยตอบได้หน้าด้านมาก คนหลายใจ เธอจะฟ้องพี่มิกกี้! “แต่นี่คนหล่อ รวย เออ คิดไปก็เข้าเค้าเนื้อคู่แกหมดอะ กวาดตามองไปทั่วไทย คนนี้นอกจากข่าวลือว่าเป็นเกย์ นอกนั้นเพอร์เฟ็กต์มากอะแก” ว่าแล้วอีพี่เป้ยก็กรี๊ดในลำคอ ดีดดิ้นไปเองพลางสนับสนุน ไม่รู้ในหัวมโนอะไรไปไกลบ้าง เอกนรีซึ่งกำลังหวาดหวั่นกับชีวิตของตนเองอยู่เลยไม่ได้สนใจอาการเหมือนโดนผีเข้าของอีกฝ่ายเท่าไรนัก เพราะรำพันปรึกษาออกมาในทันที “เอาจริงๆ หรือหนูเลือกคนนี้ดีพี่ หนูว่าสังคมแบบเขาก็ใช่ว่าจะเป็นที่ยอมรับมากมาย ใช่ไหม” เธอถามแล้วก็ตอบเองในเวลาต่อมา “หนูก็ทำแบบละครช่องสองไง แม่พาดูอะ จำได้ว่ามันมีนางเอกไปแต่งงานกับเพื่อนเกย์ ช่วยเขาปกปิดความลับ วินวินทั้งสองฝ่าย เออ คิดแล้วก็ดีนะพี่เป้ย จริงๆ หนูก็ไม่ได้อยากมีผัว เนื้อค่งเนื้อคู่อะไรนี่บอกตามตรงว่าหาไม่เจอก็ช่างมันอะ สมมติหนูไปจีบเกย์มาแต่งงานแก้ชง แถมหมดปัญหาผู้ชายคนอื่นๆ รอบตัวหนูอีก แล้วถ้าตกลงกันดีๆ อยู่ด้วยกันอย่างเพื่อน หนูอาจจะได้เพื่อนสาวคนสนิทเพิ่ม ดูแลกันไปจนแก่เฒ่า อุ๊ย คิดแล้วก็เลิศอะพี่เป้ย” ยิ่งพูดก็ยิ่งคิดว่าความคิดของตัวเองเข้าท่า เลยทำให้เอกนรีปักใจเชื่อว่าเธอควรจะเลือกเดินทางนี้ วินวินทั้งสองฝ่ายจริงๆ นะ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม