หลังจากพาแก้วกัลยามาถึงโรงแรม ภูธเรศก็แยกกับเธอแล้วตามผู้ช่วยคนสนิทซึ่งรออยู่ไปยังห้องพักของตนเองเพื่อเตรียมตัวเข้างานเลี้ยงเช่นเดียวกัน
เมื่อถึงเวลางาน เขาก็เดินเข้างานพร้อมกับผู้ช่วยที่วันนี้ติดตามมาด้วย ชายหนุ่มกวาดตามองไปทั่วห้องจัดเลี้ยงแห่งนี้ ซึ่งบรรจุแขกได้ราวๆ สองพันคน ก็พบว่ามารดาของเขาอยู่ในงานแล้ว และตอนนี้ท่านกำลังสนทนากับเพื่อนของท่าน ชายหนุ่มจึงเดินตรงเข้าไปหาผู้เป็นมารดา ซึ่งพอเห็นเขาก็ขอตัวจากกลุ่มเพื่อนตรงมาหาเขาเช่นเดียวกัน
“ลูกภู”
“คุณแม่”
“น้องแก้วน่ารักไหมลูก”
คำถามของมารดาทำให้เขายิ้มจางๆ ตรงมุมปากและมองท่านอย่างรู้ทันว่าท่านต้องการอะไรถึงส่งเขาไปหาแก้วกัลยาในบ่ายวันนี้
“น่ารักครับ”
เขาตอบไปตามตรง อันที่จริงแก้วกัลยาไม่ได้แค่น่ารัก แต่หญิงสาวคือคนสวย เผลอๆ อาจจะสวยกว่าใครบางคนด้วยซ้ำ
แต่เขาไม่ได้รักใครเพราะความสวยนี่...
“ถ้าอย่างนั้นลูกก็ลอง...”
ภูธเรศแตะแขนมารดา และนั่นทำให้ท่านหยุดพูด เขายิ้มมากขึ้นระหว่างเรียกท่านด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“คุณแม่ครับ...”
“จ๊ะ...”
“ผมรู้นะครับว่าคุณแม่ทำอะไรและคิดอะไร”
“...”
คุณแม่ของเขาชะงักไปเพียงนิดเดียวจนแทบจะจับสังเกตไม่ได้ด้วยซ้ำไป แต่ไม่ยอมพูดอะไร เขาจึงส่ายหน้าให้ท่านช้าๆ แล้วปฏิเสธออกมาอย่างหนักแน่น
“แต่ผมไม่สนใจน้องแก้วครับ”
ฉะนั้นการจับคู่ของเขากับแก้วกัลยาไม่ว่าอย่างไรย่อมไม่เป็นผลสำเร็จ
เขากับคุณแม่จ้องตากันอย่างวัดใจ และคุณแม่คงรู้ดีว่าเขาไม่ได้พูดเล่น นั่นไม่รวมถึงว่าท่านคงรู้อะไรๆ มาบ้างแล้วนั่นแหละ ท่านจึงเป็นฝ่ายยอมแพ้ในเกมนี้ก่อน
“ภูจะเลือกผู้หญิงคนนั้นจริงๆ เหรอลูก”
ภูธเรศยิ้มอ่อนโยนมากขึ้น “คุณแม่อาจจะเดาผิดก็ได้นะครับ จักรก็แค่พูดไปเล่นๆ”
ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังแบ่งรับแบ่งสู้ ไม่ตอบรับแต่ก็ไม่ปฏิเสธว่าสิ่งที่ท่านคิดเป็นจริงหรือไม่
แม้ว่ามันจะเป็นจริงก็ตามที...
คุณแม่เม้มริมฝีปากแน่นกับคำพูดโยกโย้ของเขา แล้วจึงเป็นฝ่ายเผยไพ่ของตนเองออกมาเอง
“เรื่องจักรกับลูกไม่มีทางเป็นความจริง แต่เรื่องพริตตี้คนนั้นแม่ว่ามันมีเค้า...”
“...”
“แม่เป็นแม่ของลูกนะคะ เราอาจจะเพิ่งได้กลับมาอยู่ด้วยกัน แต่แม่คือแม่ของลูกนะคะภู”
“...”
“และแม่ขอโทษจริงๆ ที่แม่รับผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ อัครวัฒน์จะต้องไม่ได้ผู้หญิงแบบนั้นมาร่วมนามสกุล”
สีหน้าขึงขังและการปฏิเสธอย่างเด็ดขาดทำให้ภูธเรศได้แต่ทอดถอนใจ
เขาพอเดาได้อยู่แล้วว่าทำไมคุณแม่ไม่ชอบน้อง แต่การพูดจากันครั้งแรกก็ไม่คิดว่าจะมีปฏิกิริยารุนแรงเช่นนี้
“น้องเป็นคนดี”
เขาแก้ตัวแทนคนที่พูดถึงเสียงอ่อย ทว่านั่นก็มากพอแล้วที่จะบอกให้คุณแม่ของเขารู้ว่าคนไหนคือตัวจริงสำหรับเขา แน่นอนว่านั่นย่อมไม่ใช่ข่าวลือของเขากับจักรินทร์
มารดาของเขาเหยียดยิ้มทันทีเมื่อได้ยินคำแก้ตัวนั้น
“คนดีที่ไหนจะมีแต่ข่าวแย่งผู้ชายจนขึ้นโรงพักตั้งแต่อายุสิบแปดกันคะลูก แม่ก็ยอมรับว่าผู้หญิงคนนั้นสวยจริงๆ แต่...”
“คุณแม่ก็คิดไปไกลเหมือนกันนะครับ” ภูธเรศขัดขึ้น “ตอนนี้อาจจะเป็นผมที่รู้จักน้องคนเดียวก็ได้ น้องกับผมไม่เคยคุยกันด้วยซ้ำไป...”
เขาบอกความจริงกับผู้เป็นมารดาออกไป ซึ่งแน่นอนว่าเขาเชื่อว่าแม่ของเขาก็รู้เช่นกัน
ตลอดสิบเดือนที่เขาย้ายกลับมาอยู่เมืองไทย เขากับน้องไม่เคยเฉียดใกล้กันเลย
ส่วนอดีตนั้น...ไม่มีใครเชื่อมโยงได้หรอกว่าเขากับน้องรู้จักกันมาก่อน เขามั่นใจ
“ถ้าอย่างนั้นแม่คิดว่าภูลองให้โอกาสน้องแก้วดีไหมคะ” แม่ของเขาหรี่ตาแคบลงด้วยสีหน้าจับผิด แต่ปากก็เอ่ยขอร้องอย่างอ่อนหวาน “จริงๆ แม่ไม่ต่อต้านเลยนะถ้าภูจะเลือกใคร คนธรรมดาที่ไหนก็ได้ แต่สำหรับแม่...เอกนรีไม่เข้าตาจริงๆ นะคะ”
คำพูดกึ่งปลอบกึ่งขู่นั้นทำให้ภูธเรศได้แต่ยิ้ม ทว่าไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธใดๆ ทั้งสิ้นกับความต้องการนี้ของผู้เป็นมารดา
ทั้งๆ ที่ใจของเขารู้ดีว่าไม่มีทาง...
ไม่มีทางที่เขาจะปล่อยมือจากน้องหรือให้ใครมาขัดขวางหรอก...
ใครหน้าไหนก็ทำอย่างนั้นไม่ได้!
.................
ตอนที่เดินล่องลอยออกมาจากบ้านของพี่หมอด้วงและนั่งรถโดยมีพี่เป้ยคอยขับรถให้นั้น เอกนรีซึ่งกำลังคิดสะระตะต่อสู้กับตนเองอย่างหนักว่าควรจะทำอย่างไรดีถึงกับเงียบกริบอยู่นาน
กระทั่งเมื่อเริ่มได้สติและพี่เป้ยก็เซ้าซี้ถามบ่อยๆ ว่าดูดวงแล้วเป็นอย่างไรบ้าง หญิงสาวเลยเล่าดวงและหนทางการแก้ปัญหาให้พี่เป้ยฟัง อีกฝ่ายฟังแล้วฮือฮาตื่นเต้นเหมือนจะเป็นฝ่ายต้องแต่งงานเสียเอง ขณะที่เอกนรีกลับมีสีหน้ากลัดกลุ้มไม่รู้จะหาทางออกอย่างไร
“หนูจะไปหาผู้ชายแบบนั้นได้ที่ไหนอะเจ้ โอ้โฮ รอบตัวตอนนี้หาเข้าตาแบบนั้นไม่ได้สักคน”
เธอคร่ำครวญ ถึงใจจะแว่บคิดมาได้คนหนึ่ง ทว่ามันเป็นไปไม่ได้หรอกมั้ง
เขาเป็นเกย์...
ถ้าเธอขอเขาแต่งงานได้ก็ดีสิ...
ทว่าพี่เป้ยได้ยินเธอคร่ำครวญก็ค้อนตาแทบกลับ “ล้อเล่นน่าลี่ แกชี้นิ้วสุ่มขึ้นมาก็ได้แล้วมั้ง”
ผู้ชายจีบแม่นี่ยาวตั้งแต่กรุงเทพฯ ถึงตีนดอยสุเทพขนาดนี้ ยังจะกล้าบอกไม่มีคนเข้าตาอีก!
เอกนรีหัวเราะเสียงแห้ง ก่อนจะเอ่ยทีเล่นทีจริงว่า “เออ จริงๆ ก็มีเข้าเค้าคนนึง แต่มีข่าวว่าเป็นเกย์ไงเจ้”
“ใครวะ”
อีกฝ่ายถามขณะตบไฟเลี้ยวแล้วหักเลี้ยวซ้ายไปอย่างช้าๆ ตามประสาที่การจราจรติดขัดตลอดกาลทุกเส้นสายในเมืองกรุง
“ผู้บริหารซีแซดคนนั้นไง” เอกนรีตอบ “ที่เป็นเกย์กับลูกชายเจ้าของธนาคารอะ แล้วลากหนูลงน้ำซวยเป็นข่าวอยู่หลายวันเลย”
คิดแล้วก็เจ็บใจ ฉะนั้นเลยจำเขาได้เป็นพิเศษ
คราวนี้พี่เป้ยหัวเราะคิกคักอย่างชอบอกชอบใจ เห็นได้ชัดว่าคิดออกแล้วว่าเธอหมายถึงใคร
“ให้พี่ไปจีบแทนได้มะ ถ้างั้น”
“พี่เป้ย! ไหนว่ารักผัวไงยะ”
“ก็รัก” พี่เป้ยตอบได้หน้าด้านมาก คนหลายใจ เธอจะฟ้องพี่มิกกี้! “แต่นี่คนหล่อ รวย เออ คิดไปก็เข้าเค้าเนื้อคู่แกหมดอะ กวาดตามองไปทั่วไทย คนนี้นอกจากข่าวลือว่าเป็นเกย์ นอกนั้นเพอร์เฟ็กต์มากอะแก”
ว่าแล้วอีพี่เป้ยก็กรี๊ดในลำคอ ดีดดิ้นไปเองพลางสนับสนุน ไม่รู้ในหัวมโนอะไรไปไกลบ้าง
เอกนรีซึ่งกำลังหวาดหวั่นกับชีวิตของตนเองอยู่เลยไม่ได้สนใจอาการเหมือนโดนผีเข้าของอีกฝ่ายเท่าไรนัก เพราะรำพันปรึกษาออกมาในทันที
“เอาจริงๆ หรือหนูเลือกคนนี้ดีพี่ หนูว่าสังคมแบบเขาก็ใช่ว่าจะเป็นที่ยอมรับมากมาย ใช่ไหม” เธอถามแล้วก็ตอบเองในเวลาต่อมา “หนูก็ทำแบบละครช่องสองไง แม่พาดูอะ จำได้ว่ามันมีนางเอกไปแต่งงานกับเพื่อนเกย์ ช่วยเขาปกปิดความลับ วินวินทั้งสองฝ่าย เออ คิดแล้วก็ดีนะพี่เป้ย จริงๆ หนูก็ไม่ได้อยากมีผัว เนื้อค่งเนื้อคู่อะไรนี่บอกตามตรงว่าหาไม่เจอก็ช่างมันอะ สมมติหนูไปจีบเกย์มาแต่งงานแก้ชง แถมหมดปัญหาผู้ชายคนอื่นๆ รอบตัวหนูอีก แล้วถ้าตกลงกันดีๆ อยู่ด้วยกันอย่างเพื่อน หนูอาจจะได้เพื่อนสาวคนสนิทเพิ่ม ดูแลกันไปจนแก่เฒ่า อุ๊ย คิดแล้วก็เลิศอะพี่เป้ย”
ยิ่งพูดก็ยิ่งคิดว่าความคิดของตัวเองเข้าท่า เลยทำให้เอกนรีปักใจเชื่อว่าเธอควรจะเลือกเดินทางนี้ วินวินทั้งสองฝ่ายจริงๆ นะ