หนึ่งในสองคนบอกเสียงราบเรียบ แต่ประโยคดังกล่าวทำให้นีเซียขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น สงสัยสองคนนี้จะเข้าใจว่าเธอเป็นพี่สาวฝาแฝดกระมัง
“เดี๋ยวก่อนนะคะ พวกคุณกำลังเข้าใจผิด ฉันไม่ใช่พระชายานีน่านะคะ”
“เชิญเสด็จขึ้นรถเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ”
คราวนี้คนพูดไม่ได้พูดเปล่ายังยกปืนขี้นมาข่มขู่ด้วย นั่นเป็นเหตุให้ดวงตาคู่สวยของนีเซียเบิกกว้าง หัวใจของเธอเต้นถี่รัว ความประหวั่นพรั่นพรึงก่อตัวขึ้นในอกของเธออย่างเลี่ยงไม่ได้ เสียงที่ถามออกไปก็สั่นเทาจนยากเกินจะควบคุม
“นะ นี่คุณกำลังจะลักพาตัวพี่สาวของฉันงั้นหรือคะ”
“ขึ้นรถเดี๋ยวนี้พระชายา”
ดูเหมือนว่าไม่มีใครฟังคำพูดของนีเซียเลย ซ้ำกระบอกปืนก็จ่อมาที่เธอ หญิงสาวไม่มีทางเลือก สุดท้ายนีเซียก็ถูกบังคับให้ก้าวขึ้นไปในรถพร้อมกระเป๋าสัมภาระโดยมีชายในสูทดำนั่งประกบซ้ายขวา จากนั้นรถก็เคลื่อนออกไปทันที
“จะพาฉันไปไหน”
นีเซียไม่พยายามอธิบายอีกแล้วว่าเธอไม่ใช่นีน่าพี่สาวฝาแฝดของเธอ หญิงสาวพยายามมองโลกในแง่ดีว่าพี่สาวของเธออาจจะรู้การมาที่คาดาร์โดยไม่ได้บอกกล่าว เลยส่งคนมาแกล้งเธออะไรแบบนั้น
นี่เธอจะคิดแบบโลกสวยเกินไปหรือเปล่านะ
นีเซียอดคิดแบบนั้นไม่ได้ แต่ดูเหมือนว่าคำพูดของเธอจะไม่ได้การตอบรับจากใครทั้งนั้น คำถามของเธอถูกตอบรับด้วยความเงียบเชียบ มีเพียงเสียงเครื่องยนต์เบาๆ เท่านั้นที่นีเซียได้ยินในตอนนี้
“ท่านชีคส่งพวกคุณมาใช่ไหม”
เมื่อคำถามเดิมไม่ได้คำตอบ นีเซียจึงเลือกที่จะเปลี่ยนคำถามเสียใหม่ และคราวนี้คนที่นั่งทางด้านซ้ายก็เอื้อมมือเข้าไปหยิบของบางอย่างออกมาจากเสื้อสูท ดวงตากลมโตของนีเซียเบิกกว้าง เมื่ออีกฝ่ายหันมามองเธอพร้อมด้วยผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งที่อยู่ในมือหยาบกร้าน
“คุณจะทำอะไร”
ไร้คำตอบอย่างเช่นทุกครั้ง เพียงชั่วเสี้ยววินาทีผ้าเช็ดหน้าผืนดังกล่าวก็โปะลงบนจมูกและริมฝีปากของเธอ เพียงครู่เดียวสติของหญิงสาวก็ดับวูบลง
หญิงสาวมองไม่เห็นอะไรอีกเลย
เปลือกตาบางใสขยับไปมาก่อนจะเปิดขึ้น ดวงตาคู่สวยที่สวมคอนแทกเลนส์สีดำเอาไว้กวาดมองไปรอบๆ ภาพที่เห็นคือสถานที่ที่ไม่คุ้นตา นั่นทำให้ร่างบางขยับตัวลุกขึ้นนั่งอยู่ในท่ากึ่งนอน รีบก้มมองสำรวจร่างกายของตัวเองอย่างร้อนรน ครู่หนึ่งก็ผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อเสื้อผ้าที่เคยอยู่บนตัวเธอยังอยู่ครบทุกชิ้น
แต่ความโล่งใจก็อยู่กับเธอได้ไม่นาน
“ฟื้นแล้วหรือพระชายา”
เสียงกระด้างที่ดังขึ้นไม่ไกลนัก ทำให้นีเซียกวาดสายตามองหาต้นเสียงด้วยท่าทางตื่นกลัว ก่อนจะหยุดสายตาที่แผ่นหลังกว้างของใครสักคนที่แต่งกายด้วยชุดสูทสีกรมท่ายืนห่างจากเตียงนอนของหญิงสาวไม่มากนัก
“คุณเป็นใคร”
น้ำเสียงที่ถามออกไปซ่อนความตื่นกลัวเอาไว้ไม่มิด ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น และนีเซียก็ไม่ปฏิเสธเลยสักนิดว่าตอนนี้เธอกำลังหวาดกลัวจนจับขั้วหัวใจ
คนถูกถามค่อยๆ หมุนตัวกลับมาเผชิญหน้ากับเธอ นีเซียจึงมีโอกาสได้เห็นเจ้าของเรือนกายสูงใหญ่อย่างเต็มตา
นีเซียไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าคนตรงหน้าของเธอเป็นผู้ชายที่หล่อจัดจนหาใครเทียบได้ยาก เขามีจมูกโด่งคมสันรับกับริมฝีปากหยักสวย มีคิ้วหนาได้รูปที่พาดเหนือดวงตาสีน้ำตาลทองที่ดูล้ำลึกน่าค้นหา เส้นผมของเขาเป็นสีดำสนิทตัดสั้นระต้นคอ และมีไรเคราจางๆ ล้อมกรอบหน้า ทำให้เขามีใบหน้าที่หล่อเหลาคมเข้มเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ไม่รวมกับเรือนกายสูงใหญ่และช่วงไหล่กว้าง ทุกองค์ประกอบทำให้เขาดูสง่างามราวกับรูปปั้นเทพบุตรกรีก
โดยเฉพาะดวงตาที่ดูล้ำลึกคู่นั้นทำให้เธอหายใจไม่ทั่วท้องไปพักหนึ่ง นานหลายนาทีกว่าที่นีเซียจะหาเสียงของตัวเองเจอ
“คุณเป็นใคร”
นีเซียถามซ้ำ ร่างบางค่อยๆ ก้าวลงจากเตียงกว้างแล้วหยุดเท้าที่ข้างเตียง ในขณะที่ดวงตาคู่สวยมองคู่สนทนาที่ยังไม่ยอมเปิดปากไขข้อข้องใจของเธออย่างระแวดระวัง
อามิลไม่ตอบคำถามในทันที เขากวาดสายตามองสตรีร่างเล็กตรงหน้า ในภาพถ่ายเธอก็งดงามอย่างไร้ที่ติ หากแต่สตรีที่อยู่ตรงหน้าของเขาในตอนนี้ดูงดงามมากกว่า เส้นผมของเธอเป็นเส้นผมหยักศกสีดำสนิทที่ปล่อยยาวจนถึงบั้นเอว เครื่องหน้าบนดวงหน้ารูปไข่ก็พอเหมาะพอเจาะไปเสียทุกอย่าง หญิงสาวมีคิ้วโก่งได้รูปที่พาดเหนือดวงตากลมโตสีดำสนิท ขนตาเป็นแพงอนงาม มีจมูกเชิดรั้นรับกับเรียวปากอวบอิ่มสีเชอร์รี่
ทว่าแววตาของเธอแตกต่างจากแววตาในภาพถ่าย ในภาพถ่ายแววตาของเธอดูหวานซึ้ง แต่แววตาของสตรีตรงหน้ากลับดูซุกซนและเต็มไปด้วยความดื้อรั้นอย่างบอกไม่ถูก
คิ้วหนาที่พาดเหนือดวงตาสีน้ำตาลทองขยับเข้าหากันนิดๆ แต่ชั่วเสี้ยววินาทีก็คลายออกจากกัน ในขณะที่นัยน์ตาสีน้ำตาลทองแข็งกร้าวยังจับจ้องอยู่ที่สตรีร่างเล็กตรงหน้า และเขากำลังสาวเท้าเข้ามาหาเธอด้วยท่าทีคุกคาม และนั่นเป็นเหตุให้นีเซียหายใจไม่ทั่วท้อง ความตื่นกลัวที่มีต่อผู้ชายตรงหน้าก็คุกคามเธออย่างหนักจนยากเกินจะรับมือไหว ถึงแม้ว่าคนตรงหน้าจะมีใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพบุตรก็ตาม
“ยะ อย่าเข้ามานะ”
นีเซียร้องบอก เท้าเล็กขยับถอยหนีอย่างระแวดระวัง แต่นั่นไม่ได้ช่วยให้คนสูงกว่าทำตามที่เธอร้องขอ จนกระทั่งแผ่นหลังบอบบางกระแทกเข้ากับผนังห้องเย็นเฉียบ อามิลถึงได้หยุดคุกคามเธอ แต่ระยะห่างระหว่างกันก็ไม่ได้มีมากนัก
“กลัวผมงั้นหรือพระชายา”
อามิลเหยียดยิ้มตอนที่ถามออกไป นัยน์ตาสีน้ำตาลทองฉายแววกราดเกรี้ยว และนั่นทำให้นีเซียรับรู้ได้ในทันทีว่าคนที่เขาต้องการตัวไม่ใช่เธอ
แต่เป็นพี่สาวฝาแฝดของเธออย่างนีน่า
“คุณจับตัวฉันมาทำไม คุณต้องการเรียกค่าไถ่อย่างงั้นเหรอ”
ถึงแม้ว่าคนตรงหน้าจะดูห่างไกลจากคำว่าจอมโจรมาก ทั้งการแต่งกาย รูปร่างหน้าตา และความสง่างามที่เปล่งประกายออกมาจากตัวเขา แต่นีเซียก็เลือกที่จะยอมรับว่าเธอคือนีน่า เพราะหากเธอปฏิเสธออกไปเธอเกรงว่าคนตรงหน้าอาจจะสั่งให้คนไปจับพี่สาวของเธอมา ถึงแม้ว่าเธอมั่นใจเกินร้อยว่าชีคฟารีสผู้เป็นพี่เขยของเธอ จะไม่ปล่อยให้พี่สาวของเธอต้องคลาดสายตา และพี่สาวของเธอต้องได้รับการคุ้มกันเป็นอย่างดี แต่นั่นเป็นเพราะตอนนี้พี่สาวของเธอกำลังตั้งครรภ์อยู่ ถึงแม้ว่าจะเป็นครรภ์อ่อนๆ เธอก็ไม่อยากเสี่ยง
บางทีเขาอาจจะแค่ต้องการจับตัวพี่สาวของเธอเพื่อมาเรียกค่าไถ่ก็ได้ เพราะหากเขาต้องการชีวิตของนีน่าคงฆ่าเธอทิ้งไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องจับเธอมาขังในห้องที่ดูหรูหราและโอ่อ่าขนาดนี้
“ผมไม่ได้ต้องการเงินหรอกพระชายา”
อามิลแค่นยิ้มตอนที่บอกออกไป ในขณะที่เขาจงใจใช้สายตาจาบจ้วงและหยาบคายกวาดมองเรือนร่างของหญิงสาวตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ก่อนจะหยุดสายตาที่ทรวงอกอวบอิ่มอย่างจงใจ
“อย่ามามองฉันด้วยสายตาแบบนั้นนะ”